‘สุรชาติ’ เสียดาย ‘นโยบายไม่ชัด’ เด่นน้อยกว่ายุคยิ่งลักษณ์ น่าหยิบมาปัดฝุ่น-ฝากเรื่องด่วน รมว.กลาโหม

‘สุรชาติ’ เสียดาย ใครเป็นมือร่าง ‘นโยบายเศรษฐา’? ไม่ชัดเท่ายุคยิ่งลักษณ์ แนะเอามาปัดฝุ่น แทบไม่ต้องทำใหม่-เสนอ 10 ข้อเร่งด่วน 8 นโยบายถึง รมว.กลาโหม

เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้านการเมือง ทางมติชนทีวี ถึงการแถลงนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าไม่ชัดเจนเท่านโยบายในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมมีข้อเสนอเร่งด่วน 10 ประการ ถึงนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้ง 8 ข้อเสนอ ที่ต้องปฏิรูปกองทัพ เอาทหารออกจากการเมือง

โดยในตอนหนึ่งของรายการ ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ กล่าวถึงข้อเสนอเฉพาะหน้า 10 ประการ ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ความว่า

1.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องตอบปัญหาเรื่องเครื่องเรือดำน้ำ ในสภาวะเรือที่ไม่มีเครื่อง ต้องมีคำตอบจริงๆ ในวันนี้ เรื่องเครื่องเรือคงต้องตอบ การนำเอาไปแลกปุ๋ย ส่วนตัวมองว่ามันไม่ใช่

Advertisement

“คงต้องแลกเพื่อทดแทนเรือรบหลวงสุโขทัย เรือรบหลวงสุโขทัยต้องกู้ออกมาเพื่อให้เห็นปัญหาและบทเรียน เพราะเรายังมีเรือคู่แฝด อย่างเรือรบหลวงรัตนโกสินทร์อีกลำหนึ่ง อย่างน้อยหากเราเรียนรู้ปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือหลวงสุโขทัย หากกัปตันในเรือรบหลวงรัตนโกสินทร์ได้เรียนรู้นั้น จะได้รู้ว่าเหตุการณ์หรือปัญหานั้นมีวิธีแก้อย่างไร ข้อเสนอของผมคือ เปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือคอร์เวต และนำเรือคอร์เวตมาแทนเรือรบหลวงสุโขทัย จะเซฟงบประมาณในอนาคต” ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติชี้

2.กระทรวงกลาโหมเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องตอบ เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องคุมกำลังในภาคใต้ เรื่องการถอนกำลังจากภาคใต้ทั้งหมดตกลงจะเอาอย่างไร 3.โจทย์ กอ.รมน. ยังเป็นปัญหา ต้องการความชัดเจน 4.ทหารเกณฑ์จะเอาอย่างไร 5.รัฐมนตรีกลาโหลมเข้ามารอบนี้ อีกนิดเดียวจะมีการโยกย้ายที่เราเรียกกันว่า โยกย้ายทางปีกของหารในรอบเดือนเมษายน 6.เราจะทำอย่างไรหลังมีการแถลงจากคุณสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่านายพลจะลดลง 50% เมื่อถึงปี 2570 ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บางส่วนว่า จากปี พ.ศ.2570-2572 อัตรากำลังพลระดับบนในกองทัพ ก็จะหายไปด้วยตัวของมันเอง เพราะว่าในสมัยสงครามเย็น เรารับนักเรียนนายร้อยจำนวนค่อนข้างมาก และในระบบไทยเรา ไม่มีปลดกำลังพลในภาวะปกติ เราก็ปล่อยให้ทหารเหล่านี้นั้นเติบโตไปเรื่อยๆ 7.ปัญหาบทบาททางการเมืองของกองทัพจะเอาอย่างไร 8.ปัญหาการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ การจัดซื้อ-จัดหาต่างๆ 9.การกำหนดทิศทางของกระทรวงกลาโหม เมื่อเข้ามารับตำแหน่งต้องเป็นคนกำหนดทิศทางว่าจะเอาอย่างไร 10.การจัดการตัวเอง กับบทบาทของคุณสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับบรรดาผู้นำเหล่าทัพ

Advertisement

นอกจากนี้ ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ ยังเสนอนโยบาย 8 ประเด็น ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยว่า

1.โจทย์ใหญ่คือการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งการปฏิรูปมี 2 ส่วนคือ 1.1 การปฏิรูปกองทัพในมิติทางการเมือง คือเรื่องของการลดบทบาททางการเมืองของกองทัพ กับ 1.2 การปฏิรูปกองทัพในมิติทางทหาร ซึ่งหากสังเกตเราพูดกันมากถึงสงครามคอมมิวนิสต์ และหลังปี 40

2.ถึงเวลาต้องพูดถึงเรื่องโครงสร้างของกองทัพและกำลังพล มีทั้งทหารเกณฑ์ ในวันนี้โจทย์นี้ต้องถกกันในสถานการณ์ที่หลายอย่างรุมเร้า เห็นเงื่อนไขสงครามที่ไม่ได้เหมือนเดิม

3.ต้องมีนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาภายในองค์กร เรียกว่า ‘เสนาพาณิชย์นิยม’ การหาประโยชน์องค์กรกองทัพในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นภายในองค์กร

4.การลดบทบาททางการเมืองก็มีปัญหาเรื่อง กอ.รมน. ปัญหาเรื่องของการ IO ที่คุ้นทางการเมือง รวมถึงใหญ่ที่สุดของกองทัพยังเป็นตัวแสดงในเวทีการเมืองไทย จะลดทอนอย่างไร

5.นโยบายเรื่องงบประมาณทหาร ยังไม่เห็นเท่าไหร่ งบประมาณส่วนนี้ในองค์รวมคือ งบประมาณทั้งหมด แต่ในรายย่อยยังมีงบที่ซื้ออาวุธ การจัดซื้อ-จัดหา จัดซื้อ-จัดจ้าง คงถึงเวลาที่ต้องมีการตรวจสอบการใช้งบประมาณของกองทัพ

6.การเตรียมรับกับภัยคุกคามหรือการเตรียมรับปัญหาภัยความมั่นคง ซึ่งเราเห็นปัญหาภาคใต้ โดยเฉพาะปัญหาชายแดนไทยที่เราต้องตาม โดยเฉพาะแนวชายแดนไทยเมียนมาเป็นปัญหาใหญ่

7.กองทัพคงต้องยังคงบทบาทที่จะคอยช่วยเหลือประชาชน

8.การวางบทบาทของกระทรวงกลาโหมและกองทัพ ในเวทีระหว่างประเทศ

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ ยังกล่าวถึงนโยบายที่นายเศรษฐา ทวีสิน แถลงต่อรัฐสภาว่ายังไม่ชัดเจนเท่าสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าวันนี้เราเห็นนโยบายที่นายเศรษฐาแถลงในสภาแล้ว ซึ่งหากดูเฉพาะส่วนไม่พูดนโยบายเกี่ยวกับความมั่นคงในกรอบใหญ่ เฉพาะในส่วนของนโยบายทหารก็ไม่ค่อยเห็นจุดเด่น

“เสียดาย เพราะว่าถ้าไปเปิดนโยบายไทยรักไทยยุคแรกๆ ผมว่านโยบายมีจุดเด่นเยอะ หรือนโยบาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยเองก็ตาม ส่วนตัวเสียดาย ใครเป็นมือร่างของพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ที่จริงแล้วไม่ต้องร่างเลยในหลายๆ เรื่อง เอานโยบายในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาปัดฝุ่น ผมเสนอจริงๆ แทบไม่ต้องทำ เพราะว่าหลายเรื่องเขียนไว้ได้ค่อนข้างโอเค

เพราะถ้าหากถอยกลับไปเอาของไทยรักไทย เดียวจะถูกหาว่ามันถอยกลับไปไกล แต่อย่างน้อยในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ทำเป็นตัวนโยบายยังใช้ได้ แต่พอมาเห็นคำแถลงที่เขียนไว้ในหน้า 10 และมาปรากฏในส่วนหนึ่งในเชิงกรอบที่โยงกับงาน จริงๆ ในหน้า 31 มันค่อนข้างจะกำกวมไปนิด”

“อย่างเช่นที่ผมเสนอโจทย์ 10 เรื่องเฉพาะหน้า ส่วนตัวเชื่อว่าสังคมอยากเห็น อย่างน้อยวันนี้เรื่องเรือดำน้ำต้องมีคำตอบแล้วปล่อยคาราคาซังคงไม่ได้ เพราะอีกไม่นานกองทัพเรือเริ่มเปิดให้เอกชนเตรียมประมูลงานกู้เรือ หากกู้ขึ้นมา โอกาสที่จะพื้นฟูเรือรบหลวงสุโขทัย ผมมองว่าอาจจะต้องยอมปล่อย เรือรบหลวงสุโขทัยจะเป็นเหมือนบทเรียนที่ดี แต่ไม่ใช่จะเป็นโอกาสเรือคอร์เวตในอนาคต ที่กองทัพเรือไทยจะใช้ในการจัดวางกำลัง พอการจัดวางกำลังในเรือรบหลวงสุโขทัยที่หายไป คำตอบอยู่ที่ต้องใจแข็งที่จะแลกเรือดำน้ำ และเอาคอร์เวตกลับมา เพื่อให้เรือบนผิวน้ำของราชนาวีไทยนั้นไม่โหว่

และอย่าเชื่อว่าถ้าไม่มีเรือดำน้ำแล้วจะเสียดุลด้านกำลัง ส่วนตัวขอตอบว่าไม่จริง เพราะว่าไทยนั้นไม่ได้น้อยหน้ากว่าใคร มาถึงจุดนี้เอาเรือมาแทนเรือรบหลวงสุโขทัยดีกว่า เพื่อทำให้กำลังเรือบนผิวน้ำนั้นมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่” ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image