‘รัฐบาล’ เบรกหัวทิ่ม ชิงยื่นศาล รธน.ตีความ พ.ร.ก.อุ้มหาย ทำอภิปรายหยุดชะงัก ด้าน ‘ชลน่าน’ โวยเล่นเกมน่าอับอาย ชงโดย ครม. กินโดย ครม. และอุ้มหายโดย ครม.
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พ.ศ.2566 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ
ต่อมา เวลา 13.20 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในระหว่างที่เราอภิปรายนั้น สมาชิกส่วนหนึ่งได้เสนอเรื่องขึ้นมา โดย นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) และคณะ ได้เข้าชื่อต่อประธานสภา ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า การตรา พ.ร.ก.ดังกล่าวไม่เป็นไปตามมาตรา 172 วรรคหนึ่ง และให้ประธานสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญภายใน 3 วัน ซึ่งจากการตรวจสอบความถูกต้องแล้วมี ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อ 100 คน ดังนั้น การพิจารณา พ.ร.ก.ดังกล่าวต้องรอการพิจารณาไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นดังกล่าวถูกโต้แย้งจาก ส.ส.ฝ่ายค้าน โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า สภาควรดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยการลงมติ แต่กรณีดังกล่าวรัฐบาลกังวลว่าจะถูกโหวตไม่เห็นด้วย จึงใช้วิธีชงโดย ครม. กินโดย ครม. และอุ้มหายโดย ครม. เป็นเรื่องที่น่าอับอาย ซึ่งจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะสิทธิการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้นควรเป็นเสียงตรงข้าม ไม่ควรเป็นฝ่ายเดียวกับรัฐบาล
“ในช่วงเลือกตั้งหากพบการบังคับใช้อำนาจหน้าที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน คนที่ร่วมเข้าชื่อต้องรับผิดชอบ เพราะไม่เป็นธรรมกับสิทธิตามกระบวนการยุติธรรมของประชาชน เมื่อสภาทำแบบนี้ ขอให้จดจำไปถึงลูกหลานและพวกเราที่จะกลับมาสมัยหน้าหากได้ใช้อำนาจประชาชนแท้จริง มั่นใจว่ากระบวนการเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น ขอให้ประชาชนเป็นกรรมการตัดสินในคูหาเลือกตั้ง” นพ.ชลน่านกล่าว
ขณะที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองวิปรัฐบาล ยืนยันต่อการใช้สิทธิดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่มีปัญหาในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และถือเป็นการใช้สิทธิครั้งแรกของ ส.ส.รัฐบาล สะท้อนว่ามีความเป็นห่วงของประชาชน
ช่วงท้าย นายชวนกล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำหน้าที่ทำงานร่วมกันมาตลอด 4 ปี ตนทราบดีว่าเราทำงานหนักเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ สุดท้ายแม้เราจะไม่มีโอกาสกลับเข้ามาทุกคน แต่ก็ขอให้ได้กลับมาทำหน้าที่ต่อไป การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน คนที่ค้านอยู่วันนี้ อาจจะเป็นรัฐบาลวันหน้า คนที่เป็นรัฐบาลขณะนี้ อาจจะเป็นฝ่ายค้านในขณะนั้น สิ่งสำคัญคือ เราพูดอะไรไปว่าไม่ดีในวันนี้ ในวันนั้นก็ต้องไม่ดีด้วย อะไรที่ดีวันนี้ วันนั้นก็ดีด้วย ตนจึงขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จ
จากนั้น นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภา อ่านพระบรมราชโองการ พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ.2566 ในเวลา 13.41 น.
ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง