‘บิ๊กตู่’ พ้อจะไม่ฟังคำด้อยค่า ไม่เกิดประโยชน์กับชาติ ขอทุ่มเททำงานต่อ อวยพรฝ่ายค้านเป็น รบ.ให้ได้แล้วกัน

วันที่ 1 กันยายน 2564 - 15:37 น.

‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาว แจงทุกเม็ด อวยพร ‘ฝ่ายค้าน’ เป็นรัฐบาลให้ได้ก็แล้วกัน เตือนใช้เงินไม่ระวัง อยู่ไทยไม่ได้เหมือนใครบางคน รู้ตัวไม่มีใครรัก เพราะทำช้า แต่ถ้าแจกง่ายๆ อะไรจะเกิดขึ้น ย้ำมาจาก รธน.ไม่ใช่ รปห. ฉะอย่าเอาดีข้างเดียว แนะเขียนจ่าหน้าซองถึงนายกฯ แจ้งคดียาเสพติด จะช่วยตามจับให้

เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตนนั่งฟังตลอด ซึ่งเห็นคำพูดหลายอย่างที่ไม่ควรใช้ในสภาแห่งนี้ ท่านกล่าวถึงตั้งแต่ก่อนยึดอำนาจ บอกว่าเกษตรกรมีความสุข มีเงินเป็นแสนๆ ล้าน มีอาชีพที่เพียงพอ ถ้าช่วงที่ผ่านมาไม่มีการทุจริต คิดว่าเขาจะได้เงินมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป นี่คือข้อเท็จจริง พูดได้แค่นี้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องภาคการผลิต เราต้องปรับเปลี่ยนกันอย่างไรบ้างท่านเคยคิดกันหรือไม่ มีอะไรใหม่ๆ บ้าง นอกจากใช้เงินกันอยู่แบบนี้ เราต้องทำให้เข้มแข็ง และสามารถปรับเปลี่ยนการปลูกพืชได้ มีวิวัฒนาการต้นทุนการผลิต ท่านคงทราบดีกว่าที่ผ่านมาไม่มีการบริหารจัดการตรงนี้เลย ต่างคนต่างทำ ต่างช่วยตัวเองมาโดยตลอดแล้วนำเงินภาครัฐลงไปอุดหนุน สิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่ในระหว่างที่ยังไม่เข้มแข็งเพียงพอ รัฐบาลก็มีมาตรการดูแลให้ และเราใช้งบประมาณภาครัฐไปดูแลภาคการเกษตรเยอะมาก เยอะกว่าประเภทอื่นๆ ด้วยซ้ำไป

พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า ส่วนเรื่องของชาวประมง ถ้าฟังดูก็ดูเหมือนเป็นห่วงเป็นใยเขา แต่ต้องคำนึงทรัพยากรทางทะเลของเราด้วย ดังนั้น การปฏิบัติตามมาตรการที่ออกไป ก็มีความจำเป็น เพราะเราต้องพึ่งพาตลาดโลก ถ้าเราทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็ขอให้ทำให้ถูกต้อง ท่านต้องยอมรับว่ามีการทำไม่ถูกกฎหมายอยู่เยอะ และทำลายทรัพยากรจำนวนมาก ถ้าท่านบอกว่าจะเอารายได้อย่างเดียว ถ้ามีความเสียหายในอนาคต ท่านรับผิดชอบไหวหรือไม่ เพราะถ้าถูกกฎหมายใครจะทำอะไรเขาได้

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงต่อว่า ดังนั้น ในส่วนของการเกษตร เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด จะเห็นว่าพืชหลัก 6 ชนิด วันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว หลายคนบอกว่ายางพาราควรจะ 120 บาทต่อกิโลกรัม ข้าวควรตันละ 15,000 บาท ถามว่าท่านจะไปขายใคร ซึ่งเรามีการประกันราคา ราคาข้าวตามมาตรการอยู่แล้ว ซึ่งในขณะนี้ก็เกือบเต็มจำนวนแล้ว เพราะฉะนั้นราคาข้าวไม่ใช่ราคาที่เราตั้งได้เอง ต้องตามกติกาสากล เพราะเรามีการส่งออก ถ้าเราปลูกเยอะแล้วขายในราคาที่ต้องการ ใครจะซื้อท่าน โรงสีจะซื้อหรือไม่ ซื้อไปแล้วจะไปขายใครได้ หรือแข่งขันกับต่างประเทศที่ราคาถูกกว่าเรา สิ่งเรานี้เราต้องแก้ทั้งกระบวนการ ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง

“ในส่วนของงบประมาณเงินกู้ ไม่เข้าใจว่าท่านไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าเราใช้ประโยชน์อะไรไปแล้วบ้าง ต้องการให้เอาไปตรงนั้นตรงนี้ ท่านไม่เคยรู้เรื่องระเบียบหรืออย่างไร เพราะท่านก็เคยเป็นรัฐบาลมาก่อน ขอรับรองว่า เงินหลวงไม่มีตกน้ำ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้อยู่แล้ว ถ้ามีปัญหาก็ไปร้องทุกข์กล่าวโทษก็แล้วกัน

“ส่วนเรื่องวัคซีน จริงๆ เราก็เตรียมการมาตั้งแต่ต้นปี 2563 แต่ขณะนั้นการวิจัยและพัฒนาวัคซีนไม่มีผลที่ชัดเจน เมื่อองค์การอนามัยโลกรับรอง เราก็ดำเนินการจัดหามา ไม่ใช่สินค้าตามท้องตลาดทั่วไป เป็นสินค้าฉุกเฉิน ซึ่งเราก็ปลดล็อกนำวัคซีนเข้ามาหลายยี่ห้อ ถ้าพูดลอยๆ ก็ดูง่าย แต่ทำไมไม่ทำ ถ้ามันง่ายจริงทำไมผมจะไม่ทำ เพราะเป็นความเสียหายในชีวิตของประชาชน ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะมีความสุขได้เลย ผมพยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว ในส่วนของมาตรการต่างๆ การกลับบ้านที่เราได้จัดรูปแบบการเดินทางให้ เพราะปล่อยอิสระเสรีไม่ได้ วันนี้สถิติทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น

“เราทำงานเพื่อคนหลายสิบล้านคน ถ้าท่านบอกว่าอยากเป็นนายกฯ ผมก็อวยพรให้ท่านสมหวังในการเลือกตั้งคราวหน้าก็แล้วกัน เอาไว้ให้ท่านเป็นรัฐบาลแล้วหาเงินมาแล้วกัน อยากจะใช้เงินยังไงก็ได้ แต่ท่านต้องระวัง อาจจะไม่ได้อยู่ในประเทศ เหมือนบางคนที่ผ่านมา ผมกล่าวในข้อเท็จจริงเมื่อท่านกล่าวมา ผมก็ต้องกล่าวบ้าง อย่าโกรธผมก็แล้วกัน ผมก็ไม่เคยโกรธท่าน” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบในหลายด้าน ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนเจอมาก่อน แต่เราก็พยายามทำอย่างเต็มที่ ตามมาตรการที่ออกมาเป็นระยะถึงแม้จะช้าอยู่บ้าง แต่การทำงานเป็นระบบไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบในวงกว้าง และตนต้องฟังฝ่ายสาธารณสุข ตนไปสั่งเองไม่ได้ ตนจะปลดตรงนี้ก็ต้องฟังแพทย์ เพราะเขาเป็นคนอยู่หน้างาน และที่ผ่านมาภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็มีหลายประเทศเอาไปเป็นตัวอย่าง ถ้าเราทำสำเร็จเขาก็น่าจะสำเร็จบ้าง ข้อสำคัญอย่ามีคนไปแพร่เชื้อในภูเก็ตของตนเลย ประชาชนเดือดร้อน มีการเคลื่อนไหว และการชุมนุมที่ภูเก็ต เหมือนกับไม่อยากให้เกิดขึ้น หรือไม่อยากให้มันดี ตนไม่รู้ว่าจิตใจท่านทำด้วยอะไรเหมือนกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขนำหน้าเศรษฐกิจ ถ้าเปรียบเทียบว่าประเทศไทยบริหารสถานการณ์ได้ดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็ลองเทียบดูแล้วกัน ถ้าบอกว่าคนตายเท่านี้คนเจ็บเท่านี้ โดยไม่พูดถึงระบบการรักษาพยาบาลว่าหายป่วยไปเท่าไหร่ ซึ่งต่างกับต่างประเทศเยอะ แต่ตนก็ไม่พอใจ ตายคนเดียวตนก็เสียใจ ตนอาจจะต้องขอโทษว่าทำให้เขาตายหรือไม่ ทั้งที่ตายเพราะโควิด-19 ดังนั้น ต้องช่วยกันสร้างสภาให้ปฏิบัติตามระเบียบ และรัฐบาลนี้หวังที่จะทำให้ดีกว่านี้ การสูญเสียชีวิตของประชาชนแม้เพียงคนเดียวก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น หรือใครอยากให้เกิดขึ้นก็ไม่รู้ เพื่อเอามากล่าวในสภา เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขเสียหาย

“วิกฤตครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก ผมเป็นรัฐบาลก็ขอทุ่มเทการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างสุดความสามารถต่อไป ผมจะไม่ฟังอะไรที่มันไม่เกิดประโยชน์ ด้อยค่ากัน ว่ากันไป ดูถูกเหยียดหยามกันไป ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติเลย ดังนั้น ขอกรุณาระมัดระวังด้วย เพราะประชาชนเฝ้าดูอยู่ทางบ้าน ควรจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

“ท่านพูดว่าผมเข้ามาทำรัฐประหารตั้งแต่ 2557 วันนี้ปี 2564 แล้ว ท่านกับผมมานั่งอยู่ตรงนี้มาด้วยอะไร รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันหรือเปล่า หรือมากันคนละฉบับ การจะมาอ้างว่ารัฐธรรมนูญมาเอื้อประโยชน์ให้ผม ผมไม่ต้องการ เพราะเป็นการทำงานของท่านไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ผม ฉะนั้น ก็ไปสู้กันแล้วกัน แล้วให้ประชาชนตัดสิน อย่าเป็นคนเบื่อง่าย มันเบื่อเพราะอะไร มันมีปัญหา หรือไม่ได้ประโยชน์กันหรือเปล่า หรือได้น้อยเกินไป ไปคิดๆ ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว ผมไม่ก้าวล่วงใครทั้งสิ้น ผมจะไม่พูดอะไรที่ไม่ใช้กฎหมาย อะไรที่ไม่มีหลักฐาน ผมจะไม่พูด เพราะไม่มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่ามีปัญหาเรื่องยาเสพติด ก็ให้เขียนจดหมายส่งมาที่ตนเลย เขียนจ่าหน้ามาถึงตนเลย แล้วดูว่าตนจะจับหรือไม่ ไม่ว่าจะใครทั้งนั้น อย่าไปเกี่ยวข้องเข้าก็แล้วกัน เจ้าหน้าที่คนไหนมีความผิด ถ้าไม่แจ้งมาแล้วจะรู้ได้อย่างไร ไม่ใช่องค์กรเสียหาย ตำรวจทั้งหมดล้มเหลว

สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณ ส.ส.ฝ่ายค้าน และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดว่า เรามีปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือปัญหาของประเทศชาติ ไม่ใช่ปัญหาทางการเมืองอย่างเดียว เราต้องเผชิญปัญหาอีกหลายปี จนกว่าจะจบสิ้น ไม่ใช่มะงุมมะงาหรากันอยู่ตรงนี้ เอาความดีความชอบกันอยู่ตรงนี้ แน่นอนว่าทำอย่างนี้ไม่มีใครรักตน เพราะมันช้า สู้ทำง่ายๆ แจกให้หมดง่ายกว่า แล้วเป็นอย่างไร เกิดเหตุการอะไรขึ้นมา ใครเป็นรัฐบาล ฉะนั้นอย่าพูดเอาดีข้างเดียว