เพื่อไทย โต้ สนธิญา ร้อง กกต.ยุบพรรค ยันไม่ผิด ปูดเรื่องนี้มีเบื้องหลัง จ่อยื่นยุบพรรคคืน

‘ชูศักดิ์’ โต้ ‘สนธิญา’ หลังร้อง กกต.ยุบ ‘เพื่อไทย’ ชี้คำร้องไม่เข้าข่ายความผิด ปูดมีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง จ่อยื่นยุบพรรคคืน

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้อง 2 ฉบับต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ขอให้ตรวจสอบกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยบนเวทีพรรค พท. แม้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ และกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์เข้าข่ายขัดกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า

เป็นเพียงการพูดว่านายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตลอดจนกลุ่มองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา และพรรค พท.เป็นกลุ่มเดียวกัน มีความหมายเพียงว่า บุคคลตามที่กล่าวมาเป็นผู้สนับสนุนพรรค พท. เพื่อนำไปสู่การแลนด์สไลด์เท่านั้น ไม่ได้มีการกระทำใดที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาควบคุม ครอบงำหรือชี้นำการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค พท. ในลักษณะที่จะทำให้พรรค พท.และสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใด

Advertisement

ซึ่งการที่บุคคลใดจะสนับสนุนพรรคการเมืองใดนั้น ย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นที่จะพึงกระทำได้ อันถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการเมือง และพรรค พท.ก็ไม่ได้มีการกระทำใดที่จะถือเป็นการยินยอมให้บุคคลเหล่านั้นกระทำการในลักษณะเช่นนั้นแต่อย่างใดเช่นกัน

นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิขึ้นเวทีปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ นั้น พรรค พท.ได้แต่งตั้งให้นายณัฐวุฒิเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค และยื่นเอกสารดังกล่าวต่อเลขาธิการ กกต.ไปก่อนหน้านั้นแล้ว แม้นายณัฐวุฒิจะมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัคร ส.ส. หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเป็นสมาชิกพรรคก็ตาม แต่นายณัฐวุฒิยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรค และผู้สมัครของพรรค พท.ได้ตามระเบียบของ กกต. ซึ่งกำหนดคุณสมบัติของผู้ช่วยหาเสียงไว้ว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น

Advertisement

กรณีเช่นนี้พรรคได้ดำเนินการทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ไม่ว่าการเลือกตั้งระดับชาติและการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น และ กกต.ก็ประกาศรับรองการเลือกตั้งที่ผ่านมา การที่นายสนธิญากล่าวอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (2) ซึ่งเป็นเรื่องการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่บทบัญญัติที่ห้ามบุคคลกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นสาระ

นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างของนายสนธิญาจึงไม่เข้าองค์ประกอบใดๆ ที่จะถือว่าพรรค พท.กระทำการอันฝ่าฝืนต่อกฎหมายพรรคการเมืองและรัฐธรรมนูญ

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง : “สนธิญา” ร้องกกต.ยุบเพื่อไทย ปมให้ “ณัฐวุฒิ” ขึ้นปราศรัย ทั้งที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง

และพรรคเห็นว่านายสนธิญาได้ยื่นคำร้องให้ยุบพรรค พท.มาแล้วหลายครั้ง โดยมิได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ครบถ้วนและถูกต้องก่อน พรรคจึงเห็นว่าการกระทำของนายสนธิญาอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 101 ของกฎหมายพรรคการเมืองที่บัญญัติว่า ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น พรรค พท.จึงจะได้ยื่นคำร้องขอให้ กกต.ดำเนินการสืบสวนไต่สวนและเอาผิดต่อไป

“นอกจากนี้ ได้ทราบข้อเท็จจริงว่ามีแกนนำบางคนของบางพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง การดำเนินการ ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน หากปรากฏหลักฐานชัดเจน พรรคเพื่อไทยก็จะยื่นขอให้ กกต.ดำเนินการยุบพรรคการเมืองดังกล่าวตามมาตรา 101 วรรคสอง ต่อไปด้วย

เรื่องนี้ขอฝากไปยัง กกต.ว่า การจะพิจารณารับคำร้องที่มีการร้องขอให้ยุบพรรคนั้น ให้พิจารณาข้อเท็จจริงเบื้องต้นก่อนว่าอยู่ในข่ายที่สมควรจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ เพราะมิฉะนั้นแล้วก็จะมีผู้ที่หวังจะสร้างผลกระทบในการเลือกตั้งให้กับพรรคการเมือง โดยการนำข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ข้อมูลที่บิดเบือนคลาดเคลื่อนไปยื่นขอยุบพรรค เพื่อให้เกิดกระแสทางโซเชียลมีเดียว่าพรรคโน้นพรรคนี้จะถูกยุบ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับพรรคการเมืองได้” นายชูศักดิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image