ไม่อยากมีวีรชนเพิ่ม ‘ณัฐวุฒิ-ไทยไม่ทน’ ไม่ร่วมม็อบ 7 สิงหา หวั่นรุนแรง – ยัน จับตาใกล้ชิด จี้เข้มงวดมือที่ 3

ไม่อยากมีวีรชนเพิ่ม ‘ณัฐวุฒิ-ไทยไม่ทน’ ไม่ร่วมม็อบ 7 สิงหา หวั่นรุนแรง – ยัน จับตาใกล้ชิด จี้เข้มงวดมือที่ 3

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ สถานีโทรทัศน์ พีซทีวี กรุงเทพฯ กลุ่มไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดย นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชน, นายยศวริศ ชูกล่อม แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน และ นายนันทพงศ์ ปานมาศ หรือ กุ๊ก เครือข่ายรามคำแหงเพื่อ แถลงจุดยืน คณะไทยไม่ทน ต่อการชุมนุม วันที่ 7สิงหาคมนี้ พร้อมอ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 7

นายไทกร กล่าวว่า การเคลื่อนไหวชุมนุม ในวันที่ 7 สิงหาคม มีสถานการณ์ที่ส่อไปในเหตุการณ์ที่พี่น้องประชาชนคนไทย มีความวิตกกังวล คณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ในฐานะที่ ได้เริ่มต้นขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์อย่างเป็นทางการ แต่วันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา จึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือกัน ถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม

เราจึงได้มีมติและออกแถลงการณ์ฉบับที่ 7 ที่จะสื่อสารกับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ทั้งที่จะมาแสดงสิทธิเสรีภาพในวันที่ 7 สิงหาคม และประชาชนที่ติดตามและห่วงใยสถานการณ์บ้านเมือง และสื่อไปยังรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะที่ยังคงเป็นรัฐบาลตามกฎหมาย แม้สภาพปัจจุบันจะไม่มีสภาพการเป็นรัฐบาลตามพฤตินัยเหลืออยู่แล้วก็ตาม

Advertisement

จากนั้น นายไทกรอ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 7 ของ คณะไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ความว่า

คณะไทยไม่ทนฯ ประกอบด้วยคนหลายรุ่นหลายวัย หลายสาขาอาชีพ หลากหลาย กลุ่มความเชื่อ และการเคลื่อนไหว ทางการเมือง ได้หารือสถานการณ์ไทยในปัจจุบัน พร้อมทั้ง สรุปบทเรียนจากเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่ผ่านมา โดยปราศจากอคติ จนได้รวมตัวกันอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2564 เพื่อประกาศจุดยืนสำคัญคือ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นตัวปัญหาและอุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาของประเทศไทยให้ออกจากตำแหน่ง

Advertisement

จากวันนั้น ถึงวันนี้ สถานการณ์ทุกอย่างในประเทศยิ่งเลวร้ายมากยิ่งขึ้นทุกวัน พล.อ.ประยุทธ์ยังคงไม่ตระหนักว่า ตนเองคือผู้ที่ทำให้ประเทศเสื่อมทราม ทรุด หากแต่รักษาอำนาจไว้ ไม่ยอมเสียสละลาออกเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้

จากการชุมนุมของประชาชน เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์หลายครั้งที่ผ่านมา พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการกับผู้ชุมนุมได้อย่างเต็มที่ โดยไม่คำนึงถึงหลักกฎหมาย หรือหลักการสากลใดๆ การใช้รถฉีดน้ำผสมสารเคมี การใช้แก๊สน้ำตา การยิงด้วยกระสุนยาง การเข้าทุบตีทำร้ายผู้ชุมนุม ซึ่งตำรวจได้กระทำต่อผู้ชุมนุมไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก เยาวชนผู้หญิงหรือผู้สูงอายุ โดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม ทั้งที่ปรากฏหลักฐานภาพถ่าย คลิปวิดีโอมากมาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีความละอายแก่ใจ กลับอ้างหลักฐาน อ้างกฎหมายที่เลื่อนลอย เพื่อมารองรับการกระทำทีรุนแรงขอองพวกตน

“คณะไทยไม่ทนทราบว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มราษฎร และอีกหลายเครือข่าย ได้ประกาศนัดชุมนุมในวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2564 คณะไทยไม่ทนมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ประกอบกับ ความจงใจของฝ่ายอำนาจรัฐ ที่ปล่อยให้มือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ โยนความผิดให้ผู้ชุมนุมเพื่อใช้เป็นข้ออ้างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุม ได้อย่างเต็มที่ เป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้ชุมนุมและประชาชน จนเกินกว่าที่สาธารณชนจะรับได้

ประกอบกับ สมาชิกคณะทางไม่ทนหลายท่าน ได้สูญเสียคนในครอบครัวและมิตรสหาย ไปกับเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองหลายชีวิต จึงไม่อยากให้ประเทศไทยต้องมีวีรชนเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น คณะถอยไม่ทนฯ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดใช้ความรุนแรง หยุดใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมทุกกรณี ให้จัดการอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงได้ พร้อมทั้งจะติดตามและเฝ้าดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด หากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำผิดกฎหมายและหลักสากล จงใจสร้างสถานการณ์เพื่อทำร้ายประชาชนที่มาใช้สิทธิเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ ไทยไม่ทน จะดำเนินการเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เว้นแม้แต่กรณีเดียว

คณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย
6 สิงหาคม 2564

นายไทกร กล่าวอีกด้วยว่า การชุมนุมวันที่ 7 สิงหาคม เป็นเสรีภาพของผู้ชุมนุมที่จะขยายข้อเรียกร้อง แต่ไม่ใช่การชุมนุมครั้งสุดท้าย ซึ่งหากใครไม่เห็นด้วย สามารถไม่เข้าร่วม แต่หากใครเห็นด้วยสามารถร่วมได้ ทั้งนี้ คณะไทยไม่ทนฯ ต้องการให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีระบบรัฐสภา ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ส่วนการชุมนุมวันที่ 8 สิงหาคม กลุ่มไทยไม่ทนได้รับประสานจาก นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซนัท ทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แกนนำกลุ่มสลิ่มกลับใจ ว่า ให้ไปร่วมจัดกิจกรรมสร้างสามัคคี ที่มีเจตนารมณ์ตรงกัน คือ ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง ส่วนการชุมนุมในวันที่ 10 สิงหาคม ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ถือเป็นการชุมนุมที่น่าสนใจ โดย กลุ่มไทยไม่ทน จะหารือกันเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วม ในการกำจัดระบอบประยุทธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ หรือ อ.ห.ต. เปิดเผยผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์” ถึงการชุมนุมเวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ว่า เพิ่งทราบเป้าหมายของการชุมนุม ไม่มีการประสานมา เพราะเป็นกระบวนการต่อสู้ที่น้องๆ เดินมาอยู่แล้ว เมื่อได้ทราบข่าว ตนก็ห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนตัวแล้วเคารพในการเคลื่อนไหวและจุดยืน ยืนยันไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อทราบก็ห่วงใย ตนไม่ทราบวิธีคิดหรือยุทธศาสตร์ แต่ความห่วงใยมาจากความปรารถนาดี ไม่ได้ก้าวก่ายการตัดสินใจ หลังจากออกจากเรือนจำก็พยายามกำหนดบทบาทตัวเอง ไม่ยืนอยู่แนวหน้าการเคลื่อนไหว เพราะเลยยุคสมัยตนมาแล้ว แต่ที่จะเดินต่อเพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับมือกับสถานการณ์ไม่ได้มันจะเสียหายถ้าไม่เปลี่ยนแปลง

“เมื่อทราบธงการชุมนุมวันที่ 7 สิงหา ผมห่วงใย เพราะไม่ได้ทราบว่ามีกิจกรรมที่นัดหมายดังกล่าว เมื่อทราบก็ไม่ทราบรายละเอียดว่านัดหมายปราศรัยอย่างไร ส่วนที่ไม่เข้าร่วมชุมนุม 7 สิงหา เพราะตั้งแต่ต้น หลังจากประกาศร่วมคาร์ม็อบ วันที่ 1 สิงหา ส่วนตัวก็จะมีกระบวนการทำงานต่อทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อขยายผลการทำงาน คาร์ม็อบ เรียกร้องสิ่งที่ต้องการ หลังจากที่ร่วมวันที่ 1 สิงหาแล้ว คิดว่าคงไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของน้องๆ ที่ประกาศไว้อยู่แล้ว ส่วนตัวถ้าจะทำต่อต้องมีเวลาทำงาน” นายณัฐวุฒิกล่าว

ทั้งนี้ นายณัฐวุฒ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดีย ด้วยว่า

ช่วงท้ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามใช้
พรก.ฉุกเฉินทำโน่นนั่นนี่ 9 ข้อ

วันนี้รัฐบาลประยุทธ์ศาลแพ่ง
คุ้มครองชั่วคราวเสรีภาพสื่อ

คลิปเสียงประชุมตำรวจรั่วถึงมือ
แกนนำราษฎรอีกต่างหาก
มีอะไรให้ต้องคิดมั้ยเนี่ย

#ไล่ประยุทธ์

อ่านข่าว :

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image