สปาฟา ติงประเมิน HIA ไฮสปีดเทรนอยุธยา ‘ไม่สามารถทำให้คนรับฟังเชื่อได้’ อ.โบราณฯแจงติด 2 กรอบ

สปาฟาชี้ ปมไฮสปีดเทรน อยุธยา ติงมาตรการไม่สมเหตุสมผล เชื่อการพัฒนา-อนุรักษ์ไปด้วยกันได้ อาจารย์โบราณคดี แจง ติด 2 กรอบ-ขอกลัดกระดุมให้ถูกเม็ด 

เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์อยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 ในการจัดทำรายงานผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตามโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) (อ่านข่าว นักผังเมืองแนะประเมินทุกทางเลือก ปมไฮสปีดเทรนอยุธยา อดีตคณบดีโบราณฯ รับหนักใจ เวลาจำกัดแค่ 6 เดือน)

โดยมี นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวเปิดงาน และมีนายชวลิต ขาวเขียว อดีตคณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, รศ.ดร.กรรณิการ์ สุธีรัตนาภิรมย์ อาจารย์คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และนายศิริวัฒน์ จิตตศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ร่วมกันนำเสนอ

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ เวลา 09.00 น. นายศิริวัฒน์ จิตตศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และนายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวเปิดการประชุม หลังจากนั้นจึงเข้าสู่ช่วงนำเสนอผลการศึกษาโครงการเป็นลำดับถัดมา

เวลา 11.00 น. เข้าสู่ช่วงรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วม ทั้งในที่ประชุมและช่องทางออนไลน์ ต่างมีผู้ประสงค์ออกความเห็นเป็นจำนวนมาก

ADVERTISMENT

ในตอนหนึ่ง น.ส.หัทยา สิริพัฒนากุล จากศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ หรือ สปาฟา แนะว่า แนวทางในการเลือกที่มี 4 แนวทาง ถ้าพูดตามหลักประเมินผลกระทบที่มีจ่อมรดกวัฒนธรรม ทั้ง 4 ทางควรถูกนำมาประเมินทั้งหมด แต่ก็เข้าใจในข้อจำกัดด้านเวลาที่ทำให้จำเป็นต้องเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่งมาใช้ในการประเมิน แต่ถ้ากลับมาดูทางงานศึกษาที่ได้ทำ ตนมีข้อวิพากษ์คล้ายกับหลายท่าน

“ความต่างระหว่างการประเมินคุณค่าของการประเมินผลกระทบสิ่งก่อสร้างที่มีต่อวัฒนธรรม หรือที่เราเรียกว่า HIA มันต่างจาก EIA ตรงไหน ตรงนี้จะเน้นคุณค่าของตัวมรดกวัฒนธรรม จากเอกสารที่ให้อ่านประกอบ มีการวิเคราะห์ถึงคุณค่าที่เป็นนามธรรม แล้วแสดงออกมาให้เห็นเป็นกายภาพ เพียงแต่ตรงส่วนที่วิเคราะห์ออกมาแล้ว มันครอบคลุมตรงที่ได้รับผลกระทบจริงหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ” น.ส.หัทยากล่าว

น.ส.หัทยา กล่าวต่อไปว่า ดูจากเอกสารหน้า 50 วิเคราะห์ออกมาว่ามีคุณค่าอะไร แต่เมื่อเอามาวิเคราะห์ต่อในแง่ผลกระทบหน้า 51 กลับไม่ได้สอดคล้องกันอย่างที่หลายท่านมีข้อสงสัยในเรื่องผลกระทบด้านทัศนียภาพ ซึ่งเป็นผลจากการไม่สอดคล้องกันของการประเมิน

“ในหน้า 50 จะเห็นว่ามีคุณค่า มีคุณลักษณะอยู่ประมาณ 6 อย่าง ซึ่งมาจากคุณค่าที่ตั้งไว้ 4 ประเด็น ต้องถามว่าประเด็นผลกระทบทางทัศนียภาพมีผลกับทั้ง 4 ประเด็น และ 6 คุณลักษณะหรือไม่ มันอาจจะไม่มีเลย หรือมีเฉพาะบางส่วน เช่น ระบบการจัดการน้ำ ไม่มีผลกระทบทางทัศนียภาพอยู่แล้ว ลักษณะการประเมินเป็นการกระโดด ไม่ต่อเนื่องกัน ม่เห็นความเชื่อมโยงชัดเจน คุณไม่สามารถทำให้คนรับฟังเชื่อในสิ่งที่ประเมินได้ และเนื่องจากเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการประเมินในลักษณะนี้ ก็เข้าใจว่าอาจมีตัวอย่างน้อย และอยุธยาเป็นเมืองมรดกโลก เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะต้องประเมินมันค่อนข้างเยอะ ในเวลาที่มี 6 เดือน อาจจะไม่เพียงพอที่จะทำ อันนี้ก็เป็นข้อพิพาทที่ตั้งไว้” น.ส.หัทยาเผย

นอกจากนี้ น.ส.หัทยา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในหน้า 51 ส่วนของผลกระทบทางกายภาพ เวลาประเมินควรกำหนดคร่าวๆ ว่าจะเกิดผลกระทบอะไร มีการอธิบาย เช่น คลอง 5 คลองเป็นตำแหน่งที่คาดว่าจะเกิด มันเกิดอะไร ถูกถม เปลี่ยนเส้นทาง หรือหายไป เวลาเสนอมาตรการจะได้เห็นว่ามาตรการนั้นช่วยลดผลอย่างไร ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถคุยกันได้ง่ายขึ้น

“เห็นด้วยในเรื่องที่มรดกโลกกับรถไฟความเร็วสูงน่าจะไปด้วยกันได้ เพียงแต่มันจะไปอย่างไร และในมาตรการที่เสนอ อาจจะต้องบอกว่ายังดูไม่สมเหตุสมผล เช่น กรณีหลวงพ่อคอหักทำไมต้องย้าย ผลกระทบคืออะไร จากที่ได้ฟังคนในพื้นที่พูดมันไม่ได้มีแค่กายภาพ ยังมีจินตภาพ กิจกรรมความเชื่อ ถ้าย้ายไปตรงนี้จะเปลี่ยนไหม ตรงนี้ควรชัดเจนกว่านี้

“ในกระบวนการของ HIA ตามหลักสากล ผู้ที่มีส่วนในการประเมิน ควรมีจากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งชุมชน ซึ่งเขาน่าจะมีสิทธิ์ประเมินร่วมกัน ตั้งแต่คุณค่าจนถึงผลกระทบ” น.ส.หัทยาทิ้งท้าย

ด้าน รศ.ดร.กรรณิการ์ สุธีรัตนาภิรมย์ อาจารย์คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ชี้แจงว่า HIA ติดกรอบ 2 กรอบ คือ Term of reference (TOR) และระยะเวลา ขอเอากรอบตรงนี้ออก และพยายามกลัดกระดุมให้ถูกเม็ด จึงจะได้งานที่ดี มีคุณภาพ เป็นเครื่องมือในการปกป้องคุ้มครอง และสามารถทำให้การพัฒนากับการอนุรักษ์เดินไปด้วยกันได้อย่างแท้จริง