การจัดเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่่อ 17 มี.ค. โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ที่ประเมินสถานการณ์ผิดไม่คิดว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก การแจกบัตรผิด การแก้ปัญหาของเจ้าหน้าที่ ที่ให้ประชาชนกาบัตรไปก่อน และความขลุกขลักต่างๆ อีกมาก ก่อให้เกิดกระแสความไม่มั่นใจในการทำงานของ กกต. โดยเฉพาะต่อการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. ซึ่งคาดหมายว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก อาจจะเกิน 80% ซึ่งเท่ากับว่าจะมีคนออกมาใช้สิทธิถึง 40 ล้านคน ใน 350 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ
น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย หรือพีเน็ต ได้ออกมาเตือนว่า การเลือกตั้ง วันที่ 24 มี.ค.นี้ ฝ่ายนโยบายมีความจำเป็นต้องกำชับคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ให้ละเอียดรอบคอบเข้มงวดเป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก และตอนนี้คนซื้อเสียงเริ่มไม่มั่นใจแล้ว จึงมีการเก็บบัตรประชาชนไว้ กปน.ต้องตรวจสอบการแสดงตนของผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งต้องตรงกับบัตรประชาชนมากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันกลไกการทุจริตที่เกิดขึ้นเป็นประจำคือ การสวมสิทธิแทนกัน และการเวียนเทียน อีกทั้งควรจัดสรรพื้นที่หน่วยเลือกตั้ง เตรียมรองรับอำนวยความสะดวกประชาชนจำนวนมากให้ดีที่สุด เพื่อแก้ปัญหาความไม่สะดวกต่างๆ จากการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา น.ส.ลัดดาวัลย์ยังชี้ว่า การแจกบัตรเลือกตั้งผิดเขตนั้น โทษ กกต.ฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาจากการกำหนดวิธีการเลือกตั้ง ต่างเขตต่างเบอร์ ที่ทุกฝ่ายเคยเตือนไว้แล้วด้วย
คำเตือนจากพีเน็ต ถือเป็นเรื่องที่ กกต.จะละเลยไม่ได้ การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการแข่งขันรุนแรง และมีเดิมพันการเมืองที่หมายถึงอนาคตประเทศว่าจะเดินไปทางไหน ในทิศทางที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น หรือยังอยู่ภายใต้กลุ่มอำนาจที่ออกแบบกฎหมายและระเบียบต่างๆ เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งฝ่ายที่ต้องการรักษาอำนาจต่อไป อาจเล็งหาช่องทางบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน อย่างไรก็ตาม คนที่จะตัดสิน คือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เจตนารมณ์และความประสงค์ของประชาชนปรากฏต่อสังคม และทุกฝ่ายต้องเคารพผลที่ปรากฏออกมา
