กมธ.ซ้อมทรมาน แถลงวันอุ้มหาย ‘หมอเพชรดาว’ สะอื้น ปม ‘ธิษะณา ชุณหะวัณ’ ขอโทษหลังคนในครอบครัวมีส่วนเกี่ยวบังคับสูญหาย เผยการให้อภัยเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ ลั่นเมื่อความจริงปรากฏ ความเท็จย่อมมลายหายสิ้น ขณะที่ ‘โรม’ หวังชีวิต ปชช.ปลอดภัยขึ้น
เมื่อวันที่ 10.10 น. วันที่ 31 สิงหาคม ที่รัฐสภา น.ส.เพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. … พร้อมด้วยตัวแทนญาติบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายและถูกซ้อมทรมาน ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว
น.ส.เพชรดาวกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (30 สิงหาคม) เป็นวันสำคัญคือวันสูญหายสากล เป็นวันที่เราระลึกถึงบุคคลสูญหายทั่วโลก หลายครอบครัวยังรอคอยการกลับมาของบุคคลอันเป็นที่รัก แม้เขาจะมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตแล้วก็ตาม เขามีสิทธิที่จะทราบชะตากรรมของคนในครอบครัวเขา ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับสิทธิความเป็นมนุษย์ และป้องกันการกระทำที่เลวร้ายต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เราได้พิจารณากฎหมายและผลักดันกฎหมายนี้ให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ รัดกุมในทุกประเด็น พยายามปิดช่องว่างเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อกฎหมายใดเข้าสู่การพิจารณาทั้ง 2 สภาย่อมถูกตัด ถูกเสริม ถูกเพิ่มเติมทั้งสิ้น ไม่มีกฎหมายใดออกมาสมบูรณ์ครบทุกตัวอักษรตามที่ใจเราอยากได้ 100% สำหรับตนพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้ยังอยู่ และยังเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ดิฉันขอขอบคุณ น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ได้กล่าวขอโทษครอบครัว อับดุลกาเดร์ หรือ หะยีสุหลง โต๊ะมีนา ผู้นำและปัญญาชนของชาวไทยเชื้อสายมลายูมุสลิม โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถูกบังคับสูญหายเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2497 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากคนในครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้องในการบังคับสูญหาย
“ครอบครัวเราได้รับคำขอโทษครั้งแรกจากนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ บิดาของ น.ส.ธิษะณา เมื่อ 6 ปีที่แล้วในวันจัดงานรำลึกบุคคลสูญหาย และเมื่อ น.ส.ธิษะณาได้ขอโทษอีกครั้ง และพูดถึงจอมพลผิน ชุณหะวัณ และ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในขณะนั้น คำขอโทษคำเดียวดิฉันคิดว่ามีคุณค่าทางจิตใจและมีความหมายสำหรับครอบครัวผู้สูญหายเป็นอย่างมาก
“การให้อภัยเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดของทุกครอบครัวที่ต้องผ่านไปให้ได้ ดิฉันขอกล่าวคำขอบคุณทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายที่เรารอคอย กฎหมายฉบับนี้ถือเป็นของคนทุกคน และเป็นของทุกพรรคการเมือง และวุฒิสภาที่ช่วยกันผลักดัน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หรือของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง วันสูญหายในปีนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้สูญหายทุกครอบครัว จงสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคง ในการต่อสู้เพื่อคนที่เรารักต่อไป เมื่อความจริงปรากฎ ความเท็จย่อมมลายหายสิ้น” น.ส.เพชรดาวกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ด้านนายอาดิลันกล่าวว่า เมื่อพิจารณาแล้วร่างที่มีการปรับปรุงแก้ไข 10 มาตรานั้น ยังถือว่ามีสาระสำคัญที่เป็นประโยชน์ แต่จะทรงประโยชน์คุณค่ามากกว่าเมื่อมีกฎหมายบังคับใช้โดยเร็ว จึงเป็นที่มาของไม่มีการตั้ง กมธ.ร่วมระหว่าง 2 สภา ขณะนี้สภาได้ส่งให้รัฐบาลเพื่อรอทูลเกล้าฯ ภายในระยะเวลา 20 วัน ซึ่งสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายฉบับที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการสืบสวนสอบสวน จากที่มีไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาคือสามารถให้มีฝ่ายปกครอง นายอำเภอ และอัยการร่วมด้วย ในการช่วยกันถ่วงดุลสืบสวนสอบสวน และให้ความเป็นธรรมกับกรณีที่ได้รับร้องเรียนต่างๆ ขณะเดียวกัน ในส่วนของผู้บังคับบัญชาต้องมีส่วนรับผิดด้วย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ๆ ที่สามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น
นายอาดิลันกล่าวว่า เราไม่ได้ปกป้องผู้กระทำความผิดฝ่ายเดียว เพราะกฎหมายฉบับนี้ให้ความเป็นธรรมและปกป้องกับทุกฝ่าย รวมถึงเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานความสุจริตด้วย นั่นคือ เมื่อมีการบันทึกภาพเคลื่อนไหว หากเมื่อไหร่มีการร้องเรียนว่ามีการทรมาน หรือกระทำที่ผิดจากที่กฎหมายให้อำนาจไว้ เราจะมีพยานหลักฐานคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติด้วย ทั้งนี้ ภาคประชาสังคมและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้เข้าใจตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อครอบครัวที่สูญเสีย คนที่ได้รับผลกระทบทุกคนจากการใช้อำนาจรัฐในทุกรูปแบบ ตนคิดว่าความเจ็บปวดที่ถูกถ่ายทอดซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งการกระทำนี้เป็นส่วนสำคัญให้มีผลักดันกฎหมายฉบับนี้ให้สำเร็จ ที่ผ่านมาทางกลไกต่างๆ ของภาครัฐและสภาอาจจะไม่สามารถนำพาไปสู่การการผลักดันกฎหมายนี้ได้สำเร็จ แต่วันนี้เราสามารถผลักดันกฎหมายดังกล่าวสำเร็จ และต้องยอมรับว่าเรามาไกลกว่าความตั้งใจ หรือความคิดแรกที่ได้ฝันเอาไว้ หากพิจารณาจากโครงสร้างทางการเมืองในปัจจุบันต้องยอมรับว่าอาจจะไม่ได้สมบูรณ์ทั้งหมด แต่นับว่าได้เท่านี้ก็นับว่าเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของภาคประชาชน
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ที่มาของกฎหมายฉบับนี้เป็นการเข้าชื่อของ ส.ส.ร้อยกว่าคนจากทุกพรรคการเมือง อาจจะเรียกได้ว่าเป็นกฎหมายที่มีฉันทามติร่วมของสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทำงานร่วมกันของพรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาล ซึ่งกฎหมายฉบับนี้หลังจากการแก้ไขโดย ส.ว.ก็อาจจะมีบางช่วงบางตอนที่เรารู้สึกว่ามันน่าจะดีกว่านี้ได้ หากเรากลับมาพบกันในสภาสมัยหน้า ก็จะต้องมาผลักดันกฎหมายนี้อีกครั้ง และขอฝากไปถึงใครก็ตามที่กำลังที่หาเสียงทางการเมือง หรือจะกลับเข้ามาในสภาอีกครั้ง ถือเป็นข้อตกลงร่วมกันว่าเราจะต้องผลักดันกฎหมายฉบับนี้อีก และยังมีอีกหลายเรื่องที่เราสามารถทำให้กฎหมายฉบับนี้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ ซึ่งหมายความว่าลูกหลานของเราประชาชนจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
