‘ปริญญา’ ทำนายด่านแรกประยุทธ์ ‘พังตั้งแต่เริ่ม’ ไกด์ทางออก ก่อนปัญหาแฟลชแบ๊ก

‘ปริญญา’ ทำนาย ด่านแรกประยุทธ์ ถ้าจะกลับมาเป็นนายกฯ เชื่อ ‘พังตั้งแต่เริ่มต้น’ ไกด์ทางออกหลังเลือกตั้ง ก่อนปัญหาแฟลชแบ๊ก

เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ห้องกมลทิพย์ 3 ชั้น 2 โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย แถลงเปิดตัวรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำปี 2565/66 โดยในช่วงท้าย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในหัวข้อ “เลือกตั้ง 66: อนาคตประเทศไทยและก้าวต่อไปของสิทธิมนุษยชน”

อ่านข่าว : ‘แอมเนสตี้’ ลิสต์ 7 ปมน่าห่วง จี้รัฐไทยปรับปรุง พบสถานการณ์สิทธิปี 65 ยังไม่ชอบธรรม

ผศ.ดร.ปริญญาระบุว่า จากรายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยมีปัญหาน่ากังวลใจมากมาย แต่การจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มต้นจากเรื่องสำคัญ ซึ่งปัญหาใหญ่สุดของประเทศไทยขณะนี้คือเรื่องกระบวนการยุติธรรม

“รัฐธรรมนูญไทยยึดหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ แต่ในทางปฏิบัติเราใช้หลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผิด เช่นที่ตาม ป.วิอาญา การให้ประกันตัวผู้ต้องหาใช้คำว่า ‘ปล่อยชั่วคราว’ ไม่ใช่ ‘ขังชั่วคราว’ ซึ่งขัดกับหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ เป็นเพราะหลักนี้เริ่มเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ 2492 และในทุกรัฐธรรมนูญหลังจากนั้น แต่ก็ไม่เคยมีการแก้ ป.วิอาญา ซึ่งสร้างวิธีคิดที่จะทำให้ผู้พิพากษามีแนวโน้มไม่ปล่อยตัวผู้ต้องหา ตัวอย่างกรณีที่ศาลบอกว่าไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพราะคดีมีอัตราโทษสูงนั้น ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะไม่ปล่อยชั่วคราวตามที่กฎหมายระบุ” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว

ADVERTISMENT

ผศ.ดร.ปริญญา ยังกล่าวถึงการสลายการชุมนุมที่มีการใช้กระสุนยางโดยผิดหลักการ และไม่ทำตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ที่ต้องใช้อำนาจศาลในการอนุมัติการสลายการชุมนุม โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่แล้ว หลังการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตำรวจก็ยังสลายการชุมนุมโดยไม่ขออำนาจศาล ซึ่งผิดกฎหมาย

ในตอนหนึ่ง ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวถึงการออก พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย แต่มีการใช้ พ.ร.ก.ให้เลื่อนการบังคับใช้เรื่องการติดกล้องของตำรวจ ออกไปบังคับใช้ 1 ตุลาคมแทน ด้วยเหตุผลว่าจัดซื้อกล้องไม่ทัน ซึ่งมีการส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่เหตุผลจริงที่มีการเลื่อนการบังคับใช้ เพราะ ผบ.ตร. จะเกษียณวันที่ 30 ก.ย. และหากมีการเลือกตั้งเสร็จแล้ว สภาใหม่จะต้องกลับมาพิจารณาเรื่อง พ.ร.ก. ฉบับนี้อีก

“คำถามคือ การบังคับใช้เรื่องการติดกล้อง ทำไมต้องเลื่อนไปถึงตุลาคม ท่าน ผบ.ตร.ที่ไปขอนายกฯ ให้เลื่อนบังคับใช้ ท่านจะเกษียณอายุวันที่ 30 กันยายน ท่านเลื่อนเรื่องการติดกล้องออกไปให้พ้นเวลาราชการของท่าน จึงเลื่อนออกไป 1 ตุลาคม” ผศ.ดร.ปริญญาระบุ

ผศ.ดร.ปริญญากล่าวต่อว่า กลับมาที่สถานการณ์ที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยเรื่องนี้ภายในเดือนเมษายน คำถามคือศาลจะวินิจฉัยอย่างไร

“ถ้าดูตามข้อกฎหมายแล้ว ผมเห็นว่าเรื่องนี้ขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ รัฐธรรมนูญบอกว่าต้องใช้เสียง 2 ใน 3 หรือ 6 คนขึ้นไป ถ้าตกไป เพราะมีตุลาการ 6 คนขึ้นไป บอกว่าขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้กระทบต่อ พล.อ.ประยุทธ์อย่างแน่นอนในสนามเลือกตั้งที่กำลังหาเสียง เมื่อมีสภาชุดใหม่ ก็ต้องกลับมาสู่สภาฯ อีกครั้งโดยเร็ว นั่นหมายความว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกฯ ได้ ด่านแรกที่จะเจอคือ การอนุมัติ พ.ร.บ.อุ้มหาย ประมาณเดือนกรกฎาคม ว่าง่ายๆ รัฐบาลจะพังตั้งแต่เริ่มต้นในเรื่องนี้

สิ่งที่น่าสนใจมากคือ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งผิดจากความคาดหมาย นึกว่าจะลงเลือกตั้งแค่ปี 2562 ไม่มีใครคาดหมายว่าจะเป็นต่อ ตรงกับ ‘รื้อกฎหมายที่รังแกประชาชน’ ที่สุดยอดมาก แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ท่านทำมา 8 ปี รังแกประชาชน ทั้งเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.คอมพ์ พ.ร.บ.ชุมนุม การบังคับใช้ ม.112 และ116 ก็ยังงงว่าจะรื้อยังไง” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว

ผศ.ดร.ปริญญากล่าวต่อว่า ถ้าถามว่าใครที่จะเป็นนายกฯ คนถัดไป ในวงการขณะนี้ก็วิเคราะห์กันว่าไม่พ้นจาก 3 คนนี้ คือ 1.พ.ล.อ.ประยุทธ์เป็นต่อ 2.พล.อ.ประวิตร ซึ่งตอนนี้แยกกันคนละพรรค หรือ 3.พรรคเพื่อไทย ที่อาจจะไม่ใช่คุณแพทองธาร ชินวัตร เสมอไป อาจจะเป็นคุณเศรษฐา ทวีสิน อยู่ที่เวลาจริงจะเอาใครขึ้นมา

“สิ่งที่เราทราบกันคือ เพื่อไทย + พรรคฝั่งประชาธิปไตย เช่น ก้าวไกล คะแนนรวมกันเกินครึ่งสภาฯ แน่นอน แต่ปัญหาของรัฐธรรมนูญไทย คือ ส.ว.250 คน ทำให้การจะเป็นนายกฯได้ ต้องได้เสียงครึ่งหนึ่งของ 2 สภาขึ้นไป คือ 376 เสียง ดังนั้น พรรคเพื่อไทยและก้าวไกล ต่อให้ได้ถึง 300 เสียงก็ยังเป็นนายกฯ ไม่ได้ เพราะมี ส.ว.ที่ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ได้เลือกไว้ ซึ่ง ส.ว.ชุดนี้มีวาระถึง 11 พ.ค.2567 หมายความว่า ส.ว.ยังเลือกนายกฯ ตุลาการศาล ป.ป.ช. กกต. และองค์กรอิสระไปจนถึง พ.ค.ปีหน้า ทำให้การเป็นนายกฯ โอกาสจึงกลับมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรประเด็นอยู่ตรงที่ 2 ป.นี้ จะปรองดองกันได้หรือไม่หลังเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตร ซึ่งพูดแล้วว่า ถ้าใครได้ ส.ส.มากกว่า อีกคนจะยอมถอย

ในส่วนของเพื่อไทยนั้น ก็ยังไม่ทราบว่าคนไหน ระหว่าง 2 คนนี้ (แพทองธาร-เศรษฐา) แต่ไม่มีเซอร์ไพรซ์แล้ว คนที่ 3 ก็ไม่ใช่บิ๊กเซอร์ไพรซ์ คุณชัยเกษม นิติสิริ เป็นเบอร์ 3 เหมือนการเลือกตั้ง 2562” ผศ.ดร.ปริญญาชี้

ผศ.ดร.ปริญญากล่าวอีกว่า ข้อสำคัญคือ ถ้าจะพูดในเชิงกระบวนการ ประเทศไทยต้องการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงศาลยุติธรรมอื่นๆ ที่จะปกป้องสิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนของประชาชน ปัญหาของศาลรัฐธรรมนูญไทย คือเรื่องที่มา ที่ให้ ส.ว.เป็นคนเลือกศาลรัฐธรรมนูญ แต่ ส.ว.ชุดนี้ให้ คสช.เลือก เราจำเป็นที่ต้องแก้ไขที่มาและอำนาจหน้าที่ของตุลาการ เป้าหมายคือ คุ้มครองประชาชน

“ถามว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ผมเห็นว่ายังมีปัญหาอยู่ เพราะมีเสียง ส.ว. มากำหนดนายกฯ และไทยยังมีปัญหาเรื่อง ส.ส.งูเห่า เพราะการเลือกตั้ง 2562 พรรคพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคที่ได้เสียงส่วนใหญ่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้อย่างไร ปัญหาเรื่องการใช้เงินทางการเมือง จึงหนักกว่าช่วงก่อนการรัฐประหาร ภาพที่เกิดเมื่อ 4 ปีที่แล้วก็จะยังเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้อีก ทางออกคือ ส.ว. ต้องโหวตตามเจตนารมณ์ของประชาชน” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว