‘มงคลกิตติ์’ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เร่งตีความสถานะ 8 ปี ‘บิ๊กตู่’ ขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน 24 ส.ค.

‘มงคลกิตติ์’ ยื่นศาล รธน.เร่งตีความสถานะ 8 ปี ‘บิ๊กตู่’ พร้อมขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน 24 ส.ค. ยับยั้งความเสียหาย แนะประกาศลาออกกลางสภา-อย่ายึดติดอำนาจ ก่อนซ้ำรอย ปธน.ศรีลังกา

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นหนังสือถึงประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปี ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 ประกอบมาตรา 264 ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้หรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งก่อนมีคำวินิจฉัยถึงที่สุด ให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่หลังวันที่ 23 สิงหาคม เวลา 00.00 น.เป็นต้นไป เพื่อระงับยับยั้งความเสียหายเกิดขึ้นภายหลัง

นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า การยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นการใช้สิทธิในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่เป็นตัวแทนประชาชน อาศัยรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 213 หาก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อไปหลังวันที่ 24 สิงหาคมจะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิประชาชน ละเมิดสิทธิผู้แทนราษฎร ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญสามารถรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยได้ และใช้คำร้องนี้เป็นต้นเรื่องในการวินิจฉัยได้เลยเพื่อให้สามารถสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนวันที่ 24 สิงหาคม ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง

“อยากเรียนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ว่าท่านต้องพอได้แล้ว หลังวันที่ 24 สิงหาคม ท่านให้เวลาประชาชนให้โอกาสประเทศไทยได้มีผู้นำที่มีความสามารถดีกว่านี้ อย่าผูกขาดอำนาจ หากอยากสง่างามควรประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกฯต่อสภาผู้แทนราษฎรก่อนวันที่ 24 สิงหาคม เพื่อไม่ให้มีปัญหาความขัดแย้ง หากอยู่ต่อจะมีความขัดแย้งในบ้านเมืองจะเกิดขึ้น และอาจจะต้องลี้ภัยออกนอกประเทศเหมือนประธานาธิบดีศรีลังกา ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนแล้ว ท่านจะมาทำลายหลักนิติธรรมของบ้านเมืองไม่ได้ ท่านไม่ต้องทำลายสถิติการดำรงตำแหน่ง แต่ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องออกจากตำแหน่งอย่าให้ประชาชนต้องออกมาขับไล่” นายมงคลกิตติ์กล่าว

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาก่อนวันที่ 24 สิงหาคมนี้ นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า สมมุติถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยากใช้ช่องว่างเทคนิคทางกฎหมายอยู่รักษาการในตำแหน่งนายกฯก็สามารถทำได้ก่อนวันที่ 23 สิงหาคม แต่หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนก็จะไม่สามารถยุบสภาได้ แต่ต้องอย่าลืมว่าสภาไม่ได้มีปัญหาอะไร แม้ท่านจะมีอำนาจยุบสภา แต่ต้องถามว่ามันสมควรไหม ดังนั้น หากท่านยุบสภาคนอาจจะเกลียดท่านมากกว่าเดิม ซึ่งวันนี้ก็ไปไหนมาไหนด้วยตัวคนเดียวไม่ได้แล้ว ต้องใช้กำลังอารักขา 2-3 พันคน ดังนั้น ท่านอยู่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์กับใคร อยู่ไปก็เปลืองภาษี อยู่ไปก็แก้ปัญหาอะไรให้ใครไม่ได้ แต่หากท่านลาออกดีๆ ประชาชนจะไม่เกลียดท่านไปมากกว่านี้

Advertisement

“ท่านอย่ายึดติดว่าถ้าไม่มีท่านบ้านเมืองจะไปไม่ได้ ประชาชนจะตายกันหมด แต่ผมมองว่าหากท่านลาออกประชาชนจะมีความหวัง และอาจจะกู้ยืมเงินมาเฉลิมฉลองกันทั่วประเทศ และเชื่อว่านายกฯลาออกวันไหนหุ้นขึ้นทุกตัว ความเชื่อมั่นของต่างชาติจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายมงคลกิตติ์กล่าว

เมื่อถามว่า หากวันที่ 24 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ในตำแหน่งจะส่งผลอย่างไร นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญควรสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน เชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน จะมองเรื่องความอยู่รอดของบ้านเมือง มองหลักกฎหมายหลักรัฐศาสตร์ เชื่อว่าท่านมีดุลพินิจตัดสินใจฝ่าทางตันของบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม อยากให้ศาลวินิจฉัยเร็วๆ ภายใน 15 วัน เพื่อให้จบไปเลย แล้วจะได้สรรหานายกฯตามมาตรา 159 จากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอ หรือหากศาลวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อได้เราก็ต้องเคารพคำวินิจฉัย แต่ในหลักรัฐศาสตร์แล้วประชาชนส่วนใหญ่จะโอเคด้วยหรือไม่ เพราะกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่กฎหมายจารีตประเพณี มันเขียนไว้ค่อนข้างครอบคลุมแล้วว่าครบ 8 ปีแล้ว

เมื่อถามถึงเหตุการณ์สภาล่มในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่าพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยไม่เข้าร่วมประชุมทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งหลังจากนี้ก็เป็นไปตามหลักการคือกลับไปใช้ร่าง ครม. ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขก็ประกาศใช้ได้เลย ก็จะทำให้มีกฎหมายในการเลือกตั้งได้

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image