ผู้ว่าฯสั่ง ‘ที่ดิน’ เพิกถอนที่ดินป่าดงพะทาย ‘สหายแสง’ โดนไป 39 แปลง ผิดซื้อขายใบจอง

ผู้ว่าฯนครพนมมอบเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบปมที่ดินป่าดงพะทาย หลัง ‘สหายแสง-ศุภชัย โพธิ์สุ’ ถูกร้อง ครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุดผู้ว่าฯออกคำสั่งจำหน่ายเพิกถอน คืนสภาพแล้วเกือบ 100 แปลง พบเป็นของครูแก้ว 39 แปลง เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ ได้มาผิดเงื่อนไขกฎหมายที่ดิน ลุ้นประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาความผิดด้านจริยธรรม หลังรับเข้าวาระพิจารณาแล้ว

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผู้สื่อข่าว จ.นครพนม รายงานความคืบหน้ากรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองป่าดงพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ของ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือ ครูแก้ว หรือ สหายแสง ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ภายหลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปรามปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ออกมาแถลงเกี่ยวกับข้อร้องเรียน พร้อมสรุปข้อมูลรวบรวมหลักฐานเสนอไปยัง ป.ป.ช.พิจารณาให้เอาผิด

นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรโดย นายชวน หลีกภัย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเป็นวาระการประชุมพิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีกฎหมายเรื่องจริยธรรม ส.ส.เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริง คาดว่าจะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า หากผิดจริง คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรจะเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาเกี่ยวกับความผิดให้พ้นตำแหน่ง รวมถึงตัดสิทธิทางการเมือง และรอกระบวนการ ป.ป.ช.พิจารณาความผิดเกี่ยวกับการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อไป

ทั้งนี้ คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรได้ให้นายศุภชัยชี้แจงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวยืนยันว่าครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรว่ามีความผิดหรือไม่

Advertisement

นายบุญนาก ถิระสวัสดี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ที่ดินป่าดงพะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เดิมเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจัดสรรให้คนยากจน ไร้ที่ดินทำกินมาตั้งแต่ปี 2517 มีจำนวนกว่า 2,000 แปลง รวมกว่า 20,000 ไร่ มีการออกไปจองให้กับชาวบ้านที่เข้าหลักเกณฑ์ไปแล้วบางส่วน สำหรับประเด็นปัญหาสำคัญที่เกิดข้อร้องเรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมที่ดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทั่งพบปัญหาว่าพื้นที่ดังกล่าวที่เคยได้รับการจัดสรรมีบุคคลที่ได้รับใบจับจองนำไปจำหน่าย ถือว่าผิดเงื่อนไขตามระเบียบกฎหมายที่ดิน ไม่สามารถนำไปซื้อขายจำหน่ายได้ แต่สามารถรับมอบเป็นมรดกได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายบุญนากกล่าวว่า ล่าสุดที่ดินจังหวัดนครพนมได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อพิจารณาออกคำสั่งจำหน่าย เพิกถอน โดยผู้ว่าฯนครพนมมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 มีพื้นที่ถูกจำหน่ายเพิกถอน คืนสภาพ รวม กว่า 90 แปลง ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่ของนายศุภชัยถึง 39 แปลง เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ โดยเป็นที่ดินจับจองได้มาจากการซื้อขายใบจับจอง ถือว่าผิดเงื่อนไข จะต้องมีการจำหน่าย เพิกถอน คืนสภาพ จากการตรวจสอบส่วนใหญ่พบว่าเป็นพื้นที่รกร้าง

Advertisement

“ส่วนการดำเนินการต่อไปจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย ในการออกประกาศเพื่อเดินสำรวจออกโฉนดจัดสรรให้เกษตรกรอีกรอบ ตามเงื่อนไขระเบียบกฎหมายที่ดิน นอกจากนี้ การพิจารณาว่าบุกรุกป่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่เดิม หากเป็นที่รกร้างไม่ถือว่าบุกรุก แต่หากเป็นพื้นที่ป่าสาธารณะ หรือป่าสงวน บุคคลที่เข้าไปครอบครองถือว่าเป็นการบุกรุก” นายบุญนากกล่าว

นายบุญนากกล่าวอีกว่า สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมยืนยันว่าจะดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่ดินทุกขั้นตอน หากพบว่าบุคคลที่รับใบจับจองแล้วกระทำผิดเงื่อนไข นำไปซื้อขาย จำหน่าย จะต้องดำเนินการจำหน่ายเพิกถอนทุกราย โดยพื้นที่ จ.นครพนม มีเป้าหมายดำเนินการ ออกคำสั่งจำหน่ายคืนสภาพอีกกว่า 700 แปลง อยู่ระหว่างการดำเนินการ

“ฝากย้ำเกษตรกร เมื่อได้รับการจัดสรรจากรัฐแล้ว ควรดำเนินการทำกินตามระเบียบ เพราะไม่มีสิทธิซื้อขาย แต่สามารถมอบให้เป็นมรดกของทายาทได้ หากใครไม่ทำตามเงื่อนไขถือว่าขาดสิทธิ ไม่มีสิทธิครอบครองอีกต่อไป

“ส่วนใครที่ถูกจำหน่ายเพิกถอนสิทธิ และได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จะเข้าข่ายบุกรุก หรือเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ จะต้องพิจารณาเป็นรายไป ตามสภาพพื้นที่ป่าเดิมว่าเคยอยู่ในสถานะอะไร มีทั้งที่รกร้างว่างเปล่า ที่สาธารณะ และที่ป่าสงวน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ก่อนจะออกใบจอง ยืนยันว่าหากใครผิดเงื่อนใครจะต้องถูกจำหน่ายเพิกถอนทุกราย ไม่มียกเว้น” นายบุญนากระบุ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image