‘สุจิตต์’ ออกโรง ร่ายต้นกำเนิดความเป็นไทย ถ้าไม่เบรก ‘ไฮสปีดผ่ากรุงเก่า’ โรงแรม ซ่อง มาหมด

อยุธยาพังแน่! ‘สุจิตต์’ ออกโรง Save อโยธยา ร่ายความสำคัญนครประวัติศาสตร์ เชื่อ ถ้าไม่ค้านให้เบี่ยงไปทางอื่น โรงแรม ซ่อง อาบอบนวด มาครบ

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม สมาคมนักศึกษาเก่าคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร จัดทริปพิเศษเพื่อให้ความรู้เกี่ยวข้องกับแหล่งโบราณคดีในเขตอโยธยา ซึ่งเป็นเส้นทางที่รถไฟความเร็วสูงจะผ่าน เส้นทางเริ่มต้นจากวัดพนัญเชิงวรวิหาร ตำแหน่งริมน้ำลำป่าสักสบเจ้าพระยา, วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดสมณโกฏฐาราม, วัดกุฎีดาว, วัดมเหยงคณ์, วัดอโยธยา และวัดวิหารขาว ตามลำดับ โดยมีผู้บรรยาย ได้แก่ นายสุจิตต์ วงษ์เทศ ผู้ก่อตั้งนิตยสารศิลปวัฒธรรม, รศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง และ ผศ.พิพัฒน์ กระแจะจันทร์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

นายสุจิตต์ วงษ์เทศ ผู้ก่อตั้งนิตยสารศิลปวัฒธรรม กล่าวว่า หลักฐานยืนยันการมีตัวตนของเมืองอโยธยา คือ มีกฎหมายที่เรียกว่ากฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จรวมอยู่ในกฎหมายตรา 3 ดวง ซึ่งกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จตราขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยา 115 ปี สามารถไปดูศักราชหรือสำนวนภาษาได้

“มีกฎหมายประมาณ 4-5 ฉบับที่ตราขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยา ล้วนแล้วแต่เป็นกฎหมายของอโยธยาศรีรามเทพ มันแสดงให้เห็นว่าสภาพสังคมอโยธยาพัฒนามาจนถึงขั้นไม่เอาระบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือมีสินไหมทดแทน ไม่ฆ่าตอบ” นายสุจิตต์กล่าว

Advertisement

นายสุจิตต์กล่าวอีกว่า ศิลาจารึกมีหลายหลัก โดยเฉพาะศิลาจารึกวัดส่องคบ จังหวัดชัยนาท และศิลาจารึกเขากบ จังหวัดนครสวรรค์ ระบุชื่ออโยธยาศรีรามเทพนคร มีโบราณสถาน โบราณวัตถุเต็มไปหมด เศียรพระธรรมิกราช ซึ่งขณะนี้จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา มีตำนานและพงศาวดาร โดยเฉพาะพงศาวดารเหนือ

“อย่าลืมว่าพงศาวดารเหนือ รัชกาลที่ 1 โปรดให้รัชกาลที่ 2 ทรงชำระพงศาวดารเหนือ ถ้าไม่สำคัญเขาจะสืบเนื่องกันมาทำไม ทุกวันนี้ยังมีต้นฉบับที่ชำระไม่หมดอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ เพราะไม่มีใครชำระ และสุดท้ายการขุดค้นทางโบราณคดี เราพบว่ามีชั้นดินก่อนสมัยอยุธยาอยู่ที่วัดพนัญเชิง

“กรมศิลปากรชอบอ้างว่าขุดชั้นดินแล้วไม่พบ มันอยู่ที่คนขุดว่ามีฝีมือได้รับการยอมรับหรือไม่ และสถานที่ ตำแหน่ง ไปขุดตรงไหน” นายสุจิตต์อธิบาย

Advertisement

 

นายสุจิตต์กล่าวต่อว่า เรื่องสำคัญที่ไม่พูดกันและทำให้ไม่สนใจกรุงอโยธยา คือเรื่องคุณภาพของเมืองอโยธยา เนื้อหาที่เกี่ยวกับกรุงอโยธยา ทั้งนี้ อโยธยาเป็นเมืองต้นกำเนิดอย่างน้อย 4 อย่าง คือ ความเป็นไทย เพราะมีการเริ่มใช้ภาษาไทย พอถึงสมัยอยุธยาจะมีหลักฐานว่าเรียกตัวเองคนไทย ความเป็นไทยมันเริ่มต้นที่อโยธยาและเติบโตที่อยุธยา ถัดมาคือประเทศไทย ถ้าถามว่ามาจากไหน? ก็มาจากอโยธยา

“เพราะว่าอโยธยาสืบสายตรง จากอโยธยาเป็นอยุธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นประเทศไทยสายตรง ไม่แวะที่ไหนเลย แต่ถ้าก่อนอโยธยา ทั้งสุพรรณ ละโว้ หรืออาจจะทั้งเชียงใหม่ ล้านนา แต่ไม่ได้เป็นสายตรง สายตรงคือที่นี่ ความเป็นไทยที่รู้จักในสมัยโบราณ เหนือสุดมันแค่อุตรดิตถ์ ใต้สุดยังแค่นครศรีธรรมราช หรือเพชรบุรี วัฒนธรรมที่คุณบอกว่าความเป็นไทย เป็นวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำภาคกลาง มีภาคเหนือ อีสาน ใต้ เสียเมื่อไหร่” นายสุจิตต์กล่าว

นายสุจิตต์เสริมว่า เถรวาทแบบลังกาวงศ์เริ่มที่อโยธยา สิ่งนี้ไม่เคยศึกษากัน เพราะไปติดกับดักของปู่ครูมหาเถร ลุกแต่นครศรีธรรมราช ซึ่งความจริงแล้วไม่มีหลักฐานนอกจากศิลาจารึกหลักที่ 1 หลักเดียว แต่เถรวาทแบบลังกาวงศ์มีความเชื่อมโยงหมด ตั้งแต่พุกามจนถึงสะเทิม มีเอกสารอ้างอิง และวรรณกรรมไทยเริ่มต้นที่อโยธยา เมื่อพูดถึงวรรณกรรมไทยมักจะคิดถึงรามเกียรติ์ คิดถึงบทกลอนทั้งหลายทั้งปวง แต่กฎหมายก็เป็นวรรณกรรม

“นั่นคือการใช้ภาษาไทยครั้งแรก แต่ใช้อักษรเขมรที่เราเรียกอักษรขอม เราจึงต้องศึกษาอักษรขอมไทย ตัวขอมไทย หมายถึงใช้ตัวอักษรเขมรเขียนภาษาไทย เราจะพบทั่วไปในสมุดข่อย ศิลาจารึก คนในสมัยโบราณเมื่อบวชเป็นพระต้องเรียนอักษรขอมไทย จนกระทั่งถึงรัชการที่ 5 หลังรัชกาลที่ 5 จึงเลิกเรียน แต่เราดูถูกเรื่องนี้ เราจึงไม่เข้าใจ” นายสุจิตต์ชี้

นอกจากนี้ นายสุจิตต์ยังกล่าวอีกว่า เพราะอโยธยาเก่าแก่กว่ากรุงสุโขทัย เป็นราชธานีแห่งแรก ซึ่งขัดกับประวัติศาสตร์ชาตินิยมเชื้อชาติไทย เพราะฉะนั้นอโยธยาจึงโตไม่ได้

“ทำนองว่า ‘มึงอย่าเกิดเลย’ เพราะไปขัดกับประวัติศาสตร์ชาตินิยม กรุงสุโขทัยต้องเก่า ต้องเป็นแห่งแรก อโยธยาจะเก่ากว่าได้อย่างไร และทำไมการศึกษาในมหาวิทยาลัยจึงหยุดไป เพราะอโยธยามีเรื่องราวความเป็นมาส่วนมากอยู่ในพระราชพงศาวดาร เป็นเรื่องเล่าลักษณะตำนานที่นักวิชาการสากลใช้เป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ได้ หลังผ่านการตรวจสอบและประเมินคุณค่า ซึ่งขัดกับแนวคิดนักโบราณคดีไทยที่มีอุปทานในเรื่องศิลาจารึก และมีอุปทานในประวัติศาสตร์ศิลป์ จึงมีอคติด้อยค่าเอกสารประเภทตำนาน พงศาวดาร ว่าเหลวไหลเชื่อถือไม่ได้” นายสุจิตต์ระบุ

นายสุจิตต์กล่าวว่า การเอาชื่อคณะไปทำ HIA เป็นการเมืองทุนนิยม อโยธยาถูกทำลายสูญหายจากโลก เพราะฉะนั้นต้อง Save อโยธยา ถ้าเราไม่ร่วมกันคัดค้านเส้นทางรถไฟความเร็วสูงให้เบี่ยงเบนไปทางอื่น พังหมดแน่ เพราอย่างอื่นจะตามมาอีกมาก ไม่ว่าโรงแรม รีสอร์ต ซ่อง อาบอบนวดมาหมด หากไม่ช่วยกันคัดค้าน ซึ่งยืนยันว่าตนเองไม่ได้คัดค้านการสร้างรถไฟความเร็วสูง สนับสนุนสุดลิ่มทิ่มประตู เพียงแต่เลี่ยงออกไปหน่อยแค่นั้นเอง

“ข้อสำคัญคือ จดหมายลงวันที่ 6 ก.ค. 2564 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขณะนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ทำจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องการสร้างรถไฟความเร็วสูง ให้นายกรัฐมนตรีสั่งการ เพราะกระทรวงต่างประเทศแจ้งว่า ศูนย์มรดกโลกห่วงกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ซึ่งอาจกระทบต่อแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ใกล้เคียง

“คำปรึกษาหารือที่ พล.อ.ประวิตรให้สั่งการ แนวทางที่ 1 ก่อสร้างอุโมงค์รอดพื้นที่มรดกโลก แนวทางที่ 2 เปลี่ยนเส้นทางใหม่อ้อมพื้นที่มรดกโลก เขาไม่ได้บอกไปทางไหน เข้าใจว่าทิศตะวันออกใกล้เส้นเอเชีย โดยมอบหมายให้กรมศิลปากรหารือกรมการขนส่งทางราง และการรถไฟแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการดำเนินการสั่งทำ SIA ไปดูก็จะเห็นว่าเขาไม่ได้ทำ แถมมีนักโบราณคดีกลุ่มหนึ่งสนับสนุน อโยธยามันก็คงสูญหายจากโลกเร็วๆ นี้” นายสุจิตต์ทิ้งท้าย

ทั้งนี้สามารถติดตามความคืบหน้ากรณีรถไฟความเร็วสูงผ่าเมืองอโยธยาได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ‘Saveอโยธยา’

อ่านข่าว : ศิษย์เก่าโบราณคดี เตือน รฟท.ระวังรุ่นลูกจารึกใหม่ ‘ใครเผากรุงเก่า’ แห่ทัวร์ขุดปวศ. ‘ทำไมต้อง Saveอโยธยา’

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image