‘ธนาธร’ เปิดแคมเปญ ปลดล็อกท้องถิ่น ล่าชื่อรื้อทิ้งรัฐราชการ อุปสรรคขวางทางเจริญ

‘ธนาธร’ อัด ระบบรัฐราชการ คือ อุปสรรคสำคัญขวางความเจริญ ขอทุกคนร่วมลงชื่อแก้รธน.หมวด 14 แสดงพลังให้สภาฯ โหวตผ่านร่าง

เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 1 เมษายน ที่อาคารอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า เปิดตัวแคมเปญ “ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น” ชวนเข้าชื่อเพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม พ.ศ…. หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น  โดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวในหัวข้อ “ท้องถิ่นก้าวหน้า สังคมไทยก้าวไกล” ตอนหนึ่งว่า ใน 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่คณะก้าวหน้าได้เข้าไปให้คำแนะนำผลักดันโครงการต่างๆ ร่วมกับ 16 เทศบาล ใน 7 จังหวัด 39 อบต.ใน 18 จังหวัด สภาชิกสภาในนามคณะก้าวหน้าทุกระดับมากกว่า 200 คน ภายใต้งบประมาณรวมกัน 2,800 ล้านบาทต่อปี และจำนวนประชากร 4 แสนคน คณะก้าวหน้าประสบความสำเร็จในการผลักดันการพัฒนาต่างๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เช่น ที่เทศบาลตำบลด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ เราผลักดันให้เกิดการเรียนการสอนในหลักสูตร 3D printing และ coding ในนักเรียนชั้น ป.4-6 จำนวน 200 กว่าคน น้ำประปาที่เราปรับปรุงการทำงานร่วมกับเทศบาลตำบลอาจสามารถ จนได้รับการยอมรับจากกรมอนามัยว่าเป็นน้ำประปาที่ดื่มได้ มีการเข้าไปสนับสนุนศูนย์เด็กเล็กใน อบต. และเทศบาลของคณะก้าวหน้า การคัดแยกขยะและเปลี่ยนขยะเป็นสวัสดิการสังคม ผ่านกองทุนฌาปนกิจ การนำเทคโนโลยี telemedicine มาใช้เพื่อลดภาระของโรงพยาบาลศูนย์

“อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกการทำงานจะเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหา เช่น การแก้ปัญหาน้ำประปาต้องลงทุนใหม่ทั้งระบบ บางแห่งต้องใช้งบลงทุน 8 ล้านบาท ภายใต้กรอบงบลงทุนที่เหลือแค่ 3 ล้านบาทต่อปี จากงบ 40 ล้านบาทต่อปี หรือที่ อบต.ท่าสะแก จ.พิษณุโลก เราอยากพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานติดแม่น้ำแควน้อย แต่ อบต.ไม่มีอำนาจ อุทยานในพื้นที่ก็ไม่กล้าตัดสินใจ ต้องส่งมาที่กรมอุทยานแห่งชาติในส่วนกลาง เพื่อรออธิบดีเซ็นหนังสืออีกหลายเดือน ทั้งที่เป็นโครงการที่สร้างงานสร้างรายได้ ไม่ทำลายป่าไม้ เป็นนโยบายของรัฐ แต่พอจะทำจริงทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจในการทำ”

นายธนาธร กล่าวอีกว่า งบประมาณกองอยู่ที่ศูนย์กลาง และกว่าจะไปดึงงบประมาณมาตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ต้องผ่านเอเจนต์หรือตัวกลางหลายชั้นมาก ไม่ว่าจะเป็นกำนัน นายอำเภอ ผู้ว่าฯ อธิบดี ไปจนถึงปลัด ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน ความเจริญก้าวหน้าทางการงานของเขาไม่ได้อยู่ที่เขาตอบสนองประชาชนได้ดีเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าเขาเอาใจผู้บังคับบัญชาได้ดีเท่าไหร่ ขณะเดียวกันคนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีงบประมาณนิดเดียว การจะดึงงบกลับมามีต้นทุน ซึ่งต้นทุนที่สำคัญมากและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย คือ ความเป็นอิสระทางการเมือง เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องการตอบสนองชีวิตประชาชนเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่เรากำลังพูดถึงระบอบที่ทำให้เกิดการอุปถัมป์ทางการเมือง โดยตัวกลางเดียวที่จะทำให้เขาเข้าถึงงบประมาณ คือ บัตรเลือกตั้ง ซึ่งจะตัดตอนตัวกลางทางการเมืองทั้งหมดออกไปจากการเข้าถึงงบประมาณและอำนาจ ซึ่งจะทำให้การตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนรวดเร็วขึ้น และยังอนุญาตให้ประชาชนมีความฝันอีกด้วยว่าอยากให้เมืองของคุณเป็นแบบไหน

Advertisement

นายธนาธร กล่าวว่า ถ้าเปลี่ยนจากระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ ตนเชื่อว่า นี่จะเป็นการปลดล็อกพลังการผลิตครั้งใหญ่ของสังคมไทย และทำลายโซ่ตรวนที่ฉุดรั้งความก้าวหน้าของสังคมไทยเอาไว้ ถ้าคุณต้องการให้ประไทศไทยพัฒนาไปไกลกว่านี้ นี่คือเส้นทางที่ต้องเดินไป วันนี้ครบรอบ 130 ปีของการสถาปนารัฐราชการรวมศูนย์ เราขอใช้โอกาสนี้รณรงค์เรื่องการปลดล็อกท้องถิ่น ขอรายชื่อจากทุกท่านมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 เพื่อให้การกระจายอำนาจและปฏิรูประบบรัฐราชการเป็นไปได้จริง

“ผมมี 1 คำสารภาพ 1 คำสัญญา และ 1 คำร้องขอ ผมสารภาพว่า ผมไม่สามารถแก้ปัญหาทุกที่ได้ ผมไม่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตเพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ทุกท่าน แต่ผมสัญญาว่า คณะก้าวหน้าและเพื่อนร่วมงานของผมในพรรคก้าวไกล จะทำทุกวิถีทางตามกำลังที่มีอยู่ เอางบประมาณ และอำนาจกลับไปให้พวกท่าน เพื่อให้พวกท่านแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเองอย่างเต็มกำลัง ด้วยการเลือกคนที่มีศักยภาพมาจัดการผ่านกลไกการเลือกตั้ง และผมมีคำร้องขอ คือ ถ้าท่านเห็นด้วยกับผม ช่วยผมรณรงค์แคมเปญนี้ ช่วยผมเอารายชื่อมา และช่วยอธิบายเรื่องนี้ ให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเข้าใจว่า ทำไมต้องกระจายอำนาจ เพราะ 1 ชื่อของท่านจะเป็นพลังแสดงให้สมาชิกรัฐสภาเห็นว่า มีคนจำนวนมากที่ต้องการปฏิรูประบบราชการ และจะเป็นแรงกดดันให้สมาชิกรัฐสภาผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้” นายธนาธร กล่าว

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image