พท. เผย งบปี 66 ศธ.ถูกลดงบ แต่งบกลาโหมเพิ่มสูงทุกปี ซัดนายกฯ ควรใส่ใจการศึกษาไทยกว่านี้

รองเลขาพท. เผย งบปี 66 ศธ.ถูกลดงบ แต่งบกลาโหมเพิ่มสูงทุกปี ซัดนายกฯ ควรใส่ใจกับระบบการศึกษาไทยกว่านี้

เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงการจัดทำงบประมาณของรัฐบาลปี 2566 ที่มีการลดงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่งบประมาณของกระทรวงกลาโหมกลับเพิ่มขึ้นทุกปี

น.ส.อรุณี กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณปี 2566 จะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน และคาดว่าสำนักงบประมาณจะจัดส่งแผนร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละกระทรวงในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 มีวงเงินสูงถึง 3,185,000 ล้านบาท เป็นวงเงินที่เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2565 จำนวน 85,000 ล้านบาท ภายใต้การทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการจัดทำงบประมาณเหมือนการฉายหนังวนซ้ำ ที่ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพเพื่อประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องของการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการในปี 2566 ถูกจัดงบประมาณลดลงถึง 4,526 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 1.37% เมื่อเทียบกับปี 2565

และเมื่อเทียบงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการกับกระทรวงกลาโหมจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2562 งบประมาณของกระทรวงกลาโหมเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และเริ่มมีการปรับลดตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปี 2566 การปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมลงเกิดจากหลายปัจจัย ปัจจัยหนึ่งคือ ประชาชนรู้สึกว่าอาวุธไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของประชาชน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัจจัยที่สองคือ การตรวจสอบอย่างเข้มข้นของนายยุทธพงศ์ในการเข้าตรวจสอบกองทัพในเรื่องของการจัดซื้อเรือดำน้ำรวมไปถึงกองทัพบก

Advertisement

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ในภาพรวมของกระทรวงกลาโหมมีการปรับลดงบประมาณลงก็จริง แต่ในรายละเอียดพบว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติงบประมาณการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ให้กับกองทัพอากาศเป็นมูลค่าสูงถึง 13,800 ล้านบาท จำนวน 4 ลำ เฉลี่ยจะต้องใช้งบผูกพันตั้งแต่ปี 2566-2569 จำนวน 4,600 ล้านบาท งบประมาณเหล่านี้เมื่อเทียบกับงบประมาณที่อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการปรากฏว่ากองทุนความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ปีนี้ได้รับอนุมัติงบประมาณเพิ่ม 7,590 ล้านบาท แต่มีงบเกี่ยวกับการประกันความเสมอภาคของเด็กปฐมวัยในภาคบังคับเพียงแค่ 4,829 ล้านบาทเมื่อเทียบกับงบประมาณของกองทัพแล้วสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ยังคงเห็นว่าอาวุธสำคัญกว่าชีวิตและอนาคตของเด็กไทย

“ตั้งแต่ปี 2559-2566 งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการถูกปรับลดลงทุกปีในภาพรวม แม้กระทรวงศึกษาธิการจะเป็นกระทรวงที่มีการจัดสรรงบประมาณมากเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรายจ่ายประจำของข้าราชการในส่วนของเงินเดือน ดังนั้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 ประชาชนเดือดร้อน ข้าวของแพงและมีปัญหาต่างๆตามมาอีกมากมาย พล.อ.ประยุทธ์ ควรใส่ใจกับระบบการศึกษาไทยมากกว่านี้ เมื่อไรจะเข้าใจสักทีว่าวันนี้อนาคตและความแข็งแกร่งของชาติจะสร้างได้ด้วยอนาคตทางการศึกษาของเด็กไทย เพราะโลกยุคใหม่จะต้องสู้กันด้วยปัญญาของมนุษย์และเทคโนโลยี ถ้ายังบริหารประเทศแบบนี้และใช้งบประมาณเพิ่มสูงขึ้นทุกปีแบบนี้ โดยที่ยังมีการสั่งซื้ออาวุธทั้งๆที่เทคโนโลยีด้านอาวุธมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในอนาคตข้างหน้าเด็กไทยอาจจะตกยุคพร้อมๆ กับอาวุธที่ซื้อมา” น.ส.อรุณีกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image