‘ชัชชาติ’ ขอสืบต่อ ใครร่วมขบวนการ พนง.เขตราชเทวี ‘เรียกส่วย 3.2 ล.’ ? ยังไม่ไล่ออก สั่งย้ายไปดอง-ตั้งคกก.สอบ เผยเตือนหลายรอบ ได้เบาะแสตลอด ยันไม่ได้เชือดไก่ให้ลิงดู แค่เอาจริงปราบโกง เห็นใจครอบครัวคนทำผิด
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 เมษายน ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีหัวหน้าฝ่ายรายได้ เขตราชเทวี ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) จากการเรียกรับผลประโยชน์ 3.2 ล้านบาท แลกกับการไม่จ่ายภาษีโรงเรือนกว่า 40 ล้านบาท
- อ่านข่าว : ชัชชาติ ไม่ทนเนื้อร้าย ลงดาบ จนท.เรียกส่วย 3.2 ล. ‘ให้ออกจากราชการไว้ก่อน’
- รวบ หน.ฝ่ายรายได้เขตราชเทวี เรียกรับผลประโยชน์ 3.2 ล้าน แลกเลี่ยงเสียภาษี 40 ล้าน (คลิป)
- ผอ.เขตราชเทวี ไม่รู้ จนท.เรียกรับ 3.2 ล. คนโทรหาเพียบ รอฟังแถลงพร้อมปชช.
นายชัชชาติกล่าวว่า ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โดยที่ผ่านมา กทม.ให้ความสำคัญเรื่องการปราบปรามทุจริต พร้อมได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) และศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการร้องเรียนจากบริษัทนี้เมื่อ 2 เดือนที่แล้วว่ามีการเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายรายได้ ของเขตฯ จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ประสานงานกับ บก.ปปป.ในการซักซ้อมการจับกุม
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า การจับกุมเมื่อวานไม่ได้มีการบอกล่วงหน้า เพราะเป็นความลับ แต่หลังจากการจับกุมแล้ว กทม.ก็ได้ดำเนินการทางวินัย โดยย้ายเข้ามาสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ที่เตรียมตำแหน่งว่างไว้สำหรับบุคคลที่มีปัญหา 20 ที่ เหตุที่ไม่ได้ดำเนินการพักงานทันที เพราะยังหาคนมาทดแทนไม่ได้ ต้องย้ายเข้ามาส่วนกลางก่อนจึงจะสั่งพักงานได้ โดยไม่ได้รับเงินเดือน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ถ้าพบข้อเท็จจริงอาจจะสั่งไล่ออกจากราชการได้ อีกทั้งหากจะแก้ปัญหาโดยการย้ายไปอยู่อีกสำนักงานเขต จะถือเป็นไปสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ดีอีกที่หนึ่ง เพราะก็คงกลับไปทำเรื่องดังกล่าวอีก รวมถึงจะมีการตรวจสอบต่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการคนอื่นด้วยหรือไม่
“ผมพูดมาหลายหน 2 เดือนที่ผ่านมาพูดตลอด เราได้เบาะแสมาตลอด ให้รองปลัด กทม. และที่ปรึกษาฯ พล.ต.อ.อดิศร์ ไปย้ำและให้ระวัง เราไม่ได้สงสารคนที่ทำผิด แต่เราสงสารครอบครัวเขา เพราะจะมีผลกระทบต่อครอบครัวเยอะ ย้ำว่าอย่าทำเรื่องแบบนี้ มันผิดกฎหมาย” นายชัชชาติกล่าว
ด้าน นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัด กทม. กล่าวว่า ศตท.กทม.ได้มีการประสานกับทาง ปปท.ปปช. อีก 3 เคส ส่วนเรื่องทุจริตที่มีการร้องเรียนผ่านทราฟี่ฟองดูว์ ทาง กทม.ได้ส่งเรื่องไปยัง ปปช.ต่อไป ส่วนการร้องเรียนทุจริตอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของฝ่ายโยธา และฝ่ายเทศกิจ
นายชัชชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันเรื่องการทุจริตจากฝ่ายรายได้ เป็นการใช้วิจารณญาณจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการ กทม.สูง ร่วมกับฝ่ายตรวจสอบภายใน เข้าไปช่วยดูการจัดเก็บรายได้ เช่น ภาษีป้าย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ว่าตรงตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งจะช่วยลดช่องโหว่ตรงนี้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน นายชัชชาติมองว่า ไม่ได้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจัง ว่ากันตามข้อเท็จจริง เชื่อว่าคน กทม.ส่วนใหญ่เป็นคนดี อาจจะมีคนไม่ดีอยู่ พยายามเอาออกไปให้ได้ นอกจากนี้ ไม่ได้มีผลกระทบเพียงผู้กระทำเพียงคนเดียว แต่ยังกระทบต่อองค์กรและเดือดร้อนถึงบุคคลในครอบครัว ซึ่งเรื่องแบบนี้ตนส่งสารคนในครอบครัวมากกว่าผู้กระทำผิด
ส่วนเรื่องดังกล่าว เป็นเหตุให้เขตราชเทวีจัดเก็บภาษีได้น้อยไม่ติดอันดับ 1 ใน 4 หรือไม่นั้น นายชัชชาติกล่าวว่า ต้องกลับไปตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ในเมือง พื้นที่เต็มหมดแล้วไม่มีการก่อสร้างอาคารใหม่เกิดขึ้น ดังนั้นการจัดเก็บภาษีจึงเป็นเรตของอาคารเก่า แต่เพื่อความชัดเจนคงต้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย
ด้าน นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. กล่าวว่า วันนี้ได้เซ็นตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง โดยมีผู้ตรวจราชการ กทม.สูง กลุ่มเขตที่ดูแลพื้นที่เขตราชเทวี โดยกำหนดกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย 120 วัน ซึ่งวันนี้ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ กทม. ขอความเห็นชอบย้ายข้าราชการรายนี้ มาประจำที่สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อรอการสอบข้อเท็จจริง และภายในวันศุกร์นี้จะเซ็นคำสั่งพักราชการ จนกว่าการสอบสวนจะสิ้นสุด หากไม่มีความผิดก็กลับไปปฎิบัติงานเช่นเดิม แต่หากมีความผิดก็จะดำเนินการลงโทษ ซึ่งทางวินัยมีอยู่ 2 แนวทาง คือ ปลดออก กับไล่ออก ทั้งนี้ในระหว่างพักราชการ จะไม่ได้รับเงินเดือน
ส่วนคำกล่าวอ้างของข้าราชการคนดังกล่าวที่ระบุว่าจะต้องนำเงินไปแบ่งให้กับคณะกรรมการรายอื่นนั้น นายขจิตระบุว่า ก็ต้องอยู่ในการสอบสวนของคณะกรรมการที่จะต้องสืบไปในประเด็นต่างๆ ต่อไป หากสาวไปถึงใครก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน
“การปราบปรามทุจริตเป็นหนึ่งในโยบายหลักของผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่ต้องการให้ กทม.มีความโปร่งใส ยุติธรรม” นายขจิตกล่าว