เรืองไกร เล่าเบื้องหลัง ก่อนเป็นนักร้องย้ายค่าย นั่งกมธ.งบโควต้าพปชร.

“เรืองไกร” เผย ย้ายค่ายแต่ถ้าเห็นว่าทำไม่ถูกก็ร้องเรียนเหมือนเดิม ชี้ ไม่กลัวใครเป็นคนตรงไปตรงมา ปม มีชื่อกมธ. งบประมาณ65 โคต้า พปชร.

จบการประชุมร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วาระแรก ระหว่างขาน 72 รายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เข้าไปทำหน้าที่ปรับปรุงแก้ไข คอการเมืองฮือฮา เมื่อพรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เจ้าของฉายา “นักร้องมืออาชีพ” สังกัดค่ายเพื่อไทย ไปเป็นกมธ.ในโควต้าของตัวเอง

ล่าสุด (3 มิ.ย.) นายเรืองไกร เปิดใจ “มติชนออนไลน์” หลังปรากฎชื่อมีเป็นกมธ.งบประมาณฯในสัดส่วนของพปชร. โดยยอมรับว่า เพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อเช้าที่ผ่านมา

โดยก่อนหน้านี้ มีฝ่ายค้านพรรคเล็กติดต่อมาบ้าง ฝั่งรัฐบาลก็ไม่ได้มีแค่พรรคพปชร. ยังมีพรรคอื่นก็ชวนมาทำงานด้วยกัน ส่วนการมีชื่ออยู่ในกมธ. ถ้าเขาตั้งก็ทำงานให้ เมื่อคืนนี้ยังไม่รู้ว่ามีชื่อ เพราะเขาก็ไม่เคยบอก ส่วนตัวก็ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้

ยืนยันว่า ยังคงตรวจสอบเหมือนเดิม ยกตัวอย่างกรณีที่ผ่านมา ตอนที่อยู่ฝ่ายค้านเห็นพรรคร่วมโหวตกฎหมายที่ไม่ถูกก็ร้องหมด ไม่ใช่ว่า พอเป็นผู้ชำนาญการให้เห็นอะไรไม่ถูก และจะปล่อยผ่าน ยืนยันถ้าเห็นว่า อะไรไม่ถูกก็ยังคงร้องเหมือนเดิม แม้จะย้ายค่ายเพราะ ส่วนตัวเป็นคนอย่างนี้

Advertisement

“ผมไม่กลัวใครอยู่แล้ว คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ไม่กลัว ส.ส.หรือส.ว.ก็ไม่กลัว ผมเป็นคนตรงไปตรงมา” นายเรืองไกร กล่าว

ถามว่า ตอนนี้ถือว่า อยู่ในพรรคพปชร.แล้วใช่หรือไม่ ?

นายเรืองไกร รับว่า เรื่องความเป็นสมาชิกพรรคได้ยื่นไปตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเอกสารความสมบูรณ์ตอบรับมาอย่างไรตอนนี้ยังไม่ทราบ เห็นได้ว่า เรื่องนี้เกิดก่อนเรื่องงบประมาณ เพราะเขาอยากได้คนช่วยทำงานและส.ส.พปชร.หลายคนก็ปรึกษากับตน ขณะเดียวกันฝ่ายค้านตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มาปรึกษา ใครมาขอความรู้ ตนก็ให้หมดแต่ส่วนว่า ผลจะออกมาอย่างไรก็ไม่ทราบ

Advertisement

ถามว่า ตั้งแต่มีการเปิดเผยว่า มีชื่ออยู่ในกมธ. พรรคเพื่อไทยได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ ? 

ไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งแต่ที่ส่งจดหมายลาออกแล้ว แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่หลังจากที่ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจนาฬิกาหรู นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยต่อมานายยุทธพงศ์ได้ท้าให้ไปที่พรรคพท. ก็ได้ไปเพื่อขอซื้อนาฬิกาเรือนนั้นต่อ เนื่องจากนายยุทธพงศ์ระบุว่าไม่แพง

ถาม จะมุ่งแก้งบประมาณ 65 ตรงไหนเป็นพิเศษหรือไม่ ? 

นายเรืองไกร โชว์วิชั่นว่า เห็นการอภิปรายของส.ส.ที่ผ่านมา เห็นด้วยที่งบจะต้องแปรเพื่อความเหมาะสม และงบประมาณฉบับนี้ครม.มีมติเมื่อธันวาคมปี 2563 แต่ในตอนนี้ปี 2564 มีปัญหาที่ใหญ่โตของบ้านเมืองอย่างโควิดระลอก 3 ซึ่งเริ่มเมื่อเดือนเมษายน และในวันนี้เราต้องให้รัฐบาลเอางบไปก่อน

ส่วนอะไรตรงไหนไม่ถูกที่ทำมาตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก็ต้องแปรญัตติตัดงบประมาณว่าตรงไหนที่ไม่เหมาะสม ไม่ได้จำเป็นหรือเร่งด่วนก็ต้องปรับลดไปแล้วให้รัฐบาลไปจัดสรร เพราะเราบอกให้ลดได้ แต่ไม่สามารถชี้ให้เอาไปตรงนั้นตรงนี้ เพราะผิดรัฐธรรมนูญ

มองว่า งบประมาณต้องออกให้เร็ว เพราะรัฐบาลมีเรื่องอื่นต้องทำ ไม่ใช่เอามาแช่อย่างที่ผ่านมา แล้วที่หลายคนบอกว่าโหวตไม่รับหลักการ 201 เสียงแล้วทำไมจึงรับเป็นกมธ.ฯ ถ้าไม่รับทั้งฉบับและจะแปรญัตติได้อย่างไรฉะนั้น จึงต้องรับแล้วแปรญัตติเพื่อให้เกิดประโยชน์

“การที่บอกให้คว่ำงบไปเลยแล้วยังชวนพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์คว่ำงบด้วยอย่างนี้จะแก้ปัญหาประเทศได้อย่างไร 3 วันที่ผ่านมาก็พูดวนเวียนไปมาไม่รู้เรื่องกันเลย แถมยังมีการยกมือไหว้ให้ลาออก แล้วใครจะมาบริหารประเทศในยามวิกฤติ กว่าจะฟอร์มรัฐบาล กว่าจะมีการเลือกตั้งระหว่างนั้นใครดูแลบ้านเมือง

รัฐบาลทำถูกไม่ถูกตรงไหนก็เข้าชื่อร้องเรียนไป ไม่ใช่แถลงข่าวจะร้องแล้วหายเงียบ ส่วนตัวมองว่า ในวิกฤติบ้านเมืองอย่างนี้ทำงานเอามันไม่ได้ ฉะนั้น เมื่อเข้าสู่งบประมาณ เราควรทำอย่างไรให้หน่วยงานที่ของบมาอยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้วิ่งพลุ่งพล่านอย่างทุกปีที่ผ่านมา

วันนี้ต้องทำให้เร็ว เพราะมีเรื่องให้ห่วง เมื่อเสร็จงบประมาณ 2565 ก็รีบดูพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทให้เรียบร้อย รัฐบาลจะได้มีเครื่องไม้เครื่องมือ แล้วก็มาไล่ดูว่า รัฐบาลใช้เงินทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่

เพราะวันนี้แม้จะมีกมธ.วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกู้ พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน แต่ไม่มีใครออกมาระบุบ้างเลยว่า เกิดการทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ว่า” นายเรืองไกร กล่าว

ทั้งนี้ ว่าที่นักร้องค่ายใหม่ รับว่า การที่ได้เป็นกมธ.ชุดนี้ ต้องขอบคุณ เพราะไม่เคยบอกมาก่อน

“ไม่เหมือนปี 2564 ที่รู้แน่นอนจากผู้หลักผู้ใหญ่ มีการไลน์มาส่งตารางรายชื่อมาให้ดูและก็มีชื่อแล้ว แต่พอกลางคืนมาเปลี่ยนก็เสียความรู้สึก ทำงานให้ตั้งเยอะผิดหวังมากๆ เพราะโควต้าเดิม มีแค่ 13 คน แต่เมื่อปี 2564 เพิ่มมา 2 กลายเป็น 15 และยังจะเบียดเอาไป แล้วเอาไปทำอะไร ถ้าทำงานได้ดีกว่าไม่ว่า แต่ใน 15 คนเอา 14 คนมาเทียบกับการทำงานของผมก็ยังสู้ไม่ได้ ไม่ได้คุยแต่เรื่องกฎหมาย วินัย การเงิน การคลังและงบประมาณ” นายเรืองไกร สะท้อนปัญหาของสังกัดเดิม

พร้อมทิ้งทายด้วยว่า  “ผมดูเก่ง ผมดูยังไงหน่วยรับงบประมาณก็เถียงไม่ได้ พอในวันนี้พปชร.เห็นว่า เรามีประโยชน์ก็ให้เราเป็น และมาบอกผมทิ้งผมย้ายค่าย ผมก็คือผม แต่จะให้ผมขอเพื่อไทยไปวิ่งง้องอน ผมไม่ได้กระสันขนาดนั้น

ผมเชื่อว่าคนเก่งมีเยอะแยะ แต่ถ้าคุณเห็นว่า ผมเก่งและช่วยได้มาก ผมก็ยินดีทำให้ แต่ถ้าทำไม่ถูก ผมก็ว่าทั้งนั้น”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image