‘ทูตนอกแถว’ ชี้ยุคสงครามเย็น ไทยทิ้งห่าง ‘หลักการปรีดี’ วันนี้โลกเข้าสู่ความขัดแย้งแบบใหม่

‘ทูตนอกแถว’ ชี้ยุคสงครามเย็น ไทยทิ้งห่าง ‘หลักการปรีดี’ วันนี้โลกเข้าสู่ความขัดแย้งแบบใหม่

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เนื่องในโอกาสครบรอย 77 ปี วันสันติภาพไทย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสถาบันปรีดี พนมยงค์ จัดงาน PRIDI Talks #17: 77 ปี วันสันติภาพไทย

อ่านข่าว : รำลึก ‘77 ปีสันติภาพไทย’ อธิการ-นายกสภามธ. ย้อนอดีต หน้าดึกโดมคือฐานบัญชา ‘ขบวนการเสรีไทย’

บรรยากาศเวลา 10.30 น. มีการเสวนาภายใต้หัวข้อ ‘ความคิดสันติภาพของปรีดี พนมยงค์ กับสันติภาพของโลกในปัจจุบัน’ โดยมีเข้าร่วมเสวนาคือ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม, พล.ท.ดร.พงศกร รอดชมภู อดีตประธานคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร, รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ และนายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ และเจ้าของเพจทูตนอกแถว The Alternative Ambassador ดำเนินรายการโดย เคท ครั้งพิบูลย์ อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยเวลา 11.52 น. นายรัศม์ หรือ ทูตนอกแถว เสวนาถึงเรื่องบทบาทของไทยในมุมมองการต่างประเทศ ว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 77 ปีที่ อ.ปรีดี พนมยงค์ได้ประกาศวันสันติภาพไทย คิดว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะมามองย้อนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในด้านการต่างประเทศ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว การประกาศวันสันติภาพเมื่อ 77 ปีที่แล้ว ก็เป็นเรื่องด้านการต่างประเทศ เพราะตอนนั้นประเทศไทยได้รับผลกระทบจากผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 และ สิ่งที่ อ.ปรีดีได้ทำเมื่อ 77 ปีที่แล้วได้ส่งผลอย่างมาก คือได้ช่วยให้ประเทศของเราได้รอดพ้นจากการเป็นผู้แพ้สงคราม ซึ่งแม้ว่าจะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาคอยช่วย แต่สิ่งที่ อ.ปรีดีทำ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่ช่วยให้เรารอดพ้นในสภาวะการเป็นผู้แพ้สงคราม ซึ่งจะต้องมีภาระต่างๅ ตามมาอีกมากมาย

Advertisement

หลังจาก 2475 เป็นต้นมา นโยบายต่างประเทศของไทยก็ได้ถูกวางรากฐานโดย อ.ปรีดี ซึ่งเราก็ยังดำเนินมาถึงทุกวันนี้ คือการวางตัวเป็นกลาง เป็นประเทศที่มีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในเวทีประชาคมโลก การพยายามสร้างการรวมกลุ่มในภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันนี้เราสามารถรวมกลุ่มประเทศเป็นสมาคมอาเซียนได้ แม้ว่าอาเซียนจะมีข้อบกพร่องมากมาย แต่ก็ถือว่าสืบเนื่องมาจากแนวความคิดของ อ.ปรีดี ที่ส่งมอบ และเป็นนโยบายต่างประเทศหลักสำคัญของเราที่ยึดถือมาจนถึงทุกวันนี้

“อ.ปรีดีเป็นเสมือนผู้วางรากฐานของนโยบายการต่างประเทศ นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ในช่วงนั้นประเทศไทยเราเพิ่งหลุดพ้นจากลัทธิอาณานิคม ซึ่งยังเป็นความขัดแย้งหลักของโลก หลังจากนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ลัทธิอาณานิคมหมดไป โลกเราก็ย่างเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่า สงครามเย็น ซึ่งประเทศไทยเราทิ้งห่างจากหลักการของ อ.ปรีดีไปมาก เราไม่ได้วางตัวเป็นกลาง แต่ไปเข้าข้างสหรัฐอเมริกา แต่เราก็อาจจะกล่าวได้ว่าในช่วงนั้นรัฐบาลของไทยที่อนุญาตให้มีการจัดตั้งฐานทัพต่างๆไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มาจากตัวแทนของประชาชนโดยแท้จริง

Advertisement

หลังจากสิ้นสุดยุคสงครามเย็น โลกก็ดูเหมือนจะมีสันติภาพขึ้นมา มีความหวังขึ้นมา ในขณะเดียวกันประเทศไทยเราเองก็เริ่มมีรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย มีความหวังที่จะเห็นสันติภาพในโลกก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใครๆ หรือคนส่วนใหญ่ในโลกคาดหวัง แต่ตอนนี้ดูเหมือนโลกเราก้าวเข้าสู่ความขัดแย้งใหม่ ซึ่งเป็นความขัดแย้งทางอุดมการณ์ เสรีนิยมประชาธิปไตย กับ ฝ่ายสังคมนิยม สิ่งเหล่านี้ก็หมดไปแล้วในปัจจุบันแต่จะกลายเป็น เสรีนิยมประชาธิปไตย กับ อำนาจนิยม หากเราดูแนวโน้มของโลกจะเห็นว่าประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ค่านิยมอุดมการณ์ประชาธิปไตยในโลกถดถอยลงอย่างมาก” นายรัศม์กล่าว

ในตอนหนึ่ง นายรัศม์กล่าวด้วยว่า ถ้าเราอยากเห็นนโยบายต่างประเทศที่ดี รวมไปถึงสันติภาพในโลกนี้ มีความจำเป็นที่เราจะต้องฟื้นฟู หรือช่วยกันผลักดันให้ความคิดในระบบประชาธิปไตย หรือสิทธิมนุษยชนในสังคมกลับคืนมา ให้มีความเข้มแข็งทั้งในประเทศของเราและในประชาคมโลกด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนที่สามารถช่วยให้เกิดสันติภาพในโลกได้อย่างแท้จริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image