เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย จัดงานเสวนาแบบเสมือนจริง CARE THE FUTURE ในวาระครบรอบ 1 ปีของการก่อตั้งกลุ่มแคร์ โดยในช่วงแรกเริ่มในหัวข้อ “คนไทย ไร้จน” UBI : รายได้พื้นฐานถ้วนหน้า ยกระดับสวัสดิการเพื่อคนไทย โดย “คำ ผกา” น.ส.ลักขณา ปันวิชัย นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง (อ่าน : ครบ 1 ปีกลุ่มแคร์ ‘คำ ผกา’ ชำแหละเศรษฐกิจไทย เสนอ ‘ประกันรายได้ถ้วนหน้า’ ทางออกเร่งด่วนประเทศ)
ต่อมา ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง พร้อมด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขและอดีตรองนายกรัฐมนตรี ร่วมกันนำเสนอถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการจัดการปัญหาเพื่อพาประเทศออกจากวิกฤต ในชื่อ จาก 150 วันอันตราย ถึงวิกฤตเศรษฐกิจหลังโควิด-19 อดีต-อนาคต การจัดการโรคระบาดและหุบเหวเศรษฐกิจ
จากนั้นเป็นปาฐกถาแคร์ โดย โทนี วู้ดซัม หรืออดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับกลุ่มแคร์นะ ซึ่งประกอบด้วยนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ นักสื่อสารมวลชน และรวมทั้ง นักเรียน นักศึกษา ที่เข้ามาร่วมเป็นคลังความคิด (Think Tank) ทั้งนี้ กลุ่มแคร์ ซึ่งได้มารวมตัวกันว่าเราจะตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการจุดประกายความคิดให้สังคมไทย ในยามที่เศรษฐกิจถดถอยมาก และมีวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 กลุ่มแคร์จึงรวมตัวกันขึ้นมาเพื่อเสนอทางออกให้กับประเทศไทย
โทนีกล่าวว่า กลุ่มนี้ได้เคลื่อนไหวไปหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเสนอแนวคิดต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเงินประเทศ แนวทางการช่วยเหลือประชาชน เรื่องความยากจน เรื่องรัฐธรรมนูญ กลุ่มแคร์ก็ได้ทำไปหลายอย่าง ซึ่งขอชื่นชม เห็นว่าตอนนี้จะรวมพวกนักการศึกษาเข้ามาช่วยกัน คิดในด้านการศึกษาอีก ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
“ผมได้รับเชิญมาออกรายการในคลับเฮาส์อยู่ในช่วงวันอังคาร เว้นอังคาร ซึ่งผมก็ยินดีเต็มใจที่จะให้ความคิด ความหวังกับประชาชนในยามนี้ เราต้องยอบรับว่า ในยามนี้ บ้านเมืองเรา ค่อนข้างไม่มีทางออกที่ชัดเจน แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ อย่างการจัดการวัคซีน เราก็ทำให้เรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก แล้วก็สับสนวุ่นวาย จนไม่สามารถให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนได้ แม้กระทั่งเรื่องของผลข้างเคียงต่างๆ ของวัคซีนก็ไม่พิสูจน์ หรืออธิบายให้ประชาชนชัดเจนว่าโอกาสที่เกิดขึ้นน้อยหรือมาก เพราะว่าข่าวที่ออกมาทำให้คนสับสน เกิดความไม่มั่นใจ แล้วก็วัคซีนที่เราใช้ ต้องยอมรับว่าน่าจะมีวัคซีนทางเลือกมากกว่านี้ แต่ก็มาทำช้าไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร มาช้าดีกว่าไม่มา
“สิ่งที่เป็นห่วงมากคือชาวบ้านไม่มีจะกิน ตลาดทุกตลาดมีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ กลุ่มแคร์เลยชี้ว่า 150 วันอันตรายที่ผ่านมาเป็นอย่างไร แล้ววันนี้ ต่อไปนี้เป็นยังไง ซึ่งก็มีข้อเตือนใจว่ากลางปีนี้หนี้สินต่อจีดีพีเราจะขึ้นมาทะลุ 60% ซึ่งเป็นการกำหนดตามวินัยการคลังไว้ก็จะเกิน ทางรัฐบาลก็คงจะแก้เพื่อไม่ให้ผิด แต่ว่าที่ผิดคือ ผิดในเรื่องวินัย เอาไปแก้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเรายังไม่มีวินัยแล้วไปแก้ตัวเลข
“สิ่งเหล่านี้ กลุ่มแคร์ก็ได้พยายามพูดถึงตลอดเวลา กลุ่มแคร์ที่ผ่านมาก็ทำไปเยอะ แต่เน้นในกรุงเทพฯ ทีนี้เรามาพูดถึงเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของทั้งประเทศ โดยเฉพาะปัญหาของผู้ที่อยู่ เรียกว่าไกลปืนเที่ยงก็ได้ ทางด้านต่างจังหวัด ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ เรายังไม่ได้รับฟังปัญหาหรือทุกข์สุขของเขาเท่าที่ควร” โทนีกล่าว
โทนีกล่าวว่า วันนี้เราต้องยอมรับว่า รัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ก็จะสนใจเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนน้อยมาก และเข้าใจปัญหาประชาชนน้อยมาก ใครถามมากก็จะดุเอา ดังนั้น เป็นสิ่งที่กลุ่มแคร์จะต้องสะท้อนปัญหาในต่างจังหวัด ปัญหาของคนหลากหลายอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพเกษตรกร อาชีพค้าขายเล็กๆ น้อยๆ อาชีพที่เขากำลังคิดว่าจะปรับตัวยังไงกับเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งที่ทางกลุ่มแคร์ควรอย่างยิ่งที่จะต้องไปพบปะ กับคนในต่างจังหวัดบ้าง ทั้งนี้ กลุ่มแคร์ควรจะไปเยี่ยมเยียนพี่น้องในอีสานบ้าง ทางเหนือบ้าง ทางภาคกลางบ้าง ภาคตะวันออก ตะวันตกบ้าง ภาคใต้บ้าง เพื่อที่จะได้รู้ว่าปัญหาแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันแน่นอนในวันนี้คือข้าวยากหมากแพง เงินไม่มี หนี้สินเยอะ เราจะต้องไปรับฟังปัญหา และหาทางออกให้กับประชาชน และก็สะท้อนไปให้รัฐบาล เพราะว่ารัฐบาลมีหน้าที่ทำ
“ถ้าเราไม่ปรับ รัฐบาลไม่ปรับในการดูแลประชาชน ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วก็แจกเงิน รัฐบาลวันนี้ ก็อาจจะถนัดเรื่องใช้เงินไปตามงบประมาณ ใช้หมด ไม่พอก็กู้ กู้แล้วทะลุเพดาน ก็แก้เพดาน แล้วกู้มาก็ไม่รู้จะคิดยังไง ก็แจกเงิน เป็นสิ่งที่อยากที่ผมพูดไปในคลับเฮ้าส์ ว่าเราก็จะจมอยู่ในกับดักหนี้ ซึ่งก็ทำให้ประเทศลำบาก
“พอไปเปรียบเทียบกับสากล สากลในที่นี้ก็เปรียบเทียบกับเวเนซุเอลา เป็นประเทศที่มีน้ำมัน แต่วันนี้ หนี้ประเทศทะลุไป 100% ต่อจีดีพี แล้วประชาชนก็อดอยากลำบาก เงินเฟ้อสูง เราจะเป็นอย่างนั้นหรือ? เพราะฉะนั้น เราต้องรีบปรับปรุงเรื่องของเศรษฐกิจในประเทศโดยเร็ว และเปิดโอกาสให้ประชาชนมากๆ
ดังนั้น กลุ่มแคร์ก็ควรอย่างยิ่งที่จะต้องรับรู้ปัญหาแล้วหาทางออก และแนะนำรัฐบาล“ โทนีกล่าว
โทนีกล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือโลกเขาพัฒนามาก เขาแข่งขันกันมาก แม้แต่วันนี้ที่ยุโรป เรื่องของโควิดก็ยังแก้ไม่หาย แต่เขาจะเปิดประเทศแล้ว บางประเทศเปิดไปแล้วเมื่อ 9 มิถุนายน บางประเทศส่วนใหญ่เลย ก็จะเปิดวันที่ 1 กรกฎาคม โดยเขาเน้นเรื่องของวัคซีนพาสปอร์ต ก็คือคุณได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 เข็ม เกิน 14 วันแล้ว ก็ยินดีต้อนรับทุกที่ หรือบางที่ก็ขอแถมเรื่องการตรวจพีซีอาร์ ถ้าผลเป็นลบ ก็ให้เข้าได้ ดังนั้น เขาเริ่มแล้ว เขามองว่าทนไม่ไหวแล้ว เรื่องท่องเที่ยวเขาก็เริ่มจะเปิดแล้ว ร้านอาหารต่างๆ ก็แย่ลง การเก็บภาษีของรัฐก็แย่ลง เขาเตรียมเปิดแล้ว แต่ของเราต้องจริงจังได้แล้ว เพราะไม่งั้น นานกว่านี้ ประชาชนจะลำบาก ไปแจกเงินก็ไม่พอหรอก ไม่พอกินจริง ฉะนั้น ก็รีบ ผมก็จะย้ำอีกว่าต้องรีบเตรียมตัว เปิดเศรษฐกิจของประเทศได้แล้ว
โทนีกล่าวว่า ในโลกวันนี้เราแข่งขันกันหลายเรื่อง เศรษฐกิจดิจิทัล แพลตฟอร์มต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ เรื่องอินเตอร์เน็ตที่ไม่เกิน 5 ปีก็จะมาใช้เรื่องของอินเตอร์เน็ตควอนตัม เราเตรียมตัวพร้อมอย่างไร เรื่องของอินเตอร์เน็ตควอนตัม ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของความเร็วและความปลอดภัยของข้อมูล จะไม่มีการแฮกได้มาต่างๆเหล่านี้ ก็จะเข้ามาแล้ว เรื่องของทางด้านการเงิน ฟินเทค ต่อไปนี้จะกลายเป็นสิ่งที่เข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
“วันก่อนมีคนมาชวนผมไปลงทุนว่า เราลงทุนในบริษัที่เกี่ยวกับเรื่อง ‘ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง’ ซึ่งจะไปเชื่อมต่อกับมาสเตอร์การ์ด หรืออเมซอน ถามว่าตรงนี้กำลังจะมา จะมาแย่งลูกค้า การซื้อจากบ้าน ไปร้านค้าปลีก ก็จะถูกแข่งขันกันหมด คนไทยจะเตรียมตัวอย่างไร เราจะบอกเขาได้ไหม สิ่งเหล่านี้กำลังเป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจที่เขาเคยทำมาจนปัจจุบัน จะต้องแก้ไขแล้ว จะต้องทำยังไง ผมคิดว่าคงเป็นการบ้านสำคัญให้กับคนเป็นรัฐบาล แต่คนที่เป็นคลังความคิดอย่างกลุ่มแคร์จะช่วยคิด ช่วยให้รัฐบาล พูดให้รัฐบาลได้ยินหน่อย ถ้าเขาเอากลับไปคิด ไปทำต่อก็ได้เป็นประโยชน์ อีกไม่กี่ปี หรือปีกว่าก็จะเลือกตั้งแล้ว เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ก็กำลังคิดว่าประชาชนจะเลือกยังไง แล้วจะเอาใครมาแก้ไขปัญหาให้เขา นั่นก็เป็นสิ่งปกติในระบบการเลือกตั้ง ถึงแม้เราเป็นประชาธิปไตยเพียงเสี้ยวเดียว ไม่เต็มที่ ก็ยังดีกว่าไม่เป็นเลย” โทนีกล่าว
โทนีกล่าวว่า วันนี้เราต้องคิด แก้ปัญหาปัจจุบันที่หมักหมม แก้ไม่จบ แล้วไม่ได้มองอนาคตไปพร้อมๆ กัน ต้องมองปัจจุบันแล้ววางทางแก้ปัญหาเผื่อในอนาคตด้วย เราจะได้ทำให้ประเทศเจริญขึ้น ถ้าเรายังเป็นอย่างนี้ ไม่คิดทางวิชาการ ไม่คิดจะพัฒนาให้ตัวเองตามทันโลก เราก็ไม่สามารถดูแลประชาชนของเราได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้มีผลต่อทุกประเทศ เพราะความเชื่อมโยงไม่เหมือนเมื่อก่อน
โทนีกล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่ว่าการมาเป็นรัฐบาลใครๆ ก็เป็นได้ การเมืองแบบเดิมๆ เดี๋ยวเอาทหารมา นั่นไม่เพียงพอ สมัยก่อนที่เพียงพอ เพราะระบบราชการแข็งแรง และโลกไม่เชื่อมโยงกันมากขนาดนี้ แต่วันนี้โลกเชื่อมโยงกันมาก แต่ระบบราชการเราอ่อนแอลงเยอะ เพราะเราขาดการพัฒนา แล้วในโลกของทุนนิยม คนก็เยอะหาเงินมากๆ ก็จะไปอยู่ภาคเอกชน คนเรียนหนังสือเก่งๆ ไปอยู่ภาคเอกชน ภาคราชการก็จะมีคนที่เรียนเก่งน้อยลง ดังนั้น ความเก่งในระบบราชการล้าหลัง ดังนั้น คนที่มาเป็นรัฐบาล ถ้าไม่เอาความรู้ติดตัวมา เอามาแค่คะแนนเสียงนั่นก็ไม่เพียงพอ ต้องเอาความรู้ติดตัวมา ที่จะมาแก้ปัญหาบ้านเมือง
“ผมก็เลยฝากกลุ่มแคร์ไว้ว่า ขอให้ช่วยกัน เอาประเด็นต่างๆ ที่เราไปรับฟังจากชาวบ้านมา แล้วลองมารวมกันว่าเขาทุกข์เรื่องอะไร แล้วการแก้วิธีไหนแก้ให้เขาได้ แล้วระยะยาว ประเทศต้องเดินหน้าไปทางไหน ระบบการศึกษาจะเป็นยังไง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะว่ายังไง ระบบเศรษฐกิจจะว่ายังไง ระบบการเงินประเทศจะไปยังไง จะปรับปรุงยังไง อย่าลูบหน้าปะจมูก เราต้องเดินหน้าด้วย หลักการที่ถูกต้อง แล้วเราถึงจะ นำพาประเทศไทยไปได้
“ผมอยากจะฝากข้อคิดให้กับกลุ่มแคร์ว่า ที่ทำมาแล้ว ทำได้ดีมาก แล้วก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามา ร่วมคิด ร่วมทำกับกลุ่มแคร์ แล้วก็ขอให้กลุ่มแคร์เดินหน้าต่อไปในเชิงของการรับรู้ปัญหาให้ทั่วประเทศ แล้วก็เสนอทางออกให้กับรัฐบาล ส่งเสียงดังๆ อย่างน้อยๆ รัฐบาลไม่เอาไป ภาคประชาชนก็จะได้ตื่นตัวว่านี่ข้างหน้าจะเกิดขึ้นนะ โอกาสคืออะไร อะไรคือสิ่งที่จะคุกคาม ความอยู่รอดของธุรกิจตัวเอง จะได้ปรับตัวได้ทัน ถ้าไม่ปรับตัวก็พัง นะครับ
“สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่กลุ่มแคร์ได้ตั้งใจจะทำแล้ว ขอให้ทำต่อไป ขอให้กำลังใจ และขอขอบคุณทุกๆ คนที่มาร่วม แล้วก็ขอขอบคุณ กำลังใจที่ให้กับกลุ่มแคร์ และก็ขอขอบคุณข้อมูลที่ให้กับกลุ่มแคร์มาศึกษาเพื่อเป็นประโยชน์กับคนทั้งประเทศ” โทนีกล่าว
