เปิดชีวิต ‘ศรัณย์วุฒิ’ 2 ทศวรรษ จากชูดาบดวลเผด็จการ สู่วัน ‘คุกเข่า’ หน้าบิ๊กตู่

เปิดชีวิต ‘ศรัณย์วุฒิ’  2 ทศวรรษ จากชูดาบดวลเผด็จการ สู่วัน ‘คุกเข่า’ หน้าบิ๊กตู่

สวมเสื้อรวมไทยสร้างชาติ พร้อมคุกเข่าขอขมาเบื้องหน้า ‘บิ๊กตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นที่เรียบร้อยแล้วในบ่ายวันนี้ สำหรับ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ  อดีตดาวเด่นพรรคเพื่อไทยที่มีเหตุให้โยกย้ายไปยังพรรคเพื่อชาติ ก่อนประกาศลาออก เมื่อ 16 มีนาคมที่ผ่านมา (ข่าวที่เกี่ยวข้องสวมเสื้อ รทสช. ‘ศรัณย์วุฒิ’ คุกเข่าขอขมา ‘บิ๊กตู่’ บอกไม่โกรธ )

หากย้อนดูเส้นทางการเมือง ต้องถือว่า ไม่ธรรมดา ห่างไกลจากคำว่าราบเรียบอยู่หลายขุม ได้รับทั้งดอกไม้ เจอะเจอทั้งมรสุม วิวาทะ และดราม่าแบบจบไม่สวยในหลายครั้งหลายครา

นั่ง ส.ส. ครั้งแรกปี 48 ใต้ร่ม ‘ไทยรักไทย’

ศรัณย์วุฒิ นั่งเก้าอี้ ส.ส. ครั้งแรกเมื่อปี 2548 สังกัดพรรคไทยรักไทย และ 2554 ใต้ร่มเงาพรรคเพื่อไทย กระทั่งคว้าชัยในการเลือกตั้ง 2562 ได้เป็น ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย

Advertisement

เป็นที่จดจำตั้งแต่วันลงสมัคร ซี่งเจ้าตัวสวมใส่ชุดนักรบโบราณ ลั่นเป็นขุนพลคู่ใจพระยาพิชัยดาบหักขี่ม้าไปพร้อมชูดาบประกาศจะเข่นฆ่าเผด็จการให้สิ้นจากแผ่นดินไทย ก่อนคว้าชัยเหนืออริราชศัตรูบนสนามการเมือง

ครั้นสวมสูทเข้าสภา ก็ลุกขึ้นอภิปรายฟาดฟันนโยบายรัฐบาลตั้งแต่การตีแผ่ราคาผลิตผลเกษตรตกต่ำ จี้ลดงบซื้ออาวุธ จัดหนักเมกะโปรเจ็กต์เอื้อเจ้าสัว เงินกระตุ้นกระเป๋าสตางค์จากภาครัฐที่ไม่อาจควักไป “ซื้อกบเขียด” กับแม่ค้าข้างถนนกินได้ กระทั่งให้นิยามนโยบายการแก้ปมเศรษฐกิจยุคนี้ว่าเปรียบเสมือนการใช้ ยาหม่องลิงแก้แห ยี่ห้อ “ยุทธคิด”

Advertisement

เกิดในครอบครัวคนจีนแต้จิ๋วย่านบางรัก แล้วไปโตที่สำเพ็ง โดยเปิดใจอย่างไม่ปิดบังว่า ในอดีต “ยากจนมาก” ก่อร่างสร้างธุรกิจหลากหลายตั้งแต่วัยหนุ่ม ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเคยเป็นหนี้ธนาคารถึง 5-6 พันล้านบาท เมื่ออายุไม่ถึง 35 ปี ต่อสู้จนมีเงินในบัญชีตามที่แจ้งกับ ป.ป.ช.กว่า 260 ล้านบาท ไม่มีหนี้สินแม้แต่บาทเดียว

ครั้งยังลุยสอนมวยรัฐบาลเลย ประกาศใช้
ยาแรง เรียก “ยาพลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน”

“…ยาหม่องตราลิงแก้แห ยี่ห้อ ยุทธคิด คนป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย คุณเอายาหม่องไปถู ไปทา จะแก้ได้หรือ? วันนี้ประชาชนเป็นหนี้เป็นสินหมดแล้ว ผมอยากจะบอกว่า เจ็บแทนเขาเลย” ศรัณย์วุฒิให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ เมื่อปี 2562

เมื่อถามถึง จุดหมายสูงสุดในชีวิตบนเส้นทางการเมือง

ศรัณย์วุฒิในวันนั้น ตอบว่า ก้าวข้ามจุดที่คิดว่าอยากเป็น อยากได้ไปแล้ว

“คนที่ปฏิบัติธรรมมาถึงจุดหนึ่ง จะไม่ต้องการความสุข ไม่ต้องการความทุกข์ อยู่เหนือสุขและทุกข์ วันนี้ทำเพื่อช่วยคน ทำด้วยปัญญา อย่าทำด้วยความโลภ คนที่ยึดอำนาจทุกวันนี้ทำด้วยความโลภ หลายคนจะตายอยู่แล้วร่างกายไม่แข็งแรง จะเอาเงินไปทำอะไรนักหนา พอเถอะ” อดีต ส.ส.อุตรดิตถ์กล่าว

ในช่วงเวลานั้น นับได้ว่า เป็น ส.ส. ที่โดดเด่นได้ใจประชาชนด้วยลีลา วาทะ และข้อมูลในการอภิปราย

โต้มีดีล ‘อภิปรายเกินเวลา’ วิวาทะถูกพท.กีดกัน

ตัดภาพมาในเดือนมีนาคม 2563 เกิดเหตุ ‘อภิปรายเกินเวลา’ ส่งผลให้ รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ไม่สามารถอภิปรายพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในสภาก่อนปิดประชุม

เมื่อถูกวิพากษ์อย่างหนัก จึงออกทาชี้แจงโดยยืนยันว่า ยืนยันว่าไม่มีการไปทำข้อตกลงกับใครทั้งสิ้น พูดง่ายๆว่า ‘ไม่มีดีล’

“ผมใช้เวลาอภิปรายจริงๆ แค่ 2 ชั่วโมง 9 นาที คุณจดบันทึกไว้เลยนะ ว่าที่เหลือเป็นการประท้วงแบบไร้สาระ และผมก็ให้ความร่วมมือกับประธานสภาโดยการไม่คัดค้าน เมื่อให้ถอนคำพูด ก็ยอมถอน เพื่อให้ไม่เสียเวลา ประเด็นไฮไลต์หลายประเด็นก็ยอมข้ามไป” ศรัณย์วุฒิแจง

กันยายน 2564 ศรัณย์วุฒิ ขอหารือต่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ถึงการใช้สิทธิอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยใช้โควต้าเวลาของพรรคเพื่อชาติ เนื่องจากถูกพรรคเพื่อไทยกีดกัน แต่ไม่ปรากฏในลำดับรายชื่อการอภิปราย สร้างความไม่พอใจให้เจ้าตัวจนต้องแถลงต่อหน้าสื่อ ว่าถูกพรรคเพื่อไทย ‘ขวาง’ กีดกันไม่ให้ตนอภิปราย

มติ ‘ขับพ้นพรรค’ ย้ายนั่งหัวหน้า ‘เพื่อชาติ’ ก่อนตกเก้าอี้

ตุลาคม 2564 พรรคเพื่อไทย มีมติ ‘ขับ’ ศรัณย์วุฒิ พร้อม พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค ตามผลสอบที่พบว่า กระทำการขัดมติพรรค มีพฤติกรรมตั้งใจให้ร้ายพรรค และมีลักษณะบ่งบอกว่า ไม่ต้องการอยู่กับพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า

จากนั้น จึงไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ในเดือนพฤศจิกายน 2564

ต่อมา 27 กรกฎาคม 2565 กรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ ประกาศลาออก โดยระบุว่า ศรัณย์วุฒิ มีพฤติกรรมอันเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพรรค อาทิ การไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยอมลงนามในเอกสารต่างๆ อันเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรค จนทำให้พรรคไม่สามารถดำเนินกิจกรรมได้ และเกิดเป็นความเสียหาย เช่น การส่งรายงานที่มีความจำเป็นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้เกิดโทษและค่าปรับ

นำไปสู่การพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อชาติใน
เดือนกันยายน 2565

คุกเข่าขอขมา แม้เคยท้า ‘ดวลปืน’ ซบ รทสช.

16 มีนาคม 2566 ศรัณย์วุฒิ ประกาศว่าจะลาออกจากเพื่อชาติหลังยุบสภา พร้อมระบุว่า พร้อมย้ายซบพรรครวมไทยสร้างชาติ ของพลเอกประยุทธ์

ไม่เพียงเท่านั้น ยังกล่าวยกย่องว่า เป็นนายกฯ
อนุรักษนิยมที่ต่อสู้ ประชาธิปไตยจอมปลอม ทั้งยังเอ่ยปากขออภัยที่เคย ‘ท้าดวลปืน’

สำหรับเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2563 ระหว่างการอภิปรายในสภาฯ โดย ศรัณย์วุฒิ เอ่ยในตอนหนึ่งว่า

“พรุ่งนี้นายกฯไปที่หน้าวัดพระแก้วกับผม เราจะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราเตรียมกระสุนไปคนละนัดต่างคนต่างแลกยิงกันดูเลย…”

บ่ายวันที่ 23 มีนาคม 2565 ศรัณย์วุฒิ คุกเข่าขอขมา ‘บิ๊กตู่’ ขอซบอก ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ในที่สุด

ย้อนอ่านสัมภาษณ์พิเศษ : คุณจดบันทึกไว้เลยนะ นี่คือตัวตนของผม ‘ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ’

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image