ศิษย์เก่าโบราณคดี เตือนปมรถไฟ ระวังรุ่นลูกจารึกใหม่ ‘ใครทำลายกรุงเก่า’ แห่ทัวร์ขุดปวศ. ‘ทำไมต้อง Saveอโยธยา’

ศิษย์เก่าโบราณฯ แห่ทัวร์ ปวศ.กรุงเก่า ขุดลึกถึงดีเทล ‘ทำไมต้อง ‘Saveอโยธยา’ เตือน รฟท.ระวังรุ่นลูกจารึกใหม่ ‘ใครทำลายอยุธยา’

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม สมาคมนักศึกษาเก่าคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดทริปพิเศษเพื่อให้ความรู้เกี่ยวข้องกับแหล่งโบราณคดีในเขตอโยธยา ซึ่งเป็นเส้นทางที่รถไฟความเร็วสูงจะผ่าน

เส้นทางเริ่มต้นจาก วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตำแหน่งริมน้ำลำป่าสักสบเจ้าพระยา, วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดสมณโกฏฐาราม, วัดกุฎีดาว, วัดมเหยงคณ์, วัดอโยธยา และวัดวิหารขาว ตามลำดับ โดยมีผู้บรรยาย ได้แก่ นายสุจิตต์ วงษ์เทศ ผู้ก่อตั้งนิตยสารศิลปวัฒธรรม, รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง และ ผศ.พิพัฒน์ กระแจะจันทร์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ โดยมีผู้เดินทางมาเข้าร่วมทริปพิเศษในครั้งนี้กว่า 30 คน และมีผู้เดินทางโดยรถส่วนตัวเข้าสมทบ

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ เวลา 09.00 น. เดินทางถึงวัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดอยุธยา ทั้งนี้ นายสุจิตต์ วงษ์เทศ รับหน้าที่ในการบรรยายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมเดินทาง

เวลา 11.30 น. คณะเดินทางถึงวัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งวัดแห่งนี้ในพงศาวดารระบุดชัดว่าสร้างขึ้นในแผ่นดินพระรามาธิบดีที่ 1

Advertisement

รศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าวว่า วัดแห่งนี้มีปรากฏอยู่ในเอกสารหลายชิ้นว่า ตำแหน่งสมเด็จพระวันรัตสถิตอยู่ ณ วัดแห่งนี้ ถ้าตรงนี้ไม่สำคัญจริง จะให้สมเด็จพระวันรัตไปสถิตตรงนี้ทำไม

“ที่นี่มีสมเด็จพระวันรัตตัวตึงหลายพระองค์ สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจะเสี่ยงเทียนก็มาที่นี่ ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรชนช้าง ก็บอกว่าสมเด็จพระวันรัตวัดนี้ออกไปขออภัยโทษให้ขุนนางหลายคน เพราะฉะนั้น วัดแห่งนี้จึงมีความสำคัญอยู่ตลอดเวลา” รศ.ดร.รุ่งโรจน์ชี้

ต่อมาเวลา 14.00 น. เดินทางถึงวัดสมณโกฏฐาราม โดย รศ.ดร.รุ่งโรจน์ อธิบายความสำคัญว่า คำให้การของขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม พูดถึงมหาธาตุหลักพระนคร ก็คือพระปรางค์ที่เป็นหลักของอยุธยามีอยู่ 5 องค์ ที่วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม วัดพุทไธศวรรย์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเคยเป็นตำหนักเวียงเหล็ก แล้วสร้างพระปรางค์ทับตำหนัก แต่ทำไมวัดนี้เป็นพระปรางค์ที่เข้าข่ายพระมหาธาตุหลักพระนครด้วยเช่นเดียวกัน มันจึงหมายความว่าบริเวณตำแหน่งนี้ เคยเป็นเมืองมาก่อน

 

เวลา 14.40 น. เดินทางถึงวัดกุฎีดาว โดย ผศ.พิพัฒน์ อธิบายว่า เราไม่รู้ว่าวัดนี้สร้าง พ.ศ.ไหน แต่เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเป็นวังหน้า ในพงศาวดารระบุว่ามีการเข้ามาบูรณะที่วัดแห่งนี้ จากการขุดค้น สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อสังเกต มักจะเจอว่าวัดบริเวณนี้มีการซ้อนทับกันหลายยุคสมัย ซึ่งวัดกุฎีดาว มีการสร้างซ้อนทับมาแล้วอย่างน้อย 3 สมัย

โดย รศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าวเสริมว่า ถ้าไม่สำคัญสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะมาซ่อมทำไม และในพระราชพงศาวดารเขียนว่ามาที 3-4 เดือนเกิดขึ้น ถึงขนาดตั้งตำหนักหลวงตรงนี้ขึ้นมา และที่นี่ไม่เคยร้างคน คนอยู่ต่อเนื่องกันมา เพียงแต่ว่าระบบการศึกษาของเราลืมตรงนี้ไป

เวลา 15.10 น. เดินทางถึงวัดมเหยงคณ์ ซึ่งสร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 เจ้าสามพระยา ตกอยู่ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ห่างจากการสถาปนากรุงศรีอยุธยาไม่ถึง 100 ปี และเป็นวัดที่มีความเป็นลังกาสูงมาก ทั้งชื่อและรูปแบบเจดีย์ช้างล้อม

เวลา 16.40 น. เดินทางถึงวัดอโยธยา หรือ วัดเดิม ซึ่งเป็นจุดสุดท้าย โดย รศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าวว่า คาดว่าวัดนี้สร้างขึ้นร่วมสมัยกับวัดมเหยงคณ์ ไม่ปราฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่าสร้างขึ้นโดยใคร แต่ในพงศาวดารเหนือบอกว่าวัดนี้แต่เดิมเคยเป็นวังมาก่อน เมื่อมีการย้ายวัง จึงอุทิศให้เป็นวัด เรื่องเล่าในพงศาวดารไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่ขนบวังของอยุธยาเป็นวังที่ชิดขอบเหนือเหมือนกัน

“วังนี้อยู่ดีๆ ทำไมเรียกว่าวัดอโยธยาและเรียกมาตั้งแต่ครั้งกรุงเก่า แถมมีชื่อเดิมว่าวัดเดิม ความทรงจำของวัดนี้ปรากฏอยู่ในบทนมัสการตำราหล่อพระพุทธรูปที่บอกว่า สมภารวัดนี้เป็นครูช่างหล่อพระ และเป็นครูที่เวลามีไหว้ครูของเหล่าช่างก็ต้องไหว้ครูท่านนี้ทุกครั้ง” รศ.ดร.รุ่งโรจน์ อธิบาย

รศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่ารุ่นเก่าๆ อย่างเราอาจจะละเลยไป และไม่ได้พูดถึงความรู้เกี่ยวกับอโยธยามาก วันนี้ต้องขอโทษทุกคนที่ไม่ได้เผยแพร่วิชาความรู้เกี่ยวกับด้านอโยธยาให้ทราบ

“วันนี้ที่เรามา ไม่ได้ออกมาต่อต้านความเจริญ แต่กำลังพูดถึงเรื่องการอนุรักษ์ที่มันจะไปพร้อมความเจริญ วันนี้ที่พามาอยากจะให้ทุกท่านทราบว่า จริงๆ แล้วเมืองตรงนี้สำคัญอย่างไร มันกระทบกระเทือนต่อระบบประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างไร ความเป็นไทยที่เราภูมิใจกันหนักหนามันจะต้องถูกทำลายหรือไม่ สมัยก่อนตอนเราเรียน ใครกันที่เผาอยุธยา พม่า? ต่อไปในรุ่นลูกของเราใครทำลายอยุธยา คำตอบตรงนี้ของจริงกว่า” รศ.ดร.รุ่งโรจน์กล่าว

ด้าน ผศ.พิพัฒน์กล่าวว่า ต้องแจ้งให้ชัดเจนว่า คนจะอยู่ร่วมกับโบราณสถานกระบวนการต้องทำอย่างไร แต่ตอนนี้คนกลัวมรดกโลก เพราะเดี๋ยวจะสร้างหลายอย่างไม่ได้ ที่ดินฉันจะราคาตกลง เพราะไม่สามารถสร้างตึกสูงได้ แต่ข้อมูลเชิงสถิติทางด้านเศรษฐกิจของเมืองมรดกโลกหลายที่ ราคาที่ดินขึ้น ไม่ได้ลง

“ทางที่ควรจะทำคือไปประท้วง ตอนเสนอเรื่องตัวสถานี รฟท.เอาตัวสถานีแบบญี่ปุ่นเสนอไปซึ่งเป็นสถานีขนาดเล็ก เขาก็ตกลงให้สร้างได้ ปรากฏว่าตอนจะสร้างจริงกลายเป็นสถานีแบบจีน ซึ่งใหญ่และมีห้างสรรพสินค้า คำถามคือ สรุปแล้ว เราสร้างเพื่อจะให้นักท่องเที่ยวลง หรือว่าสร้างเพื่อสร้างตัวห้างขึ้นมา มันก็มีผลประโยชน์บางอย่างที่เรามองไม่เห็นหรือเราไม่รู้ แม้ในท้ายที่สุดเหมือนจะถอยกลับไปสร้างตามแบบญี่ปุ่น” ผศ.พิพัฒน์ชี้

ผศ.พิพัฒน์ระบุว่า ตนคิดว่ามีปัญหาอยู่ 2-3 เรื่อง คือการเผยแพร่ความรู้ในเรื่องของการอนุรักษ์ หลายๆ คนทำน้อยไป จึงทำให้ไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์เรื่องของการอนุรักษ์ที่ควบคู่ไปกับการพัฒนา

“ในเมื่อเรากำลังเดินทางไปสู่ศตวรรษใหม่ มีทางเลือกของเทคโนโลยีที่จะสามารถสร้างลอดใต้ไป และยังอยู่บนแนวเส้นทางเดิม แต่หลายคนอาจจะมองว่า ถ้าไม่สร้างข้างบนมันจะช้า ในท้ายที่สุดมันอาจจะนำไปสู่การไม่ได้สร้างอะไร ในคนที่สนับสนุน ผมก็มองว่ามันเป็นที่ปัญหาเชิงโครงสร้างของบ้านเราที่มันผลักคน

กลายเป็นว่าถ้ามันมีการพัฒนา ปีหน้าจะดีขึ้น บ้านเราไม่มีแผนแบบระยะยาวในการทำให้คนรู้สึกถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มันก็เป็นความกดดันที่ทำให้รู้สึกว่าปีหน้าเดี๋ยวมันจะดีขึ้น แล้วถ้ามันช้าไปมันก็จะเกิดปัญหา เพราะฉะนั้นผมไม่คิดว่ามันเป็นความผิดของใคร มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างระดับหนึ่งเลย ไม่ใช่แค่เชิงปัจเจก” ผศ.พิพัฒน์กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ สามารถติดตามความคืบหน้ากรณีรถไฟความเร็วสูงผ่าเมืองอโยธยาได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ‘Saveอโยธยา’

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image