ทูตรัศมิ์ ยังคาใจ โต้ละเอียด สถานทูตจีนใช้คำแข็งกร้าวเชิงข่มขู่คนไทย เกินเลยธรรมเนียมการทูตที่ดี ไม่เหมือนการทูตจีนในอดีต หากจะประท้วงก็ทำเรื่องมาที่ กต.ได้ ขณะที่ผู้บริหารกต.แทนที่จะตอบโต้ ตักเตือน กลับประสานเสียง เอาแถลงดังกล่าวมาด่าคนไทยอีก
นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ อดีตรองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เจ้าของเพจ “ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador” โพสต์ข้อความแสดงความเห็นกรณี สถานทูตจีนประจำประเทศไทย โพสต์คัดค้านการกล่าวหาวัคซีนจีนโดยไร้เหตุ พร้อมระบุว่า มีประชาชนหรือกลุ่มคนบางกลุ่มพยายามด้อยค่า ใส่ร้ายวัคซีนจากจีน ขอเตือนให้หยุดกระทำ นายรัศมิ์ ระบุว่า
วัคซีนค่าด้อย ย่อมคือด้อยค่าชีวิตประชาชน
มีผู้สอบถามมาว่าคิดอย่างไรเกี่ยวกับประกาศของสถานทูตจีนประจำประเทศไทยเรื่องคัดค้านการกล่าวหาวัคซีนของจีนโดยไร้เหตุ ที่เพิ่งออกมาเมื่อไม่กี่วันมานึ้
- สถานทูตจีนเรียกร้องหยุดด้อยค่า-ใส่ร้ายวัคซีนจีน
- มุมมองชาวไทย หลังเพจสถานทูตจีน ปล่อยถ้อยแถลง ฮึ่ม! อย่ามุ่งใส่ร้าย-ด้อยค่าวัคซีน
ผมได้เข้าไปอ่านรายละเอียดแล้ว (หาอ่านกันได้ในเฟสบุ๊คนะครับ) ก็ต้องขอเรียนว่ามีทั้งส่วนที่รับได้ กับส่วนที่ยากจะกลืน ส่วนที่พอรับได้คือที่สถานทูตจีนบอกวัคซีนเขาดีอย่างโน้น มีประสิทธิภาพอย่างนี้ฯลฯ อีกทั้งองค์การอนามัยโลกของสหประชาชาติ (WHO) และ อย. ไทยได้ให้การรับรอง (แต่หลังๆคนทั่วโลกก็พอรู้กันว่า WHO เอนไปทางไหน ส่วนความน่าเชื่อถือของ อย.ไทยนั้น ไม่รู้จะเริ่มกันอย่างไรเลย 55) แต่เอาล่ะ ตรงนี้ผมว่ามัน fair enough จีนย่อมต้องบอกวัคซีนของจีนดี และพยายามยกข้อมูลต่างๆมาสนับสนุน อันนี้ก็เป็นที่ทั้งเข้าใจได้และรับได้นะครับ
แต่ส่วนที่ผมว่ามันยากจะกลืนคือประโยคที่ผมยกมาจากที่เขาเขียนดังนี้ :
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ บางคนและบางองค์การของประเทศไทยได้ด้อยค่าและใส่ร้ายวัคซีนจีนโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ ซึ่งเป็นการกล่าวหามุ่งร้ายที่ไม่เคารพข้อมูลวิทยาศาสตร์และความเป็นจริง และเป็นการทำร้ายความหวังดีของฝ่ายจีนในการสนับสนุนประชาชนไทยต่อสู้กับโรคระบาด สถานทูตจีนจึงขอคัดค้านอย่างเด็ดขาด และเรียกร้องให้บุคคลและองค์การที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้”
อันนี้คือส่วนที่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยค่อนข้างมาก ประการแรกคือที่บอกไม่เคารพข้อมูลวิทยาศาสตร์ เพราะมันก็มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลเชิงประจักษ์มากมายที่ชี้ไปในทางที่สงสัยต่อประสิทธิภาพของวัคซีนจีนโดยเฉพาะซิโนแวคเช่นกัน และข้อมูลเหล่านี้ก็ปรากฎทั่วไปทั้งในสื่อระดับโลก ท้องถิ่น รวมทั้งบุคคลากรทางแพทย์ที่ตั้งข้อสงสัย มันไม่ใช่อยู่ดีๆคนไทยก็พากันกังขาด้อยค่าในวัคซีนนี้เองนะครับ
และโดยที่เรื่องตัวเลือกทางวัคซีนมันเกี่ยวพันกับความเป็นความตายนะครับ คนเราควรต้องสามารถเลือกหรือแสดงความเห็นได้ อย่าว่าแต่ซิโนแวคเลยขนาดไฟเซอร์ยังมีชาวตะวันตกไม่น้อยที่ไม่ยอมฉีด แต่ก็ไม่เห็นประเทศผู้ผลิตเหล่านั้นเที่ยวกล่าวหาว่าใครด้อยค่าวัคซีนเขา นอกจากนี้การซื้อวัคซีนนี้ต้องใช้งบประมาณจากภาษีสูงมาก (จีนไม่ได้ให้ฟรีๆ) การที่ประชาชนไทยตั้งคำถามก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ
ที่จริงแล้วเรื่องวัคซีนนี้มันเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นเป็นสำคัญ ซึ่งการทำให้คนเกิดความเชื่อมั่นได้ มันต้องเอาสถิติ เอาหลักฐานประสิทธิภาพในการใช้ที่แน่ชัด และอะไรหลายๆอย่างมาประกอบกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้คน ซึ่งก็คล้ายกับผลิตภัณฑ์ สินค้าอื่นๆ (แต่นี่ต้องยิ่งต้องทำมากขึ้นหลายเท่าเพราะมันเป็นเรื่องชีวิตคน)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่โดยการใช้วิธีการมาออกประกาศขู่ฟอดๆ ด้วยท่าทีแข็งกร้าว แล้วมันจะทำให้คนเปลี่ยนใจมาเชื่อมั่นได้ นี่น่าจะคือความเข้าใจที่ผิดมากๆ
และนอกจากคนไทยส่วนใหญ่แล้ว ผมก็เชื่อมีคนในโลกอีกมากมายที่มีความกังขาต่อซิโนแวค ไม่ทราบว่าประเทศที่เขาไม่ซื้อหรือไม่ใช้ซิโนแวคนั้น เช่นพวกประเทศที่พัฒนาเจริญแล้วทั้งหลายทางสถานทูตจีนในประเทศนั้นๆได้ไปคัดค้านประท้วงเขาไหม ทำไม่ซื้อ ทำไมไม่ใช้? ซึ่งมันก็ย่อมแสดงว่าเขาเหล่านั้นไม่เชื่อถือหรือคิดว่ามันดีพอ ใช่หรือไม่?
แล้วล่าสุดที่มีข่าวผู้นำเกาหลีเหนือออกบอกปฏิเสธไม่ขอรับซิโนแวค ทางการจีนได้ออกมาคัดค้านไหมครับ? หรือว่าเพียงแสดงท่าที่ดุดันแข็งกร้าวกับประเทศเล็กๆลูกกระจ๊อกอย่างไทยแค่นั้น?
อีกสิ่งที่สถานทูตจีนอาจหลงลืมไปคือ แม้ทั้งรัฐบาลและประเทศไทยในปัจจุบันไม่อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นประชาธิปไตยแท้จริง แต่อย่างน้อยในหลักการรัฐธรรมนูญของไทยก็เขียนว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมันแปลว่าคนไทยยังมีสิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่จะคิดได้เอง มีเสรีภาพในการแสดงความเห็นตามกรอบกฏหมาย
ไม่ใช่ให้ใครต้องใช้นิ้วชี้สั่งตามอำเภอใจนะครับ (ไทยอาจคล้ายมณฑลไท้กว๋อเข้าไปทุกที แต่ก็ยังไม่ใช่สักทีเดียวนะครับ อย่าลืม)
และการที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางท่านออกมาอภิปรายเรื่องนี้ มันก็คือการทำตามหน้าที่ของเขาเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทย และโดยที่เขาคือผู้แทนของประชาชนชาวไทยที่ถูกต้อง การไปคัดค้านการทำหน้าที่ในการเป็นผู้แทนของประชาชนไทย นี่ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน หรือถือเป็นเรื่องที่ทางการทูตพึงกระทำไหมครับ?
การใช้ถ้อยคำอย่างแข็งกร้าวเช่นคำว่า “สถานทูตจีนจึงขอคัดค้านอย่างเด็ดขาด และเรียกร้องให้บุคคลและองค์การที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้” ที่บอกผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้ คือจะบอกว่าอะไรผิดถูกในประเทศนี้คือสถานทูตจีนเป็นคนกำหนดเองหรือครับ? คนไทยไม่มีสิทธิคิด หรือตั้งข้อสงสัย? และที่บอกคัดค้านอย่างเด็ดขาด แล้วถ้ายังมีคนไทยยังไม่ยอมเชื่อตาม สถานทูตจีนจะทำอะไรหรือครับ? จะส่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนเข้ามาบุกหรืออะไรครับ? ก็อยากรู้ไว้เหมือนกัน จะได้รู้ว่าจีนเป็นเช่นไร (แต่แน่จริงอย่าลืมไปบุกเกาหลีเหนือก่อนแล้วกัน)
ผมเห็นประกาศของสถานทูตจีนนี้แล้วก็นึกไม่ออกนะครับว่าในอดีตเขาเคยออกประกาศอะไรที่แข็งกร้าวในเชิงข่มขู่ประชาชนไทยแบบนี้ไหม และอดนึกถึงประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในอดีตที่ผมเคยรู้จักไม่ได้ จีนสมัยก่อนผมว่าน่ารัก มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีชั้นเชิงทางการทูตสูงมาก ผมไม่คิดว่าประกาศสถานทูตนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศได้อย่างไร โดยเฉพาะในระดับประชาชนต่อประชาชน ซึ่งจีนในอดีตเคยเน้นให้ความสําคัญอย่างมาก
ผมได้ยินว่าท่านทูตจีนคนใหม่เพิ่งมารับหน้าที่เมื่อเร็วๆนี้ ผมก็ขอเรียนว่าผมเองชื่นชมการทูตของจีนมาก โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายทางการทูตของจีนในสมัยท่านโจว เอน ไหล อดีตนายกรัฐมนตรีและนักการทูตคนสำคัญ ที่ท่านใช้การทูต ความนอบน้อม สุภาพ เอาชนะใจคนทั้งโลกได้ โดยไม่ได้ใช้ความแข็งกร้าวอะไร เพราะนั่นคือหนทางที่จะเอาชนะใจคนได้แท้จริงนั่นเอง รวมทั้งคนไทยนะครับ
ในส่วนของสถานทูตจีนก็มีเท่านี้ แต่มีต่ออีกนิดในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศของไทยเอง อย่างที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ข้างต้น ประกาศนี้ใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าวจนคล้ายข่มขู่ชาวไทยและอาจเข้าข่ายการก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ของผู้แทนประชาชนชาวไทยในการพิทักษ์ประโยชน์คนไทยหรือไม่ ?
ในความเห็นของผม ในทางการทูตถ้าจีนจะคัดค้านหรือแสดงความไม่พอใจก็สามารถทำได้โดยการไปแสดงกับกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง แต่การออกประกาศที่แลดูเป็นเชิงขู่ชาวไทยเช่นนี้ผมว่าน่าจะเกินเลยธรรมเนียมการทูตที่ดีทั่วไป
และด้วยเหตุนี้ผมคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทยจึงควรที่จะตักเตือนหรือส่งสัญญาณว่านี่ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมนัก เพราะในแง่หนึ่งอาจมองได้ว่านี่คือการละเมิดศักดิ์ศรีชาวไทยรวมทั้งอธิปไตยอย่างหนึ่ง
แต่ทว่าผู้บริหารของเราเองกลับออกมาประสานเสียงกับสถานทูตจีน ด่าว่าคนไทยด้วยเอง เกรงจะเสียความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งมันตลกมาก ทำไมผู้นำเกาหลีเหนือเขาไม่กลัวครับ? นั่นขนาดเผด็จการเลวร้ายสุดๆแล้ว เขายังนึกถึงประชาชนเขา ส่วนผู้บริหารเรานี่จิตใจมันต้องถึงขั้นระดับไหนครับ?
ผมไปอ่านข่าวที่ผู้บริหารกระทรวงต่างประเทศพูดเรื่องนี้ แล้วเห็นแต่ละคอมเมนท์ด่ากันอย่างสาดเสียเทเสียราวกับหมูกับหมาที่ผมนึกไม่ออกว่ามีเจ้ากระทรวงคนไหนเคยมีคนไทยด่าหรือเกลียดชังขนาดนี้ ก็เศร้าใจครับ แต่คนเราทำเช่นไรก็ได้เช่นนั้น สมัยก่อนล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยนี่ก็เจ็ดชั่วโคตรนะครับ ส่วนอีกหน่อยเรากลายเป็นมณฑลไท้กว๋อจริงๆก็จำกันไว้แล้วกันว่าใครมีส่วน
ผมเองก็แค่ทูตเกษียณแล้ว ไม่ได้มีอำนาจวาสนาอะไร แต่ถ้าใครมีหน้าที่แล้วไม่ยอมทำหรือไม่กล้าออกมาปกป้องประชาชนคนไทยที่ถูกชาติที่ใหญ่กว่ามาแสดงอำนาจบาทใหญ่ข่มเหงดูแคลน ผมก็ขอเป็นแค่หนึ่งเสียงเล็กๆที่พูดแทนคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยเองเท่านี้ครับ