‘แม่ตะวัน’ สะเทือนใจ ยังไม่พร้อมพูด ‘แม่เพนกวิน’ เข้าใจหัวอก – วอนผู้มีอำนาจทบทวน อย่าโยนน้ำมันลงกองเพลิง

ภาพจาก อินทรีแดง นิวส์

‘แม่ตะวัน’ สะเทือนใจ ยังไม่พร้อมพูด ‘แม่เพนกวิน’ เข้าใจหัวอก-วอนผู้มีอำนาจทบทวน อย่าโยนน้ำมันลงกองเพลิง

สืบเนื่องจากวานนี้ (26 มกราคม) กลุ่มทะลุฟ้า จัดกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” ครบ 112 ชั่วโมง ที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน แต่ยังคงทำกิจกรรมต่อเพื่อติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์การอดอาหารและน้ำของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม 2 ผู้ต้องหา ม.112 ที่เดินทางไปถอนประกันตนเอง ก่อนอดอาหารและน้ำประท้วง จนกว่า 3 ข้อเรียกร้องจะบรรลุ กระทั่งล่าสุดร่างกายอ่อนเพลียเข้าขั้นวิกฤต นั้น

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 มกราคม ที่ลานหน้าหอศิลปฯ กทม. มีมวลชนจำนวนหนึ่งมาร่วมยืนหยุดขัง และห้อยป้ายภาพหน้านักกิจกรรมที่ถูกคุมขัง รวมถึงมีการติดป้ายข้อความต่างๆ อาทิ ปล่อยนักโทษทางการเมือง, ปล่อยเพื่อนเรา, ยกเลิก 112 เป็นต้น

อ่านข่าว : ‘ปูน ทะลุฟ้า’ อยู่เฉยไม่ไหว เพื่อนยังอยู่ในเรือนจำ จะสู้เพื่อทุกคนจนกว่าได้ ‘สิทธิประกัน’

‘แม่เพนกวิน’ ทนไม่ไหว! มาร่วมส่งพลัง ‘ยืนหยุดขัง’ หน้าหอศิลป์ ชวนแม่ตะวัน-แบมด้วย

บรรยากาศเวลา 17.30 น. มารดาของ น.ส.ทานตะวันได้มาร่วมยืนหยุดขังพร้อมห้อยป้ายภาพตะวันและแบม โดยยืนข้างนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักกิจกรรมทางการเมือง โดยนางสุรีย์รัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว Friends Talk ว่า ตนได้ข้อมูลมาจาก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หรือทนายด่าง เกี่ยวกับอาการ และทั้งคุณพ่อคุณแม่ของ น.ส.ทานตะวันยังเป็นห่วง จึงยังไม่พร้อมที่จะพูด เพราะสะเทือนใจ เราเข้าใจหัวอกตรงนั้น และวันนี้ได้อัพเดตข้อมูลจาก ทนายกฤษฎางค์ ก็ฝากให้มาบอก ให้มาคุยสื่อสารกับคนข้างนอกว่าอาการน้องเป็นอย่างไร ตนก็เป็นห่วง ไม่รับโพแทสเซียมด้วย ตามเจตนารมณ์ที่น้องตั้งใจไว้

ADVERTISMENT
ภาพจาก อินทรีแดง นิวส์

“อาการน้องไม่ดีเลย ค่อนข้างน่าจะเป็นห่วงและน่าจะวิกฤตแล้ว แม่ก็เป็นห่วง ทุกคนก็เป็นห่วง จึงออกมายืนวันนี้ และอยากเรียกร้องด้วยว่า เราก็โตกันแล้ว เราก็เป็นพ่อเป็นแม่คน เราเข้าใจหัวอกเพราะเราก็เคยผ่านสถานการณ์นั้น เป็นความยากลำบากในแต่ละคืนและแต่ละวันที่ผ่านไป และแม่คิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ตุลาการหรือคณะอะไรก็แล้วแต่ ที่ทำร้ายร่างกาย ทำให้เด็กต้องอยู่ในนั้น ก็อยากให้ท่านได้ทบทวนสิ่งที่ท่านทำ ท่านเป็นต้นกำเนิดต้นเหตุที่ทำให้โยนน้ำมันลงในกองเพลิง หรือท่านจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำผึ้งหยดเดียว เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต คนทุกคนมีสิทธิที่จะพูด เป็นสิทธิเสรีภาพในการพูด คุณไม่ควรทำร้ายเขา จองจำเขาหรืออะไรก็แล้วแต่” นางสุรีย์รัตน์กล่าว

นางสุรีย์รัตน์กล่าวต่อว่า น้องตะวัน น้องแบม หรือทุกคนที่อดทนอดอาหารอยู่ในเรือนจำ เขาเป็นที่รักของพ่อแม่ และพี่น้องข้างนอกทุกคน ตนไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตถ้าคนที่เขารักเจ็บป่วย เขาก็ต้องรู้สึกคับแค้นใจเหมือนที่แม่เคยรู้สึก เขาอาจจะทำอะไรในสิ่งที่คิดไม่ถึง และเราอยากเรียกร้องไปถึงว่าท่านจะเป็นส่วนหนึ่ง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ควบคุมไม่ได้หรือไม่ ประเทศไทยเป็นประเทศของทุกคน ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ทำไมเราไม่คุยกันดีๆ ไม่มาฟังเหตุผลเด็ก

“แม่เชื่อว่าเด็กพวกนี้มีเหตุผลถ้าคุณคุยกับเขาดีๆ ใช้เหตุผล อย่าใช้อารมณ์ และอย่าใช้ด้วยความที่ฉันเป็นผู้ใหญ่ ด้วยฉันถือปืนถืออำนาจอยู่ในมือ เราไม่ฟังก็เกิดความเสียหายเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา และคุณอาจจะเห็นว่าที่ผ่านมามันเงียบ เด็กๆ ไม่สนใจแล้วเหรอ ไม่ใช่ คุณอาจจะคิดผิด เด็กๆ อาจจะให้โอกาสคุณอยู่ ให้เวลาให้คุณคิดตระหนักว่าสิ่งที่คุณทำถูกต้องไหม” นางสุรีย์รัตน์ กล่าว

นางสุรีย์รัตน์กล่าวอีกว่า ที่ตนออกมาตอนนี้เนื่องจากว่าร่างกายทั้ง 2 เริ่มไม่ดี ตนคิดว่าผู้ใหญ่คงไม่ทำกับเด็กขนาดนี้ อาจจะโมโหเด็กอะไรเล็กน้อย แต่ตอนนี้เด็กถึงขั้นวิกฤตแล้ว จะปล่อยให้มีการสูญเสียเกิดขึ้นหรือ เด็กเขาเป็นเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือใครก็แล้วแต่ ไม่ต้องมีการสูญเสีย เจ็บป่วย เพราะเหตุจากการเรียกร้องประชาธิปไตย หรือเพราะว่าสิทธิเสรีภาพในการพูด

“อยากฝากว่าพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่เราเคลื่อนไหวกันมา ที่ช่วยสนับสนุนเด็กที่เคลื่อนไหวมาตั้งแต่รุ่นเพนกวินหรือก่อนหน้านี้ แม่เชื่อว่าเรายังรักษาอุดมการณ์ไว้อยู่ ยังสนับสนุนเด็กอยู่ แม่คิดว่าถึงเวลาแล้ว เพราะเราให้เวลาเขาคิดเยอะแล้ว อยากให้ทุกคนจับตาดูอย่างใกล้ชิด อยากให้ตั้งคำถามไปกับตุลาการ หรือผู้ใหญ่ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี้กับลูกเขาจะรู้สึกอย่างไร” นางสุรีย์รัตน์ กล่าว