‘จตุพร’ ท้ารบทักษิณ รับสุดทนแล้ว ถูกหยามเกียรตินักรบตัวเอง อัดเละแค่พวกพ่อค้า ไม่ใช่นักสู้เพื่อ ปชต. ไร้สัจจะ คิดหาแต่กำไร
จากนั้นหลายปีผ่านมา ตนถอยออกมาตามลำดับ แต่ชีวิตต้องติดคุกเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเกิดรัฐประหารก็ยังสู้ เปิดหน้าวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 3 ป. มาตลอด แต่พูดเกี่ยวข้องกับนายทักษิณน้อยมาก
นายจตุพรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ทั้งในปี 2552 และ 2553 ตนไม่เคยหนีเลย ในวินาทีความตาย แม้เพื่อนถอยหมดแล้ว แต่ต้องสู้ต่อคนเดียว เพื่อไม่ให้คนอื่นมายึดเวทีแล้วนำไปสู่การสู้ให้เกิดความตายของประชาชน จนถึงวันสุดท้าย จึงขึ้นเวทีประกาศยุติการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ จากนั้นนายทักษิณมาบอกให้หนี แต่ตนไม่หนีเพื่ออยู่ต่อสู้หาความยุติธรรมให้กับคนตายทั้งในสภาและนอกสภา โดยระหว่างทางกับการต่อสู้นี้ มีเรื่องบุญคุณและความคับแค้นมากมาย อีกทั้งนายทักษิณผิดคำพูดกับตนมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องเล็ก
กรณีหาเสียง นายก อบจ.เชียงใหม่ ช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ก็ไม่ไปพบคนเสื้อแดงเลย เพราะเพียงแค่ต้องการจะประกาศความจริงว่า เกิดอะไรขึ้นกับนายบุญเลิศเท่านั้น แต่นายทักษิณพูดถึงตนในลักษณะดูหมิ่นเหยียดหยาม ซึ่งนักรบใครจะมาดูถูกไม่ได้ ไปสู้ ไปยอมตายก็ด้วยรัก ศรัทธา แต่การเอาชีวิตไปถวายหัวให้ ตนไม่ต้องการเอารางวัลอะไรตอบแทนจากทักษิณ แม้บางเวลาอาจเกิดความอยากบ้าง แต่ก็ต้องวางลง เมื่อนึกเห็นคนตาย บาดเจ็บ เห็นแววตาประชาชนมากมายต้องกล้ำกลืนกันไป บางเรื่องก็ต้องทนเจ็บ
“ถ้าเป็นคนทรยศ อยากได้ใคร่ดี 8 ปีนี้ผมต้องไปช่วยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ แต่ต้องมาติดคุกกับ พล.อ.ประยุทธ์ และสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น ถ้าทักษิณไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ยังคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น สามารถผิดคำพูดกับคนอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีสัจจะ และยังทำตนเป็นพ่อค้าไม่แตกต่างไปจากเดิม เราก็จะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ที่ผ่านมาเพราะรัก เจ็บปวดมามาก ก็พูดไม่ลง เมื่อทักษิณลงมือก่อน ด้วยการดูถูกไม่กี่พยานนั้น นักรบเขารับกันไม่ได้ นักเลงรับกันไม่ได้”
“แล้วผมสรุปความได้ว่า ทักษิณ ไม่ใช่นักต่อสู้ ไม่ใช่นักประชาธิปไตย ไม่ใช่ผู้นำทางจิตวิญญาณอะไร แต่ตัวจริงเป็นพ่อค้า คิดเรื่องกำไรตลอดเวลา คิดถึงเกมตลอดเวลา การสลายคนเสื้อแดงไม่มีใครสลายได้ ถ้าทักษิณไม่เข้ามาเกี่ยวข้อง” นายจตุพรกล่าว
นายจตุพรกล่าวว่า แม้วันนี้พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ก็ตาม แต่คนในเพื่อไทยและนายทักษิณลองบอกว่า ที่ตนพูดมาทั้งหมด ตรงไหนเป็นความเท็จบ้าง กล้าสาบานกับวีรชนร่วม 100 ชีวิตหรือไม่ ที่ตนพูดมายังไม่ถึง 10% มีอะไรเป็นความเท็จบ้าง
ดังนั้น มาครั้งนี้เราเห็นว่าบ้านเมืองอยู่ในอาการที่ล่อแหลมที่สุด เห็นการกระทำกับนายสมัคร เป็นเรื่องกล้ำกลืนที่สุด และเป็นการกระทำกับคนอื่นมากมาย มีอดีตหัวหน้าพรรคคนหนึ่ง ซึ่งเขายอมลาออกให้ตามคำขู่ขององค์กรอิสระบางองค์กร ลาออกทั้ง ส.ส. รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังไม่ทันมาเก็บของที่ห้องหัวหน้าพรรคเลย ห้องว่างไปหมด เก็บของใส่รังวางไว้หน้าห้อง ทำกับเขาได้อย่างไร ทั้งที่เขาติดคุกให้ด้วย
“เราไม่ได้อยู่กับความกลัว เพราะความกลัวทำให้เสื่อม ที่ผ่านมาไม่ได้พูดอะไรเลย แม้พูดก็เลี่ยงด้วยมธุรสวาจาตลอด แต่ถึงจุดที่ว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว เมื่อคุณเหิมเกริม ดูถูกเหยียดหยาม ประสานักเลงว่า ถุยน้ำลายใส่ เอาตีนเหยียบหน้า ก็รบกัน เพราะคุณทำกับผมก่อน จนกระทั่งผมสุดทน จึงเอาเรื่องบ้านเมืองมาว่ากัน”
นายจตุพรกล่าวว่า วันนี้หลายคนอาจไม่สบายใจ แต่ตนจะบอกว่า เมื่อตาสว่างกับเรื่องอื่นมากมาย ทำไมไม่กล้าตาสว่างกับความจริงในสิ่งเหล่านี้บ้าง ทั้งหมดสะสมมานานแล้ว พร้อมกลืนเลือดเจ็บปวด ดังนั้น คำที่ตนพูดว่า ใจสลายเรื่องใหญ่นะ ทั้งองคาพยพเสนอหน้ามารบ ตนไม่กลัวสักคน ถ้าหมดความเกรงใจก็รบกัน แม้รู้ว่าคุณทำอะไรกับใครไว้บ้าง แต่คนเราฆ่าได้ หยามไม่ได้ มันเรื่องใหญ่ คดีที่รอเป็นหางว่าวไม่ไช่เรื่องผมเลยสักคดี แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทักษิณทั้งนั้น
ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
