171 ส.ส.ฝ่ายค้าน ผนึกชื่อยื่น ‘ชวน’ ส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ 4 ปมตีความ 8 ปีประยุทธ์(คลิป)

‘ฝ่ายค้าน’ ยื่น ‘ประธานสภา’ พร้อม 4 ข้อเรียกร้อง ปม นายกฯ ดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ชลน่าน ดักทาง ‘ประยุทธ์’ ยุบสภาก่อน 2 กม.ลูกทูลเกล้าฯ บอกอย่าทำ สุญญากาศแน่  

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 17 สิงหาคม ที่รัฐสภา ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย เป็นต้น ร่วมกันยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นายชวนกล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะนำไปตรวจสอบคำร้องว่า มีรายชื่อครบถ้วน ของจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ เป็นไปตามกฎหมายคือ 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส. คือ 48 คน หรือไม่ จากนั้นจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้เลย

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส.ส.ฝ่ายค้านเข้าชื่อ 171 คน ยื่นต่อประธานสภาเพื่อ 1.ขอให้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลง เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลาเกินกว่า 8 ปี ตามมาตรา 170 วรรคสอง และมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 หรือไม่ โดยสาระสำคัญในหนังสือ ประกอบไปด้วย

ข้อ 1.การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

Advertisement

ข้อ 2.รัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปี โดยให้นับระยะเวลาต่อเนื่องและมิได้กำหนดไว้อย่างชัดแจ้งว่า ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้เท่านั้น

ข้อ 3.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2561 และ 7/2562 กรณีมาตรา 264 ให้รัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ต้องอยู่ในบังคับของรัฐธรรมนูญ 2560 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3-5/2550 และ 24/2564 เรื่องการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลังสามารถทำได้หากมิใช่โทษทางอาญา

ข้อ 4.เจตนารมณ์ของการจำกัดระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่

Advertisement

เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้นายรัฐมนตรีพ้นวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี วันที่ 23 สิงหาคม ผู้ที่รักษาการนายกฯ ะเป็น พล.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เขียนรองรับให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องไป และรักษาการแทน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยังรักษาการในตำแหน่งนายกฯต่อไปได้ กรณีที่นายกฯไม่สามารถทำหน้าที่ได้มี 4 กรณี 1.มีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญมาตร 98 2.มีความไม่ซื่อสัตย์ไม่สุจริต เป็นที่ประจักษ์ 3.ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง 4.ทำความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ

“เรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ไม่อยู่ในข้อห้ามในการทำหน้าที่รักษาการ ถ้า พล.อ.ประวิตร จะรักษาการได้ ก็ต่อเมื่อศาลสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยออกมา” นพ.ชลน่านกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องพ้นตำแหน่งในวันที่ 23 สิงหาคม จะใช้วิธีรักษาการไปเรื่อยๆ จนใกล้ครบวาระไปถึงมีนาคม 2566 นพ.ชลน่านกล่าวว่า ถ้ารัฐสภายังไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ว่าจะมาจากในบัญชี หรือนายกรัฐมนตรีคนนอก ก็มีสิทธิที่จะรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกฯคนใหม่เข้ามา เพราะในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเงื่อนเวลาว่าจะต้องเลือกนายกฯคนใหม่ให้ได้ ภายในกี่วัน ถ้าเป็นกรณีนายกฯรักษาการ พล.อ.ประยุทธ์ยังมีอำนาจทำได้เหมือนกับเป็นนายกฯในเวลาปกติ ทั้งการพิจารณางบประมาณ การแต่งตั้งโยกย้าย แต่ถ้าเป็นการยุบสภามีข้อห้าม โดยห้ามแต่งตั้งโยกย้าย พิจารณางบประมาณ ห้ามใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง

น.พ.ชลน่านกล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่สั่งให้นายกฯยุติการปฏิบัติหน้าที่ นายกฯยังทำหน้าที่ต่อไปได้เรื่อยๆ รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ว่า หลังจากรับเรื่องแล้ว จะต้องยุติปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ทุกอย่างอยู่ที่ศาล เมื่อรับเรื่องแล้ว จะสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่เลยหรือไม่ หรือจะสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ศาลวินิจฉัย อย่างไรก็ดีเชื่อว่า วันที่ 22 สิงหาคม สภาจะส่งคำร้องของฝ่ายค้านไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ และมั่นใจว่าศาลจะรับไว้พิจารณาอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาในการวินิจฉัยได้ ศาลคงให้ความสำคัญ เร่งกระบวนการวินิจฉัย

เมื่อถามว่า นักวิชาการด้านกฎหมายบางคนระบุวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ จะนับย้อนหลังตั้งแต่ปี 2557 ในทางที่เป็นโทษไม่ได้ นพ.ชลน่านกล่าวว่า แล้วแต่ศาลจะใช้ดุลพินิจ แต่เรื่องนี้ก็มีข้อถกเถียงทางกฎหมายมหาชน ที่บอกว่าการนับย้อนหลังต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพประชาชนเท่านั้น แต่เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ใช่ กรณีนี้คงแล้วแต่ ศาลจะใช้ดุลพินิจออกมาทางไหน แต่ยังมั่นใจว่า ศาลจะใช้ทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาประกอบในคำวินิจฉัย โดยเฉพาะข้อเท็จจริง ที่รัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้อยู่ยาว จะผูกขาดอำนาจ จะหยิบมาพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะอยู่ยาวจะเกิดความขัดแย้ง เชื่อว่าศาลคงจะหยิบเงื่อนไขตรงนี้มาร่วมพิจารณาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวนายกฯ จะชิงยุบสภาก่อน วันที่ 23 สิงหาคม นพ.ชลน่านกล่าวว่า สามารถทำได้ แต่เหตุผลในการยุบสภาต้องเกิดข้อขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายสภาแต่ขณะนี้ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น สภาไม่มีความผิดใดๆ เลย ถ้าจะอ้างว่ายุบสภาคงยาก ถ้ายุบก่อนวันที่ 23 สิงหาคม จะไม่มีกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายจะค้างไปต่อไม่ได้ ยกเว้นแต่ได้ส่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทูลเกล้าฯไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีการทูลเกล้าฯ ถ้ายุบตอนนี้ ก็ไม่มีกฎหมายเลือกตั้ง เข้าสู่สุญญากาศ นายกฯจะอยู่ยาว แต่ไปเสริมแรงต้านของประชาชน ให้เกิดแรงต่อต้านอย่างหนัก เชื่อว่า นายกฯไม่กล้าทำ ภาวนาอย่าให้ทำ

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image