‘เพื่อไทย’ ลุยปราศรัยน่าน-ลำปาง ก่อนปักหมุดปราศรัยใหญ่ กทม. 12 พ.ค. แย้ม 3 แคนดิเดตนายกฯ ขึ้นเวทีพร้อมกัน ‘เต้น’ ไม่เชื่อ มีเหตุทำเลือกตั้งสะดุด บอกเป็นความต้องการของ ปชช.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงกรณีการลงพื้นที่ปราศรัยใน จ.น่าน และ จ.ลำปาง ระหว่างวันที่ 8-9 เมษายนว่า จ.น่าน และ จ.ลำปาง จะเป็นครั้งแรกที่ทีมเพื่อไทยชุดใหญ่ไปปราศรัยในภูมิภาค หลังมีการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ พรรค พท. การประกาศชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ครบ 3 คน รวมถึงการประกาศตัวเลขในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เกิดการตื่นตัวที่จะสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พท.ให้ได้รับเลือกตั้งเข้าไปผลักดันนโยบายให้เป็นจริง
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่จะร่วมปราศรัยผ่านระบบออนไลน์ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ตน และผู้สมัคร ส.ส.ของแต่ละจังหวัด
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า วันที่ 8 เมษายน จะเริ่มสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง อ.เมือง จ.น่าน ในเวลา 15.00 น. และไปสมทบคาราวานรถแห่ของผู้สมัครใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยจะมีพิธีเปิดกิจกรรมรถแห่ “กึ๊ดใหญ่ทำเป็น” 8 จังหวัดภาคเหนือ ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง ในเวลา 15.30 น. จากนั้นจะเริ่มกิจกรรมรถแห่รอบเมือง ผ่านตลาดเทวราช ชุมชน ย่านธุรกิจ ไปหยุดปราศรัยบนรถแห่หน้าวัดภูมินทร์ ถนนคนเดิน ก่อนที่เวลา 18.00 น. จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน จากนั้นไปถนนคนเดินเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนวันที่ 9 เมษายน เวลา 07.30 น. ออกเดินทางไปยัง อ.วังชิ้น จ.แพร่ เพื่อพบปะเกษตรกรชาวสวนผลไม้และชาวนาในพื้นที่ในเวลา 11.00 น. จากนั้นเวลา 13.00 น. จะเดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนที่ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และเวลา 16.30 น. จะมีการร่วมขบวนปราศรัยบนรถแห่ที่ห้าแยกหอนาฬิกา อ.เมือง จ.ลำปาง ส่วนในเวลา 18.00 น. จะมีเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ตลาดนัดคลองถมห้างฉัตร อ.เมือง จ.ลำปาง
นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ต่อจากนี้ทีมปราศรัยของพรรค พท. ทั้งเวทีใหญ่ เวทีระดับเขต เวทีย่อย จะปูพรมลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเวทีใหญ่ที่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมด้วยได้วางคิวถึงสิ้นเดือนเมษายนแล้ว ส่วนในเดือนพฤษภาคมจะมีการปราศรัยในทุกวัน ทุกภูมิภาค เพื่อเน้นย้ำนโยบายและสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม ตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ก็จะทำงานร่วมกันเป็นทีม แต่การจะไปร่วมเวทีใดขึ้นกับสถานการณ์และช่วงเวลาที่เหมาะสมลงตัว
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนเวทีปราศรัยปิดท้ายคาดว่าหลายพรรคการเมืองจะปักหมุดในช่วงเย็นวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 พรรค พท.ก็เช่นกัน ซึ่งเวทีนี้จะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ปรากฏตัวบนเวทีร่วมกันอีกครั้ง เชื่อว่าเวลานั้น น.ส.แพทองธารจะคลอดบุตรและพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าตัวยืนยันที่จะเข้าร่วมเวทีนี้อย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงกรณีการวิจารณ์นโยบายจัดการการรัฐประหารที่ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. ประกาศไปเมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นได้ ประชาชนก็สามารถใช้วิจารณญาณได้ แต่ท่วงทำนองขอให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ได้ร่วมงาน ร่วมแนวทางประชาธิปไตยด้วยกันมา เพื่อทำให้การทำงานภาพรวมในสนามเลือกตั้งสวยงาม
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นแนวทางที่นำเสนอโดยนายชัยเกษม และเป็นแนวทางของพรรค พท.มาตลอด ซึ่งต้องให้ประชาชนเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มีกระบวนการทำประชามติทั้งก่อนและหลังการยกร่างแก้รัฐธรรมนูญ การมี สสร.ส่วนเนื้อหาสาระต้องเป็นวาระของ สสร.ด้วย
“พรรคการเมืองมีสิทธิเสนอแนวทางประกอบการพิจารณาได้ แต่ไม่ใช่การไปแทรกแซงกดดัน การเห็นด้วยหรือไม่ ต้องเคารพต่อความเห็นของ สสร. ส่วนการต่อสู้ทางการเมืองคงไม่มีใครมีมาตรวัดว่าใครทำอะไรมามากกว่าใคร เราเคารพทั้งความเหมือนและความต่างของเพื่อนร่วมทางจะดีกว่า” นายณัฐวุฒิกล่าว

ถามต่อว่า มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามถึงนโยบายพรรค พท.ว่าทำได้จริงหรือไม่ ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจับมือกับใคร และมีสัญญาณทำให้การเลือกตั้งสะดุดหรือไม่ตอบสนองต่อประชาชน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้คิดว่าคำตอบใน 2 ประเด็นแรกชัดเจนแล้ว ส่วนสถานการณ์พิเศษ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีการหยุดยั้ง ขัดขวางการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจเป็นวิธีการพยายามเอาของเก่ามาขาย เพราะนโยบายขายไม่ได้ จึงพยายามให้คนนึกถึงความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ประชาชนต้องการจบลุงตู่มากกว่า ขอให้อำนาจนอกระบบยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ถอยพ้นไปจากวิถีทางในระบบรัฐสภา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง