เมื่อเวลา 14.10 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่สำรวจแยกลำสาลี เขตบางกะปิ ร่วมกับ น.ส.มธุรส เบนท์ ว่าที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตสะพานสูง พรรคเพื่อไทย และนางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ ว่าที่ ส.ก.เขตคันนายาว พรรคเพื่อไทย โดยปัญหาหลักในพื้นที่แยกลำสาลีคือมีสภาพการจราจรติดขัดจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่
ในตอนหนึ่งผู้สื่อข่าวถามกรณีที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าถ้าทำ 200 นโยบายได้จริงคงเป็นรัฐบาลไปแล้ว นายชัชชาติกล่าวว่า ขอบคุณกำลังใจที่ท่านให้ เรารับฟังทุกคำวิจารณ์ ยิ่งทำให้เรามีแรงกระตุ้น มีแรงบันดาลใจเพื่อทำให้ดีที่สุด น้อมรับข้อติชม ทุกคนมีสิทธิที่จะพูดเพราะเป็นคน กทม.เหมือนกัน เป็นข้อดี
นายชัชชาติกล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. จะมีการประสานงานกับกรมการขนส่งทางบก เรื่องปัญหามลพิษควันดำ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องสายสื่อสารลงใต้ดิน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) เรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่น รวมไปถึงการพูดคุยกับหน่วยงานอื่นๆ อีกจำนวนมาก ต้องมีความร่วมมือกัน
นายชัชชาติกล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีข้าราชการสังกัด กทม. ให้ความสนใจนโยบาย 200+ ข้อ ขณะที่สำนักงานเขตบางแห่งเริ่มนำนโยบายไปพัฒนา รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่นโยบายได้รับความสนใจ และเห็นความตื่นตัวในการทำงาน ทั้งที่ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เป็นมิติใหม่ที่ไม่เคยเห็นข้าราชการเป็นแบบนี้
“ยินดีหากมีการเสนอข้อคิดเห็นในการทำงานต่างๆ เพราะเมืองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นโยบายไม่ใช่ศิลาจารึกที่จะคงเดิมตลอด แต่นโยบายต้องเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิตคน และพอมีโจทย์ที่เป็นความต้องการของประชาชน ก็ทำให้ข้าราชการมีทิศทางในการทำงาน ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ และจะพยายามทำให้สำเร็จได้มากที่สุด” นายชัชชาติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนขอถ่ายภาพร่วมกับนายชัชชาติเป็นจำนวนมาก โดยนายชัชชาติทำสัญลักษณ์กำปั้นชนมือกับผู้ที่มาถ่ายรูป อีกทั้งมีประชาชนบางส่วนได้มาร้องเรียน พร้อมกับยื่นจดหมายร้องเรียนโดยตรง
ต่อมาเวลา 15.30น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยสารเรือคลองแสนแสบ จากท่าเรือเดอะมอลล์บางกะปิ ไปท่าเรือประตูน้ำ ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจสำรวจแยกลำสาลี ร่วมกับ ว่าที่ ส.ก. พรรคเพื่อไทย เขตสะพานสูงและเขตคันนายาว ระหว่างนั้นได้สำรวจปัญหาการใช้งานเรือโดยสาร และรับฟังความต้องการจริงจากประชาชนต่อการพัฒนาเส้นทางเดินเรือในอนาคต