‘รุ้ง’ เล่านาทีน้ำตาไหล พนมมือภาวนา – เคยจินตนาการ ถ้าไม่มี ‘กองทุนราษฎรประสงค์’ คงไม่กล้าม็อบ

‘รุ้ง’ เล่านาทีน้ำตาไหลพราก พนมมือภาวนา – รับ เคยจินตนาการ ถ้าไม่มี ‘กองทุนราษฎรประสงค์’ เป็นหลังพิง คงไม่กล้าออกมาม็อบ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่ห้องประชุมคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา อาคารคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้มีการเสนอชื่อให้มูลนิธิสิทธิอิสราได้รับโล่เกียรติยศประเภทผู้ทำคุณประโยชน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำปี พ.ศ. 2566 พร้อมเสวนาวิชาการ “เจตนารมณ์ของราษฎร: พลังของคนสามัญในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม” นำโดย รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ, ผศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยทางสังคม คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย น.ส.ปพิชญานันท์ จารุอริยานนท์ นักศึกษาหลักสูตรสังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต

น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง โฆษกกลุ่มราษฎร กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิสิทธิอิสรา คือ ต้องบอกว่าในช่วงเริ่มแรก ก่อนที่ตนจะออกมาอยู่แนวหน้า ก็ต้องมีการพิจารณาความเสี่ยงว่า ออกไปทำกิจกรรม ออกไปเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามต้องโดนคดีอยู่แล้ว มากน้อยแล้วแต่ แต่ว่าถ้าโดนคดีหลังจากนั้นจะทำอย่างไร จะมีคนช่วยเหลือบ้าง มีใครอยู่ข้างเราบ้างหรือไม่

“ตอนนั้นเองก็เป็นช่วงที่ได้รู้จักกับกองทุนราษฎรประสงค์ กองทุนนี้มีเงินช่วยเหลือการประกันตัว เรื่องทำคดีความต่างๆ ซึ่งพอมีกองทุนแบบนี้ กองทุนที่มีเงินสำรองช่วยในการประกันตัว มันทำให้คนที่กำลังพิจารณาอยู่ว่า ตัวเองจะออกมาเคลื่อนไหวได้หรือไม่ ออกแล้วมีใครช่วยเหลือบ้างไหม

Advertisement

จริงๆ อย่างรุ้งเองด้วยเหมือนความมั่นใจมากขึ้นว่า ฉันออกมาได้ ฉันออกมาแล้วมีคนช่วยเหลือฉันอยู่ ก็ทำให้คนกล้าที่จะออกมา ไม่ใช่แค่รุ้งคนเดียว เป็นเพื่อนๆ รอบตัวรุ้ง เวลาพูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องพดถึงกองทุนราษฎรประสงค์ด้วย ว่าเขายังช่วยได้อยู่ไหม เขาช่วยได้เราก็ไปต่อได้ การเคลื่อนไหวก็ไปต่อได้ ดังจะเห็นได้ว่ากองทุนมันเริ่มมาตั้งแต่ ช่วง 14 นักศึกษาก่อนรุ่นรุ้งก่ อนรุ่น 63 มันก็ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวตั้งแต่ก่อนปี 63 จนมาถึงตั้งแต่เริ่มปี 63

“ตอนช่วงกรกฎา การเคลื่อนไหวตั้งแต่ตรงนั้นยังคงดำเนินมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะมีความช่วยเหลือจากกองทุน เคยลองคิดจินตนาการเหมือนกันว่า ถ้ามันไม่มีกองทุนราษฎรประสงค์มาช่วยตรงนี้จะทำอย่างไร รุ้งก็คิดว่า ณ วันนั้นที่รุ้งพิจารณาตัวเองมันอาจจะไม่ได้ออกมาเลยก็ได้ เพราะว่ามันไม่มีที่พิงหลัง แต่พอมันมีที่พิงหลังมันก็กล้าออกมาเพื่อนๆ ก็กล้าออกมา จนถึงตอนนี้” น.ส.ปนัสยากล่าว

น.ส.ปนัสยาเผยว่า การเคลื่อนไหวตั้งแต่เริ่มแรก มาจนช่วงที่เป็นจุดพีค มีช่วงที่มีการพักบ้าง การเคลื่อนไหวเป็นอย่างนี้ แต่ว่ากองทุน ไม่ได้หยุด

Advertisement

“เพราะว่าพอเคลื่อนไหวก็เป็นอีเวนท์ๆ ไปแต่คดีพอมันเกิดขึ้นปุ๊บ มันจะเป็นการนัดหมายอย่างต่อเนื่องว่า ชีวิตนี้อย่าเพิ่งไปไหนนะอยู่กับคดีตรงนี้ก่อน จนกว่ามันจะตัดสิน ซึ่งก็ต้องขอบคุณมากๆ เลยจริงๆ ที่มีกองทุนแบบนี้ขึ้นมา รวมถึงประชาชนที่มอบเงินสนับสนุนการเคลื่อนไหวผ่านทางกองทุนราษฎรประสงค์มาด้วย

คือ การโอนเงินเข้ามากองทุนมันก็เป็นอีกวิธีทางหนึ่ง ถ้าใครจำได้ มีเคสตอนที่เราจะประกันตัวเพนกิน (พริษฐ์ ชิวารักษ์) กับอานนท์ นำภา ที่ตอนนั้นเงินในกองทุนไม่พอแล้วก็หลายคดีเลยที่ต้องใช้เงินประกันตัวหลายล้าน ตอนนั้นรุ้งนั่งภาวนาจริงๆ นั่งพนมมือ แบบว่าเราอยากเจอเพื่อนแล้วแต่ว่าเงินมันไม่พอ เราก็ไม่มีใช่ไหม แบบว่าเราจะเอาตังตัวเองไปลงมันก็ไม่พออยู่ดี ก็ได้แต่นั่งภาวนาว่า ‘ขอเถอะ ขอให้คนโอนมาเยอะ ๆ’ แล้วก็เกิดปรากฏการณ์ขึ้นในวันนั้นว่าภายใน 3 ชั่วโมง กองทุนราษฎรประสงค์ได้รับเงินจากประชาชนทั่วไปมาถึง 10 ล้าน ซึ่งสำหรับรุ้งตกใจมาก แล้วพอรู้ก็น้ำตาไหลเลย ว่ามันมีคนค่อยช่วยสนับสนุนผ่านช่องทางนี้มาขนาดนี้ ซึ่งรุ้งก็พิจารณาว่าคิดว่าทุกคนน่าจะพิจารณาเหมือนกันว่ามันเป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวอีกช่องทางหนึ่ง ที่ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถมีส่วนรวมกับตรงนี้ได้” น.ส.ปนัสยาเผย

น.ส.ปนัสยากล่าวต่อว่า ถ้าย้อนไปถึงวันนั้นตอนที่มีเคสนี้ขึ้นมา ตนจำได้ว่ามันเป็นช่วงที่มีการถกเถียงกันพอสมควร เรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมของการเคลื่อนไหว หมายความว่าตอนนั้นเวลาจะมีใครที่อยากจะออกไปเคลื่อนไหวในประเด็นอะไร โดยเฉพาะเรื่องประกันตัว ก็จะมีเสียงเข้ามาว่า ณ ตอนนี้มันเหมาะสมเหรอที่จะออกมา คนไม่เอาด้วยแล้ว คนเหนื่อยแล้ว เขาไม่ออกมากับเราหรอก ซึ่งตอนนั้นมันก็เป็นคำถามสำหรับพวกเรานักกิจกรรมเหมือนกันว่า จริงไหมคำพูดแบบนี้ จริงหรือเปล่า แต่ว่าพอมาเห็นตอนเงินขอกองทุนที่เข้ามา 10 ล้าน ตอนนั้นมันเป็นจังหวะที่ทำให้เรามาตระหนักเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งว่า จริง ไม่จริง เรามาพิจารณาจากตรงนี้ด้วยก็ได้ ป็นอีกตัวชี้วัดหนึ่งว่าคนไม่เอาด้วยกับการเคลื่อนไหวของเราจริงๆ เหรอ มันก็เป็นคำตอบออกมาว่า ไม่ใช่ คนยังสนับสนุนการเคลื่อนไหว แต่มันแค่จังหวะว่า คนจะออก-คนจะไม่ออก แต่การสนับสนุนยังมีอยู่ตลอดมาจนถึงตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจมาก อาจจะเป็น top moment สำหรับการเคลื่อนไหวในช่วงนั้นระหว่างปี 63 มาถึงตอนนี้

มันพูดอะไรไม่ได้จริงๆ นอกจากคำว่าขอบคุณและขอบคุณมากๆ สำหรับประชาชนและทีมงานกองทุนเอง ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจขนาดนี้ ตัวเองมาทุ่มเทกันตรงนี้ขนาดนี้ก็ต้องขอบคุณมากจริงๆ โดยเฉพาะประชาชนที่โอนเงินสนับสนุนเขามา

“ มันก็จะมีอีกคำถามหนึ่งว่า คือการเคลื่อนไหวตอนนี้เป็นการเคลื่อนไหวระหว่างเจเนอเรชั่นหรือเปล่า คือรุ้งพยายามคิดด้วยการเอาเรื่องเจเนอเรชั่นมาดูกับเงินกองทุนที่เข้ามาเรื่อยๆ คือลองคิดดูว่าเด็กวัยรุ่นทั่วไป ถ้าจะโอนตังมาให้ จะโอนตังให้เท่าไหร่เชียว อาจจะยี่สิบบาท มากสุดร้อยหนึ่ง ใครมีมากหน่อย 200 300 แต่ว่าในช่วงคนที่วัยทำงานและก็อายุมากกว่าพวกเราเป็นต้นไป เขาก็จะมีเงินเก็บมากกว่าช่วงวัยรุ่นแน่นอน ตรงนี้มันเป็นอีกช่องทางที่ทำให้คนที่อาจจะเรียกว่าตนเองเป็นคนรุ่นใหม่ไม่ได้ เยาวชนไม่ได้ แลคำถามที่ว่าทำไมเราไม่ค่อยเห็นคนวัยทำงานออกมากับเราเลย มันอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเลือกวิธีการสนับสนุนในช่องทางการมอบทรัพยากรให้ก็ได้ พอมันเกิดเหตุการณ์นี้ทำให้รุ้งคิดย้อนไปถึงเจเนอเรชั่น ว่ามันอาจจะไม่ใช่ อาจจะไม่ได้พูดได้ขนาดว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างเจเนอเรชั่น เพราะว่าถ้ามันเป็น ต้องชัดมาก ว่าทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งนี้ต้องเป็นแค่กลุ่มเยาวชนเท่านั้น บอีกฝั่งหนึ่งต้องมีอายุเฉลี่ยอีกแบบหนึ่ง แต่รุ้งคิดว่าเราคงไม่ได้เรียกมันว่าขบวนการเยาวชนได้แบบเต็มปากอีกต่อไป รุ้งอาจจะเรียกว่ามันเป็นขบวนการประชาธิปไตยมากกว่า

เพราะว่าตอนเริ่มแรก มันเริ่มมาด้วยเยาวชน นักศึกษาจริง แต่ว่าระหว่างทางนั้นมันมีการสะสมมวลชน จากตรงโน้น ตรงนี้ จากกลุ่มอายุเท่านั้นเท่านี้ เราเข้าไปได้มากเท่าไหร่ เราก็โอบรับมวลชนเข้ามาได้มากเท่านั้น รุ้งคิดว่าตอนนั้นมันเป็นจังหวะที่เราโอบรับประชาชนทั่วไปเข้ามาที่เป็นรุ่นที่อายุมากกว่าเยาวชน มันก็เลยมีการสนับสนุนกัน ซึ่งรุ้งก็พิจารณาว่า การโอนเงินเข้ากองทุนราษฎรประสงค์เพื่อมาสนับสนุน เป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันเหมือนกัน เข้าใจว่าเวลาคนโอนเงินมามันไม่ใช่เงินเป็นก้อน แต่มันเป็นเงินบาท สิบบาท ยี่สิบบาท” น.ส.ปนัสยากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image