พิธา แจงเป็นสื่อกลางประสานเรื่อง ‘อิสราเอล’ ชั่วคราว ไร้เจตนาสร้างความสับสน ยินดีหนุนภารกิจ รบ.

พิธา แจงเป็นสื่อกลางประสานเรื่อง ‘อิสราเอล’ ชั่วคราว รวมได้ 228 กรณี ส่งให้ ‘เทลอาวีฟ’ แล้ว ย้ำไม่มีเจตนาสร้างความสับสน ยินดีหนุนภารกิจรัฐบาล แนะเจรจาวางเงื่อนไขให้แรงงานกลับไปทำงานต่อ-ผ่อนผันหนี้คนงาน

จากกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เพิ่งวางสายจากทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย มอบหมาย นายสุเทพ อดีต กมธ.แรงงาน ที่ติดต่อประสานกับพี่น้องแรงงานไทย พร้อมกันนี้ได้แสดงความเป็นห่วงและเสียใจต่อความสูญเสียและพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในการคลี่คลายวิกฤต เพื่อความปลอดภัยของคนไทยในอิสราเอล ขณะเดียวกันได้แนบอีเมล์ [email protected] กรณีไม่สามารถติดต่อญาติที่อิสราเอลได้นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นายพิธา อัพเดตความคืบหน้าว่า จากกรณีที่เกิดเหตุปะทะรุนแรงในอิสราเอลตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม และทางผมได้ประชาสัมพันธ์อีเมล์สำหรับญาติเพื่อช่วยรวบรวมส่งข้อมูลประสานงาน “เฉพาะหน้า” กับทางการไทยและอิสราเอลเพื่อดูแลความปลอดภัย

ผมได้ประสานส่งข้อมูลกับทางการไทยทันทีหลังเปิดรับอีเมล์ตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมแล้ว โดยส่งข้อมูลให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ และในวันนี้จะส่งอีเมล์เพิ่มเติมไปยังกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน

Advertisement

โดยข้อมูลทั้งหมดเป็นตารางแบบออนไลน์ แยกชื่อ อีเมล์ หลักฐานระบุตัวตน และเบอร์โทรของญาติสำหรับติดต่อกลับ โดยอัพเดตข้อมูลในตารางแบบ Realtime ทันที่ทีมงานเปิดอ่านข้อความอีเมล์และนำข้อมูลมากรอกในตาราง (เฉลี่ยไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับอีเมล์)

จนถึงเวลา 12.00 น. วันนี้ ทางผมได้รวบรวมแล้วทั้งสิ้น 228 กรณี แบ่งได้ดังต่อไปนี้ :

– คนไทยที่เชื่อได้ว่าถูกจับเป็นตัวประกัน 9 กรณี
– คนไทยอยู่ในเขตสู้รบ ต้องการความช่วยเหลือ 72 กรณี
– กรณีที่ญาติติดต่อไม่ได้ และไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน 140 กรณี
– คนไทยอยู่นอกเขตสู้รบ 7 กรณี

Advertisement

ทั้งหมดนี้ ทำไปเพื่อช่วยเป็นสื่อกลางในการประสาน “ชั่วคราว” เพราะในช่วงแรกที่เกิดเหตุ คนไทยในอิสราเอลอาจไม่ได้รับทราบช่องทางการติดต่อสื่อสารและได้ติดต่อมาทางพรรค ส.ส.สุเทพ อู่อ้น และผมเป็นจำนวนมาก หลากหลายช่องทาง เนื่องจากคุณสุเทพได้เคยประสานช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลต่อเนื่องมาตั้งแต่ความขัดแย้งครั้งล่าสุดเมื่อพฤษภาคม 2021 หรือ 2 ปีที่แล้ว

บัดนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงานได้จัดช่องทางการสื่อสารกับพี่น้องแรงงานไทยในอิสราเอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเชื่อว่าหลังจากนี้การติดต่อสื่อสารโดยตรงระหว่างคนไทยในอิสราเอลกับทางการไทยจะดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ครับ ผมยินดีสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล และไม่มีเจตนาจะสร้างความสับสนในภาวะแบบนี้แต่อย่างใด

สำหรับกรณีที่ทางการไทยได้เปิดให้คนไทยในอิสราเอลสามารถลงทะเบียนแสดงความจำนงต้องการอพยพกลับประเทศไทยนั้น ผมได้หารือกับทาง ส.ส.สหัสวัต คุ้มคง และเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน พรรคก้าวไกล โดยมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ดังนี้ :

1.คนงานต้องได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ที่คนงานจ่ายสมทบก่อนเดินทางไปทำงาน กรณีต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนสิ้นสุดการเป็นสมาชิกกองทุนเนื่องจากประสบปัญหาจากภัยสงคราม ตามระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการบริหารกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ พ.ศ.2549

2.เนื่องจากมีคนงานที่ยังคงมีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินเพื่อให้ได้เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลยังคงกังวลที่จะเดินทางกลับไทยหรืออพยพไปที่ปลอดภัยอื่น เพราะอาจทำให้สัญญาจ้างงานสิ้นสุดลงได้ ทำให้ตกงานแต่ยังมีหนี้สินที่ไปกูยืมมาก่อนเพื่อมาทำงาน

ดังนั้น จึงเสนอให้รัฐบาลต้องเจรจาวางเงื่อนไขการอพยพคนงานไทยที่ไปทำงานผ่านโครงการความร่วมมือไทย-อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers : TIC) หรือโครงการความร่วมมืออื่นๆ หากสงครามยุติลงให้คนงานที่ถูกอพยพในสภาวะสงครามสามารถกลับไปทำงานได้ตามเดิม

3.เสนอให้รัฐบาลเจรจาผ่อนผัน หรือดูแลแนะนำประเด็นหนี้สินของคนงาน

4.กรณีคนงานไทยที่เข้าไปทำงานโดยไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน หรือคนงานที่ลักลอบทำงานอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายเสนอให้รัฐบาลดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน และหากคนงานประเภทนี้ต้องการกลับขอให้รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายและอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศ

สุดท้ายนี้ ผมขอใช้โอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมขอยืนเคียงข้างและช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบเหตุเดือดร้อน และผมขอสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลไทยในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้ปลอดภัยด้วยครับ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image