วิโรจน์ แฉ ‘ส่วย’ เบื้องหลังโกดังพลุระเบิด ข้องใจมองเป็นสปอนเซอร์? จี้แก้โทษ พ.ร.บ.อาวุธปืน

วิโรจน์ แฉเบื้องหลังโกดังพลุระเบิดคือ ‘ส่วย’ งงธุรกิจสีเทาชุกชุม ‘มูโนะ’ สงสัยกฎอัยการศึกไม่ครอบคลุม ข้องใจฝ่ายความมั่นคงมองเป็นสปอนเซอร์? จับตาโยกย้าย ‘จ่า ฟ.’ หวัง ผบ.ตร.เกษียณจะไม่หวนกลับมา จี้ปรับโทษ พ.ร.บ.อาวุธปืน แรงขึ้น

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้พิจารณาญัตติด่วน เรื่องการศึกษาเยียวยา ให้ความช่วยเหลือเหตุการณ์โกดังเก็บพลุระเบิดที่ตลาดบ้านมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวม 8 ญัตติ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า จากการประเมินหลุมระเบิดพบว่ามาจาก “ดินดำ” ที่เป็นส่วนผสมของพลุที่เก็บในโกดังไม่ใช่น้อยๆ น่าจะมากถึง 2-3 คันรถสิบล้อ น้ำหนักรวมกันอาจมากถึง 5 ตัน รัศมีทำลายล้างเกือบ 2 กิโลเมตร อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อยู่ในพื้นที่กฎอัยการศึก เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองจะไม่รู้เลยว่ามีโกดังเก็บพลุในปริมาณมหาศาลอยู่ใจกลางชุมชน อ้างว่าไม่รู้แบบท่านรองนายกฯที่รักษาการอยู่คงไม่ได้

นายวิโรจน์กล่าวว่า คงต้องพาย้อนกลับไปดูข่าววันที่ 27 มิถุนายน 2559 ตอนนั้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใช้กฎอัยการศึกตรวจโกดัง 5 แห่ง ยึดดอกไม้เพลิง พลุ ได้ 60 ตัน โดย 30 ตันยึดได้จากโกดัง 2 ห้องที่มูโนะ เจ้าของโกดังก็เป็นคนเดียวกันกับเจ้าของโกดังที่ระเบิดวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จะอ้างว่าไม่รู้ก็คงฟังไม่ขึ้น เมื่อวันที่ 24 ก.ค. เพื่อนสมาชิกก็พูดถึงโรงงานผลิตพลุที่ดอยสะเก็ดเพิ่งระเบิด กระทรวงมหาดไทย (มท.) เร่งทำหนังสือถึงผู้ว่าฯทั่วประเทศ ลงวันที่ 26 ก.ค. กำชับให้ตรวจสอบโรงงาน โกดังผลิตพลุ ดอกไม้เพลิงต่างๆ แต่เกิดเหตุที่มูโนะวันที่ 29 ก.ค.อีก คงมีข้อสงสัยใช่หรือไม่ว่าทำไมมีหนังสือจาก มท.กำชับแล้วถึงตรวจสอบโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ

Advertisement

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ยังไม่พอ วันที่ 30 ก.ค. อธิบดีกรมการปกครองก็มีหนังสือถึงนายอำเภอ 878 ทั่วประเทศ เร่งตรวจสอบโกดังเก็บพลุอีก ยืนยันกับท่านประธานว่าต่อให้ทำหนังสืออีกกี่ฉบับก็หาโกดังผีแห่งนี้ไม่เจอ เพราะโกดังแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตเก็บดอกไม้เพลิง ต้องถามต่อว่าทำไมโกดังผีแห่งนี้ไม่ยอมขออนุญาต ก็เพราะถ้าขอก็ออกใบอนุญาตไม่ได้ เพราะตามประกาศกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง การขนส่งดอกไม้เพลิงและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ.2547 อาคารที่ผลิตดอกไม้เพลิงต้องไม่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน กำหนดระยะห่างจากแนวรั้วอย่างน้อย 20 เมตร แต่โกดังแห่งนี้สวนทางทุกอย่างของประกาศ ไม่มีมาตรการความปลอดภัยใดๆ เหตุระเบิดเกิดจากการเชื่อมเหล็กในโกดังแล้วเกิดประกายไฟ แถมเจ้าของก็เคยถูกจับมาแล้วปี 2559

นายวิโรจน์อภิปรายต่อว่า ถามต่อว่าถ้าไม่ขอใบอนุญาต แล้วเจ้าของไม่กลัวเกรงกฎหมายหรือ เขาจะกลัวทำไม? เพราะมาตรา 77 ของ พ.ร.บ.อาวุธปืน บอกว่าถ้าไม่ขออนุญาต มีโทษจำคุกแค่ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พัน โดยปี 2559 เจ้าของโกดังเงินบาทเดียวก็ไม่ได้ปรับ คุกสักวันหนึ่งก็ไม่ได้อยู่ จับกุมเป็นข่าวใหญ่โต แต่สุดท้ายมีอภินิหารอะไรก็ไม่ทราบ เพราะอัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำไม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าทำงานหละหลวมขนาดนี้ ตำรวจเกิดอะไรเกิดขึ้นถึงกับอัยการสั่งไม่ฟ้อง

Advertisement

“ผมว่าผู้การนราธิวาสและแม่ทัพภาค 4 รู้อยู่แก่ใจว่าพื้นที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก เป็นพื้นที่ที่ชุกชุมด้วยธุรกิจสีเทา สินค้าหนีภาษีบ้าง ยาเสพติดบ้าง ค้าแรงงานเถื่อนบ้าง ตกลงแล้วพื้นที่นี้ยังคงมีกฎอัยการศึกหรือไม่ กฎอัยการศึกเอามาใช้เพ่งเล็งแต่ประชาชนอย่างเดียวใช่หรือไม่ ตกลงธุรกิจสีเทาเหล่านี้แม่ทัพภาค 4 หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ไม่ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงของราชอาณาจักรหรืออย่างไร หรือมองว่าเป็นสปอนเซอร์ฝ่ายความมั่นคงกันแน่ มีข้อครหาตลอดว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ มีการเก็บส่วยส่งต่อให้นายเป็นทอดๆ” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์กล่าวว่า เดือน มี.ค.ที่ผ่านมาก็เพิ่งมีการดำเนินคดีกับนายตำรวจระดับสูง กับอดีตนายอำเภอที่เคยปฏิบัติหน้าที่ใน จ.นราธิวาส เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนแลกกับการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติดและอาวุธปืนสงครามเพื่อให้ไม่ถูกดำเนินคดี ทำไมตำรวจระดับสูงถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองแทนที่จะไปเป็นหลักยึดให้คนนราธิวาสถึงถูกดำเนินคดีแบบนี้

“กรณีโกดังพลุระเบิดฝากท่านประธานไปถึงนายกฯว่าถ้าจะตัดตอนแค่เจ้าของโกดัง คิดว่าประชาชนยอมรับไม่ได้ ต้องสอบสวนประเด็นส่วยและเรียกรับผลประโยชน์ด้วย เพราะคนในพื้นที่รู้ว่า จ่า ฟ. มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองในพื้นที่ เป็นคนคอยเก็บส่วยส่งนาย ตอนนี้ได้ข่าวว่าย้ายไปแล้ว คนก็กังวลว่าย้ายเป็นพิธี เดี๋ยวก็ย้ายกลับมา เหมือนกับการเลือกตั้ง ประชาชนเลือกพิธา สุดท้ายได้เป็นพิธี ผมก็อยากรู้ว่าตกลงแล้วจ่า ฟ. กับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ใครจะใหญ่กว่ากัน ไม่ใช่ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เกษียณ จ่า ฟ.ก็กลับมา

“ประชาชนตั้งคำถามว่ารัฐบาลปล่อยให้ตำรวจแบบนี้ไปรีดไถคนนราธิวาสได้ยังไง ถ้าปล่อยให้การกดขี่รีดไถยังเป็นอยู่ คนนราธิวาสและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะรู้สึกอย่างไร การรีดไถแบบนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือชนวนแห่งความขัดแย้งที่แท้จริง เพราะที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้เป็นเรื่องปกติ สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือการแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืน ปรับอัตราโทษในการไม่ขออนุญาตให้รุนแรงขึ้น มีระบบการลงทะเบียนปริมาณ ยอดคงเหลือของดอกไม้เพลิงที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโกดังเถื่อน โรงงานพลุเถื่อน

“สำคัญที่สุดต้องเร่งปราบปรามส่วยและการรีดไถส่วยของเจ้าหน้าที่รัฐใน ต.มูโนะ อย่างจริงจัง ไม่ให้คนเหล่านี้อาศัยอำนาจรัฐ อาศัยชุดสีเขียวลายพราง สีกากี ในการกดขี่ประชาชนอีกต่อไป พลุไม่ได้อยู่แค่ในโกดัง พลุวันนี้สุมอยู่ในใจคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หมดแล้ว และพลุที่ฝังอยู่ในใจคน ถ้ามันโดนกด โดนขี่ ไม่แคล้วว่าสักวันจะระเบิดออกมา” นายวิโรจน์กล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image