‘ไอติม’ รณรงค์สมรสเท่าเทียมที่ ‘กรุงเทพกลางแปลง’ ชวนประชาชนโหวตนโยบายที่ต้องการเพิ่มหลัง กม.สมรสเท่าเทียมผ่าน
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่บริเวณ Block I สยามสแควร์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ซึ่งกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ ร่วมกับสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย หอภาพยนตร์ Thai Film Archive สมาคมหนังกลางแปลง และ Better Bangkok จัดงานเทศกาลภาพยนตร์ ภายใต้ชื่อ ‘กรุงเทพกลางแปลง’ โดยในวันนี้ฉายภาพยนตร์เรื่อง ‘รักแห่งสยาม’ (อ่านข่าว นก สินจัย เปิดใจ ‘ยังไงก็ต้องเล่น’ รักแห่งสยาม ชอบทำงานกับคนใหม่ๆ มาริโอ้-มะเดี่ยว เผยจุดปลี่ยนและครั้งแรกของชีวิต)
เมื่อเวลา 19.33 น. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ว่า ตนและสมาชิกพรรคก้าวไกลมาร่วมงานกรุงเทพกลางแปลงในวันนี้เพื่อรณรงค์ในประเด็น ‘สมรสเท่าเทียม’ เพราะภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ที่ฉายวันนี้กล่าวถึงประเด็นความหลากหลายทางเพศ (อ่านข่าว ฟ้า พรหมศร ควงแฟน ปูธงสีรุ้งรอชม ‘รักแห่งสยาม’ ดันสมรสเท่าเทียม ในกรุงเทพกลางแปลง)
“ประเด็นที่อาจจะใกล้ตัวที่สุดคือ กฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ขณะนี้ผ่านวาระหนึ่งของสภาแล้ว แต่เราก็อยากชวนประชาชนจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผ่านวาระ 2 และ 3 และผ่านออกมาเป็นกฎหมายที่สมบูรณ์ได้ อย่างที่หลายคนทราบ ว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียม เป็นกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอ มีสาระสำคัญหลักคือ การทำให้คู่รักทุกคู่ ทุกเพศ ไม่ว่าจะเป็นชายหญิง ชายชาย หรือหญิงหญิง มีสิทธิที่จะแต่งงานกันได้ ซึ่งปัจจุบัน สิทธินี้มีเฉพาะให้กับคู่รักชายหญิงเท่านั้น
เรามองว่าสิ่งทำให้คู่รักทุกคู่แต่งงานกันได้ เป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างสังคมที่มีความเสมอภาค และการแต่งงานกันไม่ใช่การรัฐรองรับ การเป็นคู่รัก แต่มันเป็นประตูไปสู่สิทธิสวัสดิการอื่นๆ เช่นเดียวกัน อาทิ การเป็นคู่สมรสก็อาจจะสามารถมีสิทธิทำธุรกรรมร่วมกันได้ หรือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เรื่องการรักษาพยาบาล ก็สิทธิตัดสินใจแทนกันได้ สิทธิเหล่าคือสิ่งที่คู่รักทุกคู่ควรได้รับไม่ใช่แค่คู่รักชายหญิง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสมรสเท่าเทียม” นายพริษฐ์กล่าว
นายพริษฐ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับนโยบายที่จะต้องขับเคลื่อนเพิ่มเติม ที่จะส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ และสร้างสังคมที่โอบรับความหลากหลายทางเพศ โดยให้ประชาชนมาโหวต ว่าอยากให้พรรคก้าวไกลขับเคลื่อนเรื่องอะไรเพิ่มเติม
“จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ได้รับการสนับสนุน มากที่สุด คือ เรื่องการปฏิรูปการศึกษา ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ความรู้เรื่องความหลากหลายทางเพศที่ถูกต้องมากขึ้น และเรื่องเสรีภาพในการแต่งกาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำผ่านกฎหมายอย่างเดียว แต่หน่วยงานราชการ เอกชน และภาคประชานต่างให้เสรีกับคนในองค์กรได้
รวมทั้ง ยังมีกิจกรรมสำหรับคนที่เป็นแฟนคลับภาพยนตร์ รักแห่งสยาม ใครที่ดูจะรู้ว่า ตอนจบไม่แฮปปี้เท่าไหร่ จึงให้จินตนาการว่าหากเรื่องราวในรักแห่งสยามในยุคที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านไปแล้ว คนที่ร่วมกิจกรรมคิดว่า โต้งจะพูด มิวว่าอย่างไร และวันนี้คิดว่าหลายคนมาเพราะ อยากดูหนัง แต่ผมเชื่อว่าหลายๆ คน จากที่ได้พูดคุยก็มีความหวังว่า สมรสเท่าเทียมจะผ่านได้ และ ขอยืมคำจากเพลงกันและกัน ประกอบ เรื่อง รักแห่งสยาม ว่า ที่ไหนมีรักย่อมมีหวัง ผมจึงหวังเช่นกัน ว่าสมรสเท่าเทียมจะผ่านไปได้ด้วยดี“ นายพริษฐ์กล่าว
