ณัฐวุฒิ เข้าใจเยาวชน ‘ทะลุแก๊ซ’ จี้ รบ.รับฟัง ‘บก.ลายจุด’ หวั่นกับดัก

ณัฐวุฒิ เข้าใจเยาวชน ‘ทะลุแก๊ซ’ จี้ รบ.รับฟัง  ‘บก.ลายจุด’ หวั่นกับดัก ชวนร่วมขบวน มุ่ง ‘ชนะทางการเมือง’

เมื่อเวลาประมาณ 11.20 น. วันที่ 26 สิงหาคม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) อดีตแกนนำ นปช. และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แถลงข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย ถึงรายละเอียด เส้นทางกิจกรรมชุมนุมใหญ่ “Car Mob – Call Out” ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้

อ่านข่าว : ‘ณัฐวุฒิ-บก.ลายจุด’ ประกาศ 1 เส้นทาง คาร์ม็อบ 29 สิงหา ชวน ‘เทหน้าตัก ปชช.’

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลเรื่องเหตุปะทะ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับกลุ่มเยาวชนทะลุแก๊ซ ที่แยกดินแดง

Advertisement

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เราห่วงใยอยู่แล้ว เพราะแนวทาง วัตถุประสงค์การเคลื่อนไหว ไม่มีเรื่องนี้ พร้อมแสดงเจตนาโดยเปิดเผยว่าจะหลีกเลี่ยง ขอแสดงความหวังจากตรงนี้ว่า วันที่ 29 สิงหาคมทุกอย่างจะเริ่มต้น และจบลงด้วยความสงบเรียบร้อย เราหวังใจว่า จะไม่มีการปะทะรุนแรง ไม่ว่าที่ใดก็ตาม และหวังว่าพลัง เนื้อหา สาระ หรือรูปแบบการเคลื่อนไหวในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ จะมีพื้นที่ในสื่อสารสาธารณะ หมายถึงประชาชนคนไทยและทั่วโลกได้อย่างเต็มที่ อย่างที่ควรจะเป็น

“ผมเห็นว่า นี่คือสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักร่วมกันว่า ไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดก็ตาม ไม่ว่าประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ โดยหลักในสังคม ประเทศที่เกิดเหตุปะทะระหว่างประชาชน กับเจ้าหน้าที่ แทบทุกวันจนเกือบกลายเป็นเรื่องปกติ ‘รัฐจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้’ จะเอาชนะประชาชนโดยการใช้กำลังกลางถนนเช่นทุกวันเช่นที่ผ่านมา ‘ไม่ได้’ เราเรียกร้องเสมอ ให้รัฐ ‘เปิดพื้นที่รับฟังเสียง’ ของเยาวชนเหล่านี้มากขึ้น ให้รัฐปรับรูปแบบการปฏิบัติงาน ลดความรุนแรง ลดเงื่อนไขการเผชิญหน้ากับเยาวชนกลุ่มดังกล่าวให้มากขึ้น และชัดเจน” นายณัฐวุฒิ และว่า ขอเรียกร้องอีกด้วยว่า ให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้ใหญ่ในรัฐบาล ส่งสัญญาณให้ชัด ว่าท่านไม่ประสงค์สิ่งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติว่าจะต้องไม่ให้มีการปะทะ ใช้กำลังกับประชาชนอีกต่อไป เราเชื่อว่า ถ้ารัฐมีความตั้งใจและจริงใจแก้ปัญหา ความรุนแรงจากพื้นที่ดังกล่าว จะลดลงได้ แก้ไขได้

Advertisement

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้ชุมนุมที่แยกดินแดง ดังเช่นที่ตนเคยแสดงความคิดเห็นไปว่า เราเคารพในหัวใจการต่อสู้ เราไม่ก้าวก่ายในการตัดสินใจ ที่ได้เลือกวิถีทางการต่อสู้ แต่เราเห็นว่า สถานการณ์เช่นนั้น น่าห่วงใยทั้งในเรื่องความปลอดภัย ห่วงใยทั้งในเรื่องความสำเร็จจากการต่อสู้ ว่าจะเกิดขึ้นได้จริงอย่างที่น้องๆ คาดหวัง ตั้งใจหรือไม่

“อยากให้มีการสรุป ประเมินสถานการณ์ ถอดบทเรียนในกลุ่มของน้องๆ เอง เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุด ให้เกิดความปลอดภัย หรือแนวทางที่ลดเงื่อนไขในการปะทะ อันจะนำมาสู่ความบาดเจ็บ หรือกระทั่งการสูญเสียของกลุ่มน้องๆ ได้ในที่สุด”

“เราไปก้าวก่ายไม่ได้ เพราะเขาประกาศตนเป็นอิสระ แล้วก็ไม่ได้แสดงออกว่ามาร่วมกิจกรรม แนวทางการเคลื่อนไหวที่เราจัดมาตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบัน” นายณัฐวุฒิกล่าว

ด้านนายสมบัติกล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นปฏิกิริยาของน้องๆ ที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จึงหาวิธีการในการแสดงออก อยากให้เห็นว่า หากจะเอาชนะ พล.อ.ประยุทธ์ ชนะเผด็จการที่มีกองกำลัง มีงบประมาณ มีอาวุธ ทางสำคัญที่จะเป็นไปได้ที่จะชนะเราต้อง ‘ชนะทางการเมือง’ ก่อน

หมายถึงการที่มีประชาชนจำนวนมากเห็นด้วย และเข้าร่วม การต่อสู้ทางการเมือง จึงกลายเป็นแนวทางหลัก ในการต่อสู้ของประชาชน แต่ก็ ‘ไม่ได้แปลว่า เราจะไม่ได้ถูกใช้กำลัง’ แต่รัฐจะไม่มีความชอบธรรมใดๆ เลย หากกระบวนการเคลื่อนไหวด้วย ‘สันติวิธี’ การใช้กำลังของรัฐต่อกระบวนการทางการเมือง ที่ยืนหยัดสันติวิธีเช่นนี้ ทำให้ความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐตกต่ำ และการเคลื่อนไหวของประชาชนได้รับความชอบธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

“ผมเข้าใจความรู้สึกน้องๆ ขอเชิญชวนให้มาร่วมต่อสู้ทางการเมือง โดยไม่เอาตัวเองไปเป็นเหยื่อให้กับฝ่ายรัฐใช้ความรุนแรงกับเรา ผมคิดว่า ช่วงเวลาที่กำลังจะถึงใน 2 สัปดาห์นี้ คือช่วงเวลาสำคัญ เป็นโอกาสลุ้นว่ากำลังประชาชนที่จะออกมาขับไล่ประยุทธ์ น่าจะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างแรง และพลังนี้จะไม่มีทางหายไป จะคงอยู่ ไม่ว่าชนะหรือไม่ในรอบนี้ และรอโอกาสที่จะกลับมาอีกครั้ง อยากเสนอให้ต่อสู้ทางการเมืองด้วยแนวทางสันติวิธี” นายสมบัติกล่าว และว่า

“เนื่องภายใน ราบ 1 มีบ้านหลวงของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นการดึงดูดให้มวลชนจำนวนหนึ่ง ต้องการไปต่อล้อต่อเถียง ซึ่งเข้าใจว่าต้องการไปตะโกน แต่ต่อมาก็วิวัฒนาการ มีตู้คอนเทนเนอร์ จึงเกิดการทะเลาะกับ     ตู้คอนเทนเนอร์ และเกิดเหตุการณ์ จากนั้น 1 สัปดาห์เห็นชัดว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็น ‘กับดัก’ หมายความว่าคุณจะไม่ได้อะไรจากสิ่งนั้น การถอยตู้คอนเทนเนอร์ลึกเข้าไป และล้อมตลบหลัง ไปจับน้องๆ ถึงขนาดถีบรถมอเตอร์ไซค์เขาขนาดนั้น ผมเห็นเป็นอื่นไม่ได้ คุณโดนแน่นอน

หรือต่อให้ไปยืนหน้าราบ 1 ได้ ผมก็รับรองว่ามีอีกแผนที่ (Map) หนึ่ง ลองจินตนาการ สมมุติว่า ปีนเข้าไปในบ้านหลวงหลังนั้นได้ รับประกันว่าจะไม่เจอพลเอกประยุทธ์ และจะไม่มีผลต่อการลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งนี้จึงมีสภาพเป็นกับดัก แล้วก็เจ็บ เข้าไปแล้วก็ติดอยู่ ถอนออกไม่ได้ ด้วยรูปการทั้งหลาย ผมจึงบอกว่า เป็นกับดักแน่นอน ไม่ควรเข้าไป ควรจะถอดบทเรียนเรื่องนี้” นายสมบัติกล่าว

เมื่อถามถึงรูปแบบการชุมนุม หลังจากวันที่ 29 สิงหาคม ว่าจะมีการชุมนุมลากยาวต่อจากนั้น หรือไม่ นาย ณัฐวุฒิกล่าวว่า วันที่ 29 สิงหาคม จะอธิบายรายละเอียดให้ทราบ แต่จะมีการแสดงพลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image