‘ธนาธร’ ฝาก ก.ก.สานต่อปลดล็อกท้องถิ่น หลังสภาปัดตก ยันไม่ได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง

‘ธนาธร’ ย้ำปลดล็อกท้องถิ่นไม่ใช่เปลี่ยนแปลงการปกครอง ย้อนอนุรักษ์นิยมสุดโต่งกักขังประเทศไม่ยอมกระจายอำนาจ ฝาก ‘ก้าวไกล’ สานต่อภารกิจ ด้าน ‘อ.รัฐศาสตร์ จุฬาฯ’ ซัดคนลงมติมองเรื่องการเมืองมากกว่าคุณภาพชีวิต ปชช.

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรค ก.ก. พร้อมสมาชิกพรรค ก.ก. ร่วมกันแถลงหลังสภาคว่ำร่างกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น

นายธนาธรกล่าวว่า ขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงถึงข้อที่เราคิดว่าไม่สมเหตุสมผลคือ แนวคิดที่ว่าพวกเราสุดโต่งเกินไป เร็วเกินไป แรงเกินไป หลายคนกลัวว่าแนวคิดของเราจะนำไปสู่การแบ่งแยกประเทศมันแรงเกินไปหรือไม่ ตนถามกลับว่าแล้วท่านไม่กลัวหรือว่าถ้าไม่ทำประเทศจะช้า และประชาชนจะเดือดร้อนไปอีกนานเท่าไร ตนคิดว่าความกลัวของท่านเป็นความกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล ความกลัวของท่านกำลังกักขังอนาคตของประเทศนี้ และอนาคตของคนรุ่นต่อไปอยู่

“สุดโต่งเกินไปหรือไม่ ผมถามกลับว่าการปล่อยให้ปัญหาของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขมาเป็นสิบๆ ปี เป็นการอนุรักษ์นิยมสุดโต่งเกินไปหรือไม่ คำถามคือสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ปัจจุบันนี้ต่างหากที่สุดโต่งเกินไปหรือไม่ ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำและเสนอไม่ได้สุดโต่งเกินไป คนที่กักขังประเทศไว้อย่างนี้ต่างหากที่สุดโต่ง” นายธนาธรระบุ

Advertisement

นายธนาธรกล่าวต่อว่า คำชี้แจงต่อไปที่คิดว่าไม่เป็นธรรมคือเรื่อง การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน ยืนยันว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้านแต่อย่างใด เขียนไว้ว่าให้จัดทำแผนการยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค และมาทำประชามติว่าจะรับแผนยกเลิกส่วนภูมิภาคนี้หรือไม่ภายใน 5 ปี โดยให้สังคมไทยได้แลกเปลี่ยนกันว่าราชการส่วนภูมิภาคควรจะมีบทบาทอย่างไร

นายธนาธรกล่าวว่า สุดท้ายคือ เรื่องการทุจริต คิดว่าทุกรายงานยืนยันตรงกันหมดว่าส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีการทุจริตมากกว่าท้องถิ่น โดยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาส่วนกลางและภูมิภาคมีมูลค่าการทุจริตรวมประมาณ 4 แสนล้านบาท ขณะที่ท้องถิ่นมี 4 หมื่นล้านบาท และในช่วงปีที่ผ่านมาท้องถิ่น 7,850 แห่ง มีเรื่องร้องเรียนทุจริต 600 กว่าเรื่อง ขณะที่กระทรวงมหาดไทยกระทรวงเดียวมีข้อร้องเรียน 500 กว่าเรื่อง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Advertisement

“ความตั้งใจของเราไม่ใช่ความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่เป็นการทำให้ประสิทธิภาพการบริหารงานภาครัฐ การให้บริการประชาชนของภาครัฐดีขึ้น ข้อกล่าวหาและหลายข้อสงสัยไม่ได้ตั้งอยู่บนความจริง แต่ตั้งอยู่บนอคติที่ผิดๆ เสียดายอย่างยิ่งที่การลงมติร่างรัฐธรรมนูญในวันนี้ถูกปัดตกไป

“ถ้าเราดูเฉพาะเสียงของ ส.ส. ผมต้องบอกว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เสียงรับหลักการมากกว่าเสียงไม่รับ จริงๆ แล้วที่มันไม่ผ่านต้องบอกว่ามันไม่สามารถหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ได้ถึง 84 เสียง หรือ 1 ใน 3 ตามที่กฎหมายกำหนด จึงน่าเสียดายโอกาสและเวลาของประเทศเป็นอย่างยิ่ง” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวต่อว่า ขอขอบคุณ 8 หมื่นกว่ารายชื่อ และหลายองค์กรที่สนับสนุนในเรื่องนี้ ขอให้ทุกท่านเดินต่อเพื่อผลักดันการกระจายอำนาจต่อไปร่วมกับเรา และขอบคุณ ส.ส.จากทุกพรรคการเมือง วันนี้ได้รับเสียงจาก ส.ส.ทั้งหมด 248 เสียง และ ส.ว.ทั้ง 6 เสียง แม้จะยังไม่เพียงพอแต่ขอขอบคุณจากใจของพวกเรา ถึงแม้พวกเราจะทำไม่สำเร็จในวันนี้ ตนและคณะก้าวหน้าจะรณรงค์เพื่อเพิ่มความเข้าใจต่อประชาชนในเรื่องการกระจายต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าท้องถิ่นมีศักยภาพอย่างที่ท้องถิ่นปัจจุบันเป็น และขอฝากให้พรรค ก.ก.สานต่อภารกิจนี้ต่อไปด้วย

ด้านนายพิธากล่าวว่า ยินดีรับฟังและจะนำไปสานต่อ ซึ่งเราจะใช้เป็นนโยบายปราศรัยทุกเขต และยืนยันกับนายธนาธรว่า การกระจายอำนาจ หรือการปลดล็อกท้องถิ่นได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันหากไม่มีการแก้กฎหมายต่อไปในครั้งหน้า ไม่มีพรรคที่เอาด้วย ไม่มี ส.ว.ที่มากกว่า 6 คน ประเทศไทยก็จะกระจุกตัวต่อไป ฉะนั้น ปัญหาของประชาชนที่ไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม หรือแล้งซ้ำซาก ขยะส่งกลิ่นเหม็น ก็จะไม่มีโอกาสได้แก้ไข เพราะหลักการในการปกครอง คนที่ใกล้ชิดกับปัญหาควรที่จะได้รับโอกาสในการแก้ปัญหา

ขณะที่ นายวีรศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า มีข้อคิด 2 ประเด็น คือจากผลที่ออกมาในการลงมติในครั้งนี้คือความรู้สึกเสียดาย ไม่เฉพาะแต่พวกเราเท่านั้น แต่เสียดายรายชื่อ 8 หมื่นกว่าคนที่แสดงความเห็นเข้ามา ผู้ที่ลงมติบางคนก็มองเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องการเมืองมากเกินไป และเอาเรื่องการเมืองมาปนกับคุณภาพชีวิตของประชาชน

นายวีรศักดิ์กล่าวว่า หากได้ฟังคำชี้แจงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะทราบว่าการกระจายอำนาจ ปลายทางคือคุณภาพชีวิตของประชาชน โอกาสที่ประชาชนจะได้ดูแล จัดการตัวเอง และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เร็วกว่าการรอกลไกของรัฐ แต่หลายท่านกลับมองคุณภาพชีวิตของประชาชนมาที่หลัง เมื่อมองไปเป็นประเด็นการเมือง ทำให้บางครั้งการคิด การตัดสินใจ ก็จะมีอคติ

“ประเด็นสุดท้ายคือ เร็วๆ นี้จะมีการเลือกตั้ง และผมก็มั่นใจว่านโยบายการปกครองส่วนท้องถิ่นจะเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่พรรคการเมืองจะออกมาชูประเด็นเพื่อหาเสียง จึงอยากให้ติดตามว่าผลจากการลงมติในวันนี้กับสิ่งที่แต่ละพรรคการเมืองจะหาเสียงต่อไป ไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ มีการกลืนน้ำลายหรือไม่” นายวีรศักดิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image