ทัศนัยชี้ 4 ปีสภาเหลว คาใจสุราพื้นบ้าน-สมรสเท่าเทียมเจอปัดตก จี้พรรคฟาก ปชต.ชัดจุดยืน

ภาพจาก มติชนสุดสัปดาห์

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ “มติชนรายวัน” ประเมินการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำงานครบ 4 ปี โดยถือเป็น ส.ส.และสภาชุดแรกของรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปการเมือง ว่ามีผลงานด้านการออกกฎหมายและการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างไรบ้าง

นายทัศนัยกล่าวว่า ภาพรวมการทำงานสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคร่วมรัฐบาลถือว่าล้มเหลว เนื่องจากคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ไม่สามารถคุมเสียงในสภาได้ ส่งผลให้สภาล่มบ่อย การพิจารณากฎหมายที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอไม่ต่อเนื่องหรือถูกฝ่ายค้านคว่ำร่างในสภาหลายครั้ง แม้มีเสียงข้างมาก และมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน สนับสนุน แต่ไม่สามารถผ่านร่างหรือออกกฎหมายมาบังคับใช้ได้

การออกกฎหมายของรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินหรือทำงบขาดดุล เพื่อใช้ในโครงการประชานิยมและสวัสดิการแห่งรัฐ อาทิ คนละครึ่ง บัตรคนจน เที่ยวด้วยกัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่ในความเป็นจริงโครงการดังกล่าวเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน เครือข่าย พวกพ้องมากกว่า ไม่ได้สร้างงานและรายได้ประชาชนมากนัก เนื่องจากเป็นโครงการหาเสียงที่รัฐบาลได้ประโยชน์โดยตรง โดยใช้ภาษีประชาชน และเงินกู้ต่างประเทศเป็นเครื่องมือ โดยทิ้งภาระหนี้สินให้ลูกหลานรับผิดชอบในอนาคต

ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณที่เป็นภาษีประชาชนได้ดี มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือซักฟอกโครงการรัฐบาลต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนถึงความบกพร่อง ที่นำไปสู่การทุจริตหรือคอร์รัปชั่นได้ง่าย อาทิ การจัดซื้อวัคซีน กระทรวงสาธารณสุข การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ กระทรวงกลาโหม ตั๋วช้าง ทุนสีเทา ที่สนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาล จนนำไปสู่ฟ้องร้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และฝ่ายค้านหลายคดี

Advertisement

นอกจากนี้ ฝ่ายค้านได้เสนอกฎหมายสมรสเท่าเทียมและสุราพื้นบ้าน ให้สภาพิจารณาแต่สภาไม่ผ่านร่าง หรือเห็นชอบกฎหมาย เนื่องจากรัฐบาลต้องการปกป้องและรักษาผลประโยชน์นายทุน เครือข่าย แต่สะท้อนถึงมิติใหม่ที่ฝ่ายค้านกล้านำเสนอกฎหมายดังกล่าว ที่ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วมถือเป็นกฎหมายก้าวหน้า ที่ไม่เคยปรากฏในการพิจารณาของสภามาก่อน เพื่อสร้างความเท่าเทียม เสมอภาค และแบ่งปันผลประโยชน์ไปสู่ประชาชนมากขึ้น

“ในมุมกลับกันทั้งรัฐบาลไม่ได้เสนอโครงการแบบเมกะโปรเจ็กต์ เพื่อสร้างงาน เพิ่มรายได้ จัดเก็บภาษีอย่างทั่วถึงเพื่อนำไปพัฒนาประเทศ ถือเป็นจุดอ่อนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้าลงทุนท่องเที่ยว ขณะที่เพื่อนบ้านได้ลงทุนโครงการขนาดใหญ่ อาทิ เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำท่าเรือลำน้ำโขง รถไฟฟ้าความเร็วสูงระหว่างประเทศ ทำให้พลิกฟื้น และอัตราเศรษฐกิจเติบโตสูงกว่าไทย ทำให้รัฐบาลไม่มีผลงานเด่นชัดในสภา จึงให้เพียง 1 คะแนนเท่านั้น ส่วนฝ่ายค้านได้ 8 คะแนน ไม่เต็ม 10 เพราะไม่สามารถควบคุม ส.ส.งูเห่า ที่ไปสนับสนุนหรือโหวตให้รัฐบาลได้

ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ต้องประกาศจุดยืนทางการเมือง ไม่ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ให้สืบทอดอำนาจเผด็จการอีก ควรจับมือพันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลมากกว่า เพื่อคานอำนาจ ส.ว. 250 คน และลบภาพสภานายทุน ที่เอื้อผลประโยชน์ให้เครือข่าย พวกพ้อง นำไปสู่ความศรัทธาให้สภาเป็นที่ยอมรับ รักษาผลประโยชน์ประชาชน และประเทศแท้จริงต่อไป” นายทัศนัยกล่าว

Advertisement

อ่าน อาจารย์ ‘ตัดเกรด’ 4 ปีสภายุค ‘ปฏิรูป’

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image