เปิดใจ 73 ปี ทักษิณ ชินวัตร สั่งครอบครัว ตายแล้วไม่ให้เผา

แฟ้มภาพ

เปิดใจ 73 ปี ทักษิณ ชินวัตร สั่งครอบครัว ตายแล้วไม่ให้เผา

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่ง คนสนิทได้ร่วมจัดทำบุญให้ในประเทศไทยในพื้นที่ต่างๆ ขณะที่ลูกๆ ทั้ง 3 อย่าง โอ๊ค-พานทองแท้, เอม-พินทองทา และ อิ๊ง-แพทองธาร ก็ได้เผยคลิปวิดีโอเซอร์ไพรส์วันเกิดในวัย 73 ปีของบิดา

  • ‘โอ๊ค-เอม-อิ๊ง’ พร้อมหน้าอวยพรวันเกิดพ่อ เผยคลิปเซอร์ไพรส์ เบิร์ธเดย์ 73 ปี ‘ทักษิณ’
  • แกนนำพรรคเพื่อไทย ญาติ คนสนิท ร่วมทำบุญ ‘ทักษิณ’ 73 ปี

คลิปวิดีโอดังกล่าวเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Thaksinofficial และยูทูบ เป็นบทสัมภาษณ์ของทักษิณ ชินวัตร ในช่วงเวลาที่ต้องเดินทางจากประเทศไทยกว่าทศวรรษ ได้เปิดเผยถึงครอบครัว เรื่องที่ผิดพลาดในชีวิต และความหวังในอนาคต

วันที่หลานโตขึ้นอีก 10-20 ปีข้างหน้า ได้เห็นคลิปนี้ จะอธิบายกับเขาอย่างไร

“หลานผมรู้เรื่องผมตั้งแต่ 2 ขวบครึ่ง ตอนเอมิ นานิ (ลูกสาวของพินทองทา คุณากรวงศ์ ชินวัตร) ไปหาผมที่ลอนดอน วันที่เขากลับบ้าน เขาถามว่าทำไมคุณตาไม่กลับไปกับพวกเรา เสร็จแล้วแม่เขาก็อธิบายว่าเรื่องราวเป็นยังไง แล้วเขาก็ถามว่า แล้วใครแกล้งคุณตา 2 ขวบครึ่ง หลานผมรู้เรื่อง แล้วเด็กสมัยนี้ฉลาด จำได้หมด”

Advertisement

“ผมถือว่าความสุขอยู่ที่บ้าน เมื่อกลับบ้านไปแล้ว คือความกระชุ่มกระชวยที่ทำให้เรามีพลังในการต่อสู้”

มีแผลในใจบ้างไหมจากประสบการณ์ชีวิตที่ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ชีวิตที่ผ่านมา ความโง่มันมาก่อนความฉลาด”

Advertisement

ตอนที่รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่สุดคือเรื่องอะไร

“ผมอาจจะโง่เรื่องคน เพราะว่าประสบการณ์เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่ายๆ เราอยู่บ้านนอก โตบ้านนอก พอมาอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯน้อยไป สังคมของอีลิทน้อยไป เราไม่ได้อยู่ในสังคมอีลิท ถึงแม้ฐานะเราอยู่อีลิต แทนที่ไปเข้าสังคมอีลิต ไปเข้าการเมือง เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง ซึ่งอันนี้คือต้อง blame ตัวเองว่าเรายังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า เราไม่เข้าใจ แล้วเราถูกปล่อยเข้าไป”

“บางทีเขาบอกว่า Say Yes อาจจะมี No ซึ่งเราไม่เข้าใจ เราแค่ Yes คือ Yes No คือ No พอเราไปเจอ Yes but means No เราตายแล้ว เพราะเราคิดว่าทุกคนเหมือนเรา ชีวิตเราธรรมดามา”

“ชีวิตคนอีลิต ยิ่งเป็นอีลิตนานๆ ยิ่ง complicate เร้นลับซับซ้อน อันนี้เป็นสิ่งผมต้องเรียนรู้ แต่ไม่คิดจะเรียนรู้แล้ว เอาความรู้วิชาการที่มีไปสอนหนังสือไป อบรมลูกหลาน”

 

เหมือนเฮิร์ตมากๆ

“ไม่ได้ถึงกับเฮิร์ต แต่เสียดายตัวเอง ที่น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมืองมากกว่านี้ ผมไม่เคยกลัวตาย ผมถูกลอบสังหารมา 4 รอบ เฉยๆ ผมคิดว่าคนเราถ้าจะตายก็ตาย ยังไม่ตายก็คือไม่ตาย”

 

ทั้ง 4 ครั้ง ให้อภัยหมดไหม

“เป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมไม่เคยเชื่อเรื่องชาติที่แล้วและชาติหน้า ไม่รู้กรรมและเวร ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ ผมก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ คนในครอบครัวรู้หมด แต่ไม่อยากให้เขาไปเจอกับคนที่ไม่คิดดีกับเรา เมื่อเจอแล้วจะได้รู้ว่าต้องระวังตัว”

อีก 20-30 ปี แคร์กับภาพอนาคตที่อาจจะไม่ทันเห็น

“แน่นอน ในวันที่เราอยู่ เราไม่รู้พระเจ้าจะเอาเราไปเมื่อไหร่ ระหว่างที่อยู่ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์กับคนที่เรารักและรักเรา ส่วนคนที่เขาไม่รักเรา ทำให้รักเรามันยาก คนที่รักเราอยู่แล้วอย่าทำให้ผิดหวัง คนที่อยู่ตรงกลาง ไม่ได้รักไม่ได้เกลียดอะไร ก็ให้เขาเข้าใจ”

“ทุกวันนี้ผมไม่มีอะไรเลย เป็นบุคคลอยู่เมืองนอก กลับประเทศไม่ได้ แต่ผมยังมีคนที่รัก เวลาเรารักลูก ก็อยากจะให้เขาไม่ต้องลำบากเหมือนเรา ตอนสร้างตัวเองมาก็เน้นเรื่องงาน เพราะทุกอย่างบีบคั้นเรื่องการเงิน”

“แต่ผมต้องขอกำลังใจอยู่กับครอบครัวตลอดเหมือนกันตั้งแต่ลำบาก เวลาเครียด ก็คิดนะ คิดจนตกผลึกแล้วก็จะมาคุยกับคุณหญิง บางทีคุณหญิงยังดุเลยว่าทำไมไม่พูด ทำไมเธอไม่พูดออกมา ก็พยายามคิดเอาเงินตรงไหน สุดท้ายบางทีผมพูดออกมา คุณหญิงช่วยคิดให้ ไปช่วยกู้ให้ด้วย ตอนช่วงลำบาก”

“เงินไม่มีหมุน ก็หมุนจนไม่มีอะไรค้ำประกัน ก็ใช้แลกเช็คเงินสด ผมใช้เครดิตส่วนตัวแลกเช็คได้ 300,000 บาท วันศุกร์เย็นผมชวนครอบครัวไปพัทยา สมัยก่อนไปครั้งหนึ่งหมดไป 10,000 บาท ไปพักผ่อนลืมเรื่องเครียดๆ ไปว่ายน้ำเล่นน้ำกับลูก กินอาหารทะเลถูกๆ ริมชายหาด ก็ทำให้รีแลกซ์ ลืมไป วันอาทิตย์กลับมาถึงบ้านเริ่มคิดทำอะไรต่อ วันจันทร์ก็ลุยใหม่”

“ผมอยู่เมืองนอก ก็โทรกลับบ้านทุกวัน โทรหาลูกบ้าง คุณหญิงบ้าง นานๆ ก็ขอวิดีโอคอลกับหลาน เผื่อหลานลืม”

“การเมืองมันเป็น Zero Sum Game ถ้าเราสุข เขาจะทุกข์ ถ้าเราทุกข์ เขาจะสุข ทำไมไปทุกข์เพื่อให้เขาสุข เราต้องสุขเพื่อให้เขาทุกข์ เจอหน้าผมสัมภาษณ์ ผมไม่ทุกข์ 16 ปีแล้วนะ ไม่ทุกข์ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป คนที่รักเราก็จะได้มีความสุขไปด้วย”

ยืนมองกระจก กำลังเห็นใคร

“เห็นคุณหญิง (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา) ผมสงสารคุณหญิงพจมาน ผมตัดสินใจกลับเมืองไทย เพราะว่าคุณหญิงรับภาระแทนผมมาเยอะ สงสาร”

 

มันจะเปลี่ยนความรู้สึกสงสารนี้ออกจากใจได้ไหม

“ถ้าผมกลับไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างได้กลับไปอยู่ครอบครัวแล้ว มันก็จบทุกอย่าง ซึ่งวันนั้นผมกลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว ผมก็ต้องทำตัวให้แข็งแรงขึ้น เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป ผมอาจต้องเล่นกับเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะเราไม่สามารถเดินทางได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน ใช้เทคโนโลยีช่วย เพื่อให้ตัวเองไม่บกพร่อง หลานผมจะทำ Augmented Reality คือ สามารถตั้งเวลาและสถานที่เพื่อบอกว่า วันที่เท่านั้น เวลานั้นไปอยู่ตรงนั้น ได้เห็นภาพผมและเสียงผมเหมือนอวยพรวันเกิดเขาทุกปี เผื่อไว้”

ไม่ได้คาดหวังว่าหลานจะต้องต่อสู้ เป็นผู้นำประเทศ

ไม่ เขาคิดเองเป็น เพียงแต่ว่าเราต้องการให้เราอยู่กับเขา รักและห่วงใยเขา มีกำลังใจ เหมือนกับมีตาอยู่ด้วยตลอด

“ผมสั่งครอบครัวผมแล้วนะ ตายไปไม่เผา ให้เก็บร่างไว้ไม่ให้เผา นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ให้ชีวิตผมเป็นอมตะของครอบครัว ของลูกหลาน”

ทั้งนี้ พานทองแท้ได้โพสต์อินสตาแกรมอวยพรวันเกิดนายทักษิณ ทั้งยังกล่าวถึงคลิปวิดีโอ Long distance call ไว้ว่า เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของบันทึกความทรงจำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จนกระทั่งอายุครบ 73 ปี
ที่จะบอกเล่าบทบาทต่างๆ ทั้งนายกรัฐมนตรี นักธุรกิจ ผู้ลี้ภัย คุณพ่อ และคุณตา

และว่า “เคยมีคำกล่าวเดิมๆ บอกไว้ว่า คนชนะคือผู้ที่เขียนประวัติศาสตร์ ในยุคปัจจุบันนี้อาจไม่เป็นจริงเสมอไป เพราะคนที่ชนะด้วยการปล้นประชาธิปไตยจากประชาชน ได้พยายามเขียนประวัติศาสตร์ และยัดเยียดความผิด ให้กับคุณพ่อผมซึ่งถูกปล้นอำนาจบริหารประเทศไป โดยพยายามมา 16 ปี ผ่านการรัฐประหาร 2 ครั้งแล้ว ยังลบความทรงจำ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ จากใจของประชาชนไม่ได้”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image