การปรากฏขึ้นของรายงานแจงผลกระทบในกรณีที่ กองทัพอากาศ ไม่ได้ดำเนินภารกิจการ “สนามกอล์ฟ” ซึ่งกองทัพอากาศเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญแห่งสภาผู้แทนราษฎรมีความสำคัญ
1 อย่างน้อยกองทัพอากาศก็ให้ความหมายต่อการดำรงอยู่ของคณะกรรมาธิการที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นประธาน
ขณะเดียวกัน 1 จากรายละเอียดอันปรากฏขึ้นภายในรายงานก็ทำให้เข้าใจกระบวนการทำงานภายในโครงสร้างแห่ง สนามกอล์ฟ ได้อย่างครบถ้วน
โดยพื้นฐานของรายงานกองทัพอากาศแจกแจงให้เห็นว่า หากมีการโอนสนามกอล์ฟที่เรียกว่า “สนามงู” ซึ่งตั้งอยู่ใน ท่าอากาศยานดอนเมือง จะต้องได้เงินค่าชดเชย 3,000 ล้านบาท
คำถามก็คือ หากสนามกอล์ฟของ กองทัพบก จะต้องโอนไปอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลจะต้องเสียเงินค่าชดเชยเท่าใด หาก สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ถูกโอนจะต้องเสียเงินค่าชดเชยเท่าใด
ความน่าสนใจก็คือ กรรมสิทธิ์ของที่ดินไม่ว่าจะเป็น สนามงู ไม่ว่าจะเป็น สนามธูปะเตมีย์ แต่เดิมเป็นของหน่วยราชการใด เป็นของ กองทัพอากาศ หรือว่าเป็นของ กรมธนารักษ์
ที่สำคัญก็คือประโยชน์ที่บริหารมา 30 ปีตกอยู่กับใคร
หากดูรายงานและประมาณการเงินชดเชยก็จะมองเห็นถึงองค์ประกอบและโครงสร้างของสนามกอล์ฟได้อย่างครบถ้วน แม้จะเน้นเป็นการจำเพาะไปยังสนามงูที่ดอนเมือง
นั่นก็เห็นได้จากค่าชดเชยต่อแคดดี้ ต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน และต่อสิ่งก่อสร้างจากอดีตมายังปัจจุบันตลอด 30 ปี
เป็นผลกระทบกับรายได้แคดดี้ จำนวน 250 คน (ไม่รวมครอบครัว) ประมาณปีละ 75 ล้านบาท เป็นผลกระทบกับพนักงานและเจ้าหน้าที่สนาม จำนวน 51 คน ประมาณปีละ 9.1 ล้านบาท
เป็นผลกระทบเพราะเสียรายได้จากการดำเนินกิจการสนามกอล์ฟนำเข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพอากาศ ประมาณปีละ 55 ล้านบาท (อ้างอิงปี 2566)
เป็นผลกระทบกับทรัพย์สินเครื่องจักร 35 รายการประมาณ 12 ล้านบาท เป็นผลกระทบกับงบลงทุนสร้าง 1.8 ล้านบาท
ทั้งหมดคือเหตุผลที่ต้องใช้เงินชดเชย 3,000 ล้านบาท
มีคำถามในใจของผู้คนต่อเนื่องยาวนานมาแล้วต่อ การดำเนินธุรกิจของกองทัพ แต่ไม่เคยได้รับการชี้แจง ไม่มีคำตอบ
ทุกอย่างเริ่มเห็นเมื่อมีการตั้ง “คณะกรรมาธิการวิสามัญ”
เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญอันมีจุดเริ่มมาจาก พรรคก้าวไกล ส่งผ่าน คณะกรรมาธิการการทหาร ผ่านความเห็นชอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
นี่คือคุณูปการอันมีรากฐานมาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาและโอนธุรกิจกองทัพให้กับรัฐบาล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง