นักวิชาการ มองความหวังเดียว ปชช. ผ่าน ‘พ.ร.บ.ประชามติ’ ชี้ ล้มรบ.ได้ ต้องมี ‘เอกภาพ’-‘จุดยืนต่าง’ คือข้อจำกัด
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ความเห็น “มติชน” ต่อกรณี สมาชิกรัฐสภา ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรมนูญทั้ง 13 ร่าง ผ่านความเห็นชอบวาระแรก เพียง 1 ฉบับ คือ ร่างฉบับที่ 13 ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนคิดว่าความหวังของประชาชน ต่อผลการลงมติร่างรัฐธรรมนูญเช่นนี้ มีอย่างเดียวคือ ให้มีการผ่าน พ.ร.บ.ประชามติ เพื่อนำไปสู่การเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ของประชาชน ซึ่งต้องใช้เวลา
รศ.ดร.โอฬาร ประเมินทิศทางการเมืองบนท้องถนน ด้วยว่า การเมืองบนท้องถนนจากหลายกลุ่ม ที่ส่งสัญญาณมาเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นั้น ทำให้เห็นว่า หลายกลุ่มที่ออกมามีเป้าหมายเดียวกันในการขับไล่รัฐบาล แต่มีเจตนารมณ์ของการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน เช่น กลุ่ม “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” ของคุณจตุพร พรหมพันธุ์ หรือกลุ่ม “ประชาชนคนไทย” ของ นายนิติธร ล้ำเหลือ (นายนกเขา) ที่ขอเป็นเพียงกลุ่มขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่แตะโครงสร้างทางการเมืองอะไร กล่าวคือ เปลี่ยนเพียงแค่คน โครงสร้างยังเหมือนเดิม ทั้งนี้ จุดอ่อนคือ โครงสร้างแบบเดิมอาจจะสร้างคนแบบเดิมก็ได้ เพียงแค่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มราษฎร และเยาวชน ยืนยันการต่อสู้แบบทะลุเพดาน
“พูดง่ายๆ ว่า เป้าหมายร่วมกัน ‘มี’ แต่ จุดยืนแตกต่าง พอเป็นแบบนี้ การจะรวมตัวกันเป็นขบวนการใหญ่ก็จะมีข้อจำกัด อาจต้องใช้เวลา บวกกับการชุมนุมแบบใหม่ที่มีลักษณะแฟลชม็อบ เป็นการสร้างผลกระทบชั่วคราว สร้างกระแสแบบ ‘มาแล้ววูบหาย’ หากสังเกต จะพบว่าที่ผ่านมา แม้ชุมนุมปักหลักพักค้างเป็นเดือน เป็นครึ่งปี ก็ยังไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ ดังนั้น ในการล้มรัฐบาลของประชาชน ต้องมีเอกภาพมากกว่านี้ มีจุดร่วม มีความเห็นที่เป็นหลักการเดียวกันมากกว่านี้ หากเป็นเช่นนี้ จะทำให้สถาบันทางการเมือง ยังสามารถคุมสภาพการเมืองได้อยู่” รศ.ดร.โอฬารกล่าว
อ่านข่าว : รัฐสภา รับหลักการร่างที่ 13 ของ ปชป. เปลี่ยนระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ เพียงร่างเดียว
