‘ชวน’ ภูมิใจ สภาอยู่ครบ 4 ปี ผ่าน กม.เพียบ ขอบคุณสื่อเสนอพฤติกรรมนักการเมือง

‘ชวน’ แถลงขอบคุณสื่อสภา นำเสนอพฤติกรรมนักการเมือง ชี้มีส่วนช่วยตัดสินใจวันกาบัตร ปลื้มผ่าน กม.หลายฉบับ เสียดายแผ่วปลายช่วงท้าย เหตุองค์ประชุมไม่ครบ เผยเริ่มต้นทำงาน 500 คน สุดท้ายเหลือ 393 คน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 มีนาคม ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวขอบคุณสื่อมวลชนประจำรัฐสภาตลอดการทำงานร่วมกัน 4 ปีที่ผ่านมาว่า วันนี้คาดหมายว่าน่าจะมีประกาศพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภา ดังนั้น จึงถือโอกาสนี้รายงานสถานภาพของสภาผู้แทนราษฎรให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ทราบเป็นครั้งสุดท้าย

นายชวนกล่าวว่า ความจริงตัวเลขของผู้แทนราษฎรชุดนี้เริ่มต้น 500 คน แต่เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบทำให้ ส.ส.ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคสิ้นสภาพไป 11 คน, มี ส.ส.ที่ศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เรื่องเสียบบัตรแทนกัน 3 คน, มี ส.ส.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 4 คนกรณีขอสร้างสนามฟุตซอล, มี ส.ส.พรรคต่างๆ ที่ถูกศาลตัดสินให้พ้นสมาชิกภาพโดยไม่มีการเลือกตั้งซ่อมและไม่มีการเลื่อนลำดับทดแทน 4 คน, และมี ส.ส.ลาออกในช่วง 180 วัน ทำให้สมาชิกลดลงไปอีก 84 คน และเสียชีวิตในช่วงเวลานั้นอีก 1 คน ดังนั้น ในวันนี้จึงเหลือ ส.ส.อยู่ 393 คน

Advertisement

นายชวนกล่าวว่า ถ้าเราทบทวนการปฏิบัติหน้าที่ของสภาชุดนี้ก็จะเห็นว่าเป็นชุดพิเศษที่หลังว่างเว้นให้มีการเลือกตั้งมา 5 ปี จึงเป็นเหมือนชุดที่เริ่มใหม่ สมาชิกที่เข้ามาใหม่ 500 คน ตอนเริ่มแรกนั้นจึงเป็นสมาชิกใหม่เกินกว่าครึ่งหนึ่ง จึงมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ในพฤติกรรม ทั้งนี้ สภาชุดนี้ได้เริ่มใช้ที่ในการประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นย้ายไปห้องประชุมของ TOT ต่อมาย้ายมาที่ห้องประชุมจันทราของวุฒิสภา และห้องประชุมสุริยันของสภา จึงไม่เคยมีสภาชุดไหนที่เปลี่ยนที่ประชุมมากเท่านี้ ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19

“โชคดีว่าสภาขยันทำงานในช่วงต้น ประกอบกับรัฐบาลเสนอกฎหมายในช่วงต้นไม่มากนักจึงไม่มีอะไรค้าง จนกระทั่งเกิดวิกฤตโควิด-19 เราก็หยุดการประชุมไป 1 เดือน ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แม้จะมีสมาชิกบางฝ่ายเสนอให้หยุดต่อเนื่องจนกว่าจะหายจากโรคระบาด แต่เราก็เชื่อว่าถ้าจะรอให้หมดการระบาดคงเป็นไปไม่ได้ เราจึงประชุมต่อเนื่องตลอดมา และชดเชยการประชุมในวันศุกร์” ประธานสภากล่าว

นายชวนกล่าวต่อว่า โดยหลักแล้วพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คือเครื่องมือของฝ่ายบริหารที่ต้องใช้ ดังนั้น กฎหมายของรัฐบาลจึงไม่มีฉบับใดค้างอยู่ ทั้งในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภา แต่ในช่วงท้ายที่รัฐบาลส่งกฎหมายมาอีกหลายฉบับ แล้วก็ไม่นำองค์ประชุมมาด้วย จนตนต้องทำหนังสือถึงนายกฯและเจ้ากระทรวงผู้เสนอกฎหมายนั้น แต่สุดท้ายองค์ประชุมก็ยังไม่ครบ

นายชวนกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่สภาอยู่ได้มาจนครบ 4 ปี ซึ่งไม่ได้มีอย่างนี้ทุกครั้งไป ถือว่าฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่จนเกือบครบถ้วน ถ้าไม่มองช่วงปลายที่มีกฎหมายค้างอยู่ เช่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง และร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้มีการพิจารณา เพราะองค์ประชุมไม่ครบ เกือบจะพูดได้ว่ากฎหมายของรัฐบาลได้ผ่านไปเกือบทั้งสิ้น ยกเว้นช่วงปลายซึ่งเป็นกฎหมายที่เสนอเข้ามาใหม่และองค์ประชุมไม่ครบ

นายชวนกล่าวว่า ส่วนตนที่ได้นั่งเป็นประธานสภาตลอด 4 ปี ตั้งใจจะคุมสภานี้ให้ถึงที่สุด และคิดว่าสมาชิกใหม่ต้องการคำแนะนำหลายเรื่อง ซึ่งสมาชิกเหล่านี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยมีปรากฏการณ์ใหม่ก็คือ  เรื่องการรักษาเวลาการอภิปราย ทำให้ทุกคนที่ได้อภิปราย แต่มีบางเรื่องคือพรรคที่มีเสียงมากอภิปรายไม่กี่คน ส่วนพรรคที่เสียงน้อยกลับอภิปรายมาก ทั้งที่ความจริงควรจะเป็นไปตามสัดส่วนของจำนวน ส.ส.ของพรรคนั้นๆ

นายชวนกล่าวว่า ในการประชุมสถาบันพระปกเกล้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ทรงคุณวุฒิได้อภิปรายเรื่องบทบาทของผู้แทนราษฎรว่ามีวัฒนธรรมที่แปลกออกไปคือ เรื่องการแต่งกาย จึงเรียนว่าทางสภาได้แจ้งไปยังแต่ละพรรคการเมืองว่าสมาชิกต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ แม้จะอยากแสดงความสมัยใหม่ด้วยการแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่ข้อบังคับยังมีอยู่ ถ้าคุณไม่เคารพกฎเกณฑ์และกติกา สังคมประชาธิปไตยจะอยู่ไม่ได้ เราจึงให้สถาบันพระปกเกล้ากำหนดหลักสูตรสั้นๆ สำหรับสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อให้ ส.ส.ได้เข้าใจภารกิจชัดเจน นอกจากนี้ สมาชิก ส.ส.ได้ท้วงติงว่าใช้เวลาในกระทู้ถามมากเกินไป และสมาชิกส่วนใหญ่ใช้วิธีอภิปรายจนหมดเวลา จนไม่ได้ถามคำถาม เพราะไม่สามารถย่อความได้ และมีความรู้มากเกินไป ทั้งที่เวลาเป็นของมีค่า

นายชวนกล่าวด้วยว่า อนาคตคือการทำให้สิ่งที่ทำอยู่ 4 ปีนี้เป็นบทเรียนทั้งในทางบวกและทางลบ ในทางบวกคือการดำรงไว้ซึ่งหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งการออกกฎหมาย และการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ส่วนทางลบคือพฤติกรรมใดก็ตามที่เข้ามาหาผลประโยชน์ และการแต่งตั้งคนที่ไม่เหมาะสมมาเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อมาหาผลประโยชน์

“ถ้าพี่น้องสื่อมวลชนไม่ช่วยดำรงข่าวสารที่ให้ประโยชน์กับประชาชน ประชาชนก็จะไม่รู้ข้อเท็จจริง
เช่น ความไม่รับผิดชอบของนักการเมือง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยตัดสินใจในการเลือกตั้งว่าถ้าเลือกคนซื้อเสียงมาก็จะได้รับรัฐบาลที่ซื้อเสียง ถ้าเลือกคนดีเข้ามาก็จะได้รัฐบาลที่ดี เพราะรัฐบาลมาจากฝ่ายนิติบัญญัติ” นายชวนกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image