ดิเรกฤทธิ์โต้ 40 ส.ว.โยงขั้วเก่า ยื่นล้มเศรษฐา ไม่ใช่วงจรอุบาทว์ ยันทำด้วยความซื่อสัตย์

’ดิเรกฤทธิ์‘ เปิดใจ หลังศาลรธน. รับคำร้อง 40 สว. ชี้เป็นเรื่องดี ’เศรษฐา‘ ต้องพิสูจน์ตัวเอง ยัน ทําตามหน้าที่ ปัดเกี่ยวโยงอำนาจเก่า ย้อน ‘พิชิต’ อย่าอคติ ไม่ควรท้าดวลกม.

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 รับคำร้อง 40 ส.ว. เพื่อวินิจฉัยว่า การแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมว่า ตนบรรลุผลสำเร็จในแง่ของการทำหน้าที่ ส่วนศาลจะดำเนินการ และวินิจฉัยอย่างไร เป็นอำนาจของศาล กลุ่ม 40 ส.ว.เคารพในการตัดสิน

เมื่อถามว่า คำร้องที่ยื่นให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ศาลมีมติเสียงข้างมากไม่ให้นายกฯ หยุดนั้น นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า คณะตุลาการมีคุณวุฒิตามที่กฎหมายกำหนดมาจากหลากหลายที่ เชื่อว่า คณะตุลาการ ได้พิจารณาตามประโยชน์สาธารณะ เพื่อให้การบริหารงานราชการแผ่นดินเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหากสั่งหยุดก็อาจจะมีผลกระทบ ซึ่งหากพบว่า มีความผิด คำสั่งให้ออกจากหน้าที่สามารถสั่งดำเนินการย้อนหลังได้ แม้ตอนที่เสนอ มีคำขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที ก็เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถ้ามีเหตุสงสัยว่า จะทำผิดให้สั่งยุติ ซึ่งเป็นคำขอตามบทบัญญัติ

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า คำร้องของ 40 ส.ว.ร้องให้วินิจฉัยการทำหน้าที่ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ดังนั้น ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หากมีความผิด ซึ่งนายกฯ ต้องหาหลักฐานไปชี้แจงว่า ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทำผิดกฎหมาย ศีลธรรมอันดี หรือจริยธรรม ทั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้โอกาสนายกฯ ไปแก้ข้อกล่าวหาที่ศาล ยืนยันว่า การยื่นคำร้องนี้ ไม่ได้ต้องการให้ประเทศชาติติดหล่ม แต่เป็นเรื่องที่ดีกับประเทศ ที่มีปัญหาบ้านเมืองสะดุดจากรัฐบาลไม่โปร่งใส ไม่สะอาดมากกว่า เราเห็นปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่ จึงได้ทำหน้าที่ เราเป็นผู้ชง ไม่ใช่ผู้ชี้ ควรชงปัญหาชาวบ้านให้ศาลชี้ หากนายกฯ ไม่ผิดแล้ว จะสง่างามมากขึ้น

Advertisement

เมื่อถามถึงกรณีที่นายพิชิต ระบุว่า กลุ่ม 40 ส.ว.เป็นวงจรอุบาทว์ที่จ้องโค่นล้มรัฐบาล นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า แล้วแต่จะคิด แต่ส่วนตัวไม่ได้คิดแบบนั้นเลย เป็นการอคติกับคนอื่นมากกว่า ส่วนตนชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่เข้าใจว่าใครมีหน้าที่ก็ทำหน้าที่ มันคิอกติกาประชาธิปไตย ส่วนที่ว่าเป็นขบวนการล้มรัฐบาลนั้น เป็นข้อกล่าวหา เราเห็นเนื้อหาคดี ที่ต้องให้ศาลตัดสินเพื่อความยุติธรรม ยืนยันไม่ได้อยู่ในขั้วอำนาจเก่า

เมื่อถามว่า ไม่มีขั้วอำนาจเก่าจากนายพลใช่หรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราทำด้วยซื่อสัตย์สุจริต อย่าเอาประสบการณ์ตัวเองมากล่าวหาคนอื่น

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ส่วนการลาออกของนายพิชิต ถือว่าได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ หากดูเหตุผลว่า ทำเพื่อบ้านเมือง ก็ขอชื่นชม ที่แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้องสละตำแหน่ง ส่วนการท้าดวลข้อกฎหมาย ก็ยินดี แต่ไม่ใช่วิธีการสู้คดี ไม่ควรมาดีเบตกัน มันไม่จบ ให้ใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ มีศาลหาทางข้อยุติ ให้นายพิชิตไปสู้กับศาล ตนไม่ใช่คู่กรณี เป็นแค่ผู้ทำหน้าที่ให้ศาลวินิจฉัย

Advertisement

ทั้งนี้ ยืนยันว่าตนรับคำท้า นายพิชิต แต่ไม่ใช่หน้าที่ และไม่ควรทำ สิ่งที่ควรทำคือไปชี้แจงต่อศาล ไม่ใช่จะมาเอาชนะผู้ยื่นคำร้อง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาอคติกับผู้ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งหากศาลตัดสินว่าไม่ขัดคุณสมบัติ ก็สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้สง่างาม เป็นการช่วยนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ส่วนหลักฐานที่แนบไปกับคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ การหาหลักฐานไม่ยาก สามารถหาหลักฐานจากศาลฎีกา ที่มีคําสั่งจำคุกนายพิชิต คำสั่งสภาทนายความ ที่สั่งเพิกถอนว่า มีเหตุผลอะไรบ้าง ซึ่งทั้งสองคดีเป็นคำสั่งลงโทษสูงสุด เป็นพื้นฐานสำคัญ ส่วนที่นายพิชิตระบุว่า 40 ส.ว.ที่ลงนามไปนั้น อาจจะไม่ทราบว่าตนผิดอะไรนั้น จริงๆ ทุกคนอ่านรับรู้ชัดเจน อธิบาย 1 นาที ก็เข้าใจ

เมื่อถามว่า หากคำวินิจฉัยออกมา ทำให้นายเศรษฐา ต้องหยุดทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า เป็นไปตามกลไกรัฐมนตรี เมื่อไม่มีนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็หลุดด้วย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการทิ้งทวนตำแหน่ง ส.ว. ซึ่งหากมีเรื่องร้องเรียนการแต่งตั้งโดยมิชอบ ตนก็จะทำหน้าที่จนกว่าจะมี ส.ว.ใหม่

ย้อนอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image