| ที่มา | หน้า 2 มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | ขจรศักดิ์ สิริพัฒนกรชัย |
| เผยแพร่ |
หมายเหตุ – นายวราวุธ ศิลปอาชา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ “มติชน” ถึงการเตรียมความพร้อมของพรรค ชทพ. ในการสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเกิดขึ้นตามโรดแมปคือช่วงปี 2562
00 ประชาชนจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ ของ ชทพ.ในยุคที่มีวราวุธ ศิลปอาชา เป็นผู้นำ ?
พรรค ชทพ.จะรีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ มีโลโก้ใหม่ ฟอนต์ตัวหนังสือก็สั่งทำใหม่เป็นของพรรคโดยเฉพาะ เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ยกชุด โดยที่ผู้ใหญ่ของพรรคทุกคนยังคงอยู่ เป็นเหล้าใหม่ในขวดเก่าที่พวกเราภูมิใจ เพราะขวดนี้มีตำนาน ก่อร่างมาตั้งแต่ชาติไทย มาจนเป็นชาติไทยพัฒนาที่มีความหมายเป็นชาติไทยที่พัฒนาแล้ว ถือเป็นการผสมผสานระหว่างใหม่กับเก่าเข้าด้วยกัน แม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้น หลังจากที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เสียชีวิต ถือเป็นความโชคร้าย แต่ก็เป็นความโชคร้ายที่เป็นความบังเอิญที่ลงตัว เพราะผู้ใหญ่ในพรรคทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาที่ ชทพ.ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์นำคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริม
เมื่อคสช.คลายล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ เราจะเปลี่ยนโครงสร้างบริหารใหม่ คนรุ่นเก่าจะทำหน้าที่เป็นคลังสมองให้กับพวกเราคนรุ่นใหม่ เสมือนบริษัทที่จะมีประธานบอร์ด กรรมการบอร์ด ภายใต้บอร์ดก็จะมีผู้บริหาร ซีอีโอ หรือแม้แต่ผู้จัดการที่เป็นคนรุ่นใหม่ ทำงานประสานกัน คนหนุ่มมีนวัตกรรม มีความคิดริเริ่มใหม่ๆ ขณะที่คนรุ่นเก่าผ่านประวัติศาสตร์ทางการเมือง เห็นความเป็นไปในแต่ละช่วง ผ่านเกมการเมืองที่แตกต่างกันในแต่ละยุค คนเหล่านี้จะคอยเป็นเสาหลักให้คำแนะนำ เพราะความเป็นวัยรุ่นจะห้าวมาก การมีผู้ใหญ่อยู่จะช่วยชะลอความห้าวด้วยข้อคิดต่างๆได้ ดังนั้น ผมมั่นใจว่าการเมืองจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างสร้างสรรค์ต้องเอาเก่ากับใหม่มาผสมกัน การเมืองจะใช้ของใหม่ถอดด้ามอย่างเดียว บอกได้เลยว่า เจ๊ง หรือจะเอาเก่าอย่างเดียววันนี้ก็เห็นแล้วว่า เจ๊งเหมือนกัน
00 คิดอย่างไรกับคำพูดที่ว่า คนรุ่นใหม่ ชทพ.ก็เป็นพวกลูกหลานนักการเมืองรุ่นเก่าทั้งนั้น ?
แน่นอนคำว่าทายาทนักการเมืองอาจจะถูกสังคมมองว่าเป็นทายาทอสูร แต่เหรียญย่อมมี 2 ด้าน ด้านหนึ่งอาจจะมองว่าเข้ามาสืบทอดอำนาจ แต่ผมขอมองอีกด้านของเหรียญว่าพวกเราเป็นคนรุ่นใหม่ มีการศึกษาที่ดี อีกทั้งยังผ่านประสบการณ์ของคนรุ่นพ่อ อย่างผมอยู่กับนายบรรหารมาชั่วชีวิต เห็นการเมืองมาตั้งแต่เกิด กว่า 40 ปี ที่หลักการทำงานของคนในพรรคที่ยึดถือกันต่อมาอยู่ในตัวของผม ทำไมไม่มองว่านี่คือข้อได้เปรียบของทายาทนักการเมือง ชทพ.ที่สามารถทำงานให้กับประเทศชาติได้อย่างเต็มที่
00 ชทพ.ยุคใหม่จะจูงใจประชาชนในเชิงนโยบายอะไรบ้าง ?
ทุกพรรคคงเห็นเหมือนกัน โดยเฉพาะเจนเอ็กซ์กับเจนวาย ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกเป็นจำนวนหลายล้านคน โดยที่ทุกพรรคคงพยายามช่วงชิงเสียงเหล่านี้มาเป็นของตนเอง ขณะเดียวกันจะเน้นนโยบายเรื่องปัญหาปากท้อง ราคาพืชผลผลิตทางการเกษตร และความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เพราะนี่คือฐานกำลังหลักของพรรค ประชาชนที่เลือกเราคือพี่น้องเกษตรกรที่นับวันอายุมากขึ้นเรื่อยๆ โจทย์คือเราจะดูแลเขาอย่างไร ทำให้ภาคการเกษตรเข้มแข็งแข็งแรงอย่างไร เพราะถ้าพี่น้องเกษตรกรมั่นคง ส่วนอื่นๆ ของสังคมก็จะดีไปด้วย นอกจากนี้ยังมีนโยบายทางการศึกษา สาธารณสุข และการกีฬาเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะเตรียมตัวไว้ พอถึงเวลาเลือกตั้ง ได้เข้าไปทำงาน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่นโยบายที่เราหาเสียงไว้ เราก็จะฝากรัฐบาล หากได้เป็นพรรคร่วมก็จะผลักดันให้นโยบายของเราเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล
ดังนั้น บทบาทของ ชทพ.จากนี้ เราจะทำตัวให้เป็นสถาบันทางการเมือง ทำการเมืองสร้างสรรค์ จะลบภาพพจน์ของนักการเมืองในอดีต เพราะพวกเรากันเองก็เบื่อหน่ายเหมือนกัน หมดเวลากับการสร้างวาทกรรม สร้างความสะใจ สร้างเครดิตให้กับฝ่ายตนเองด้วยคำพูดอันสวยหรู เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติไปข้างหน้าได้เลย ความสะใจกันในทางการเมืองไม่ได้ทำให้ปัญหาปากท้องของพี่น้องเกษตรกรได้รับการแก้ไขได้เลย วันนี้ ชทพ.ขอเป็นองค์กรทางการเมืองที่ไม่ได้ทำงานบนความสะใจ แม้ว่าจะไม่น่าตื่นเต้นเลยในทางการเมือง แต่ผมมั่นใจว่างานเดิน ประชาชนได้ประโยชน์ นี่คือการเมืองเชิงสร้างสรรค์ในความตั้งใจของเรา
00 ตั้งเป้า ส.ส.ไว้ 30 ที่นั่งในการเลือกตั้งปี 2562 ?
พอแล้ว ขอแค่นั้นแหละ ผมอยู่กับชาติไทยมาตั้งแต่เป็นสมาชิกไม่ได้ 3 ขวบก็ช่วยพ่อเดินแจกใบปลิวแล้ว ผมเคยเห็นในสมัยที่พรรคชาติไทย ซึ่งถือว่าเป็นพรรคแรกเริ่มของพลังดูดด้วยซ้ำไป ดูดกลุ่มเทิดไทของพ่อเลี้ยง ณรงค์ วงศ์วรรณ ดูดกลุ่ม 16 เข้ามา พอเลือกตั้งได้ถึง 97 เสียง นายบรรหารได้เป็นนายกฯ แต่ไม่ได้สวยหรูเลย มีเสียงเยอะไม่ได้หมายความว่า เราเข้มแข็ง อยู่พรรคเดียวกัน แต่คนละพวกมันเหนื่อยกว่า เป็นพวกเดียวกันแล้วอยู่คนละพรรค การอยู่พรรคเดียวกันแต่คนละพวก เวลาเดินเข้าพรรคต้องใส่เสื้อเกราะนะ เพราะมิเช่นนั่นเดินออกจากพรรคจะกลายเป็นเม่นเลย เพราะมีมีดเสียบเต็มหลังเลย วันนี้ที่เราโดนพรรคอื่นมาดูดอดีต ส.ส.ของเราไป ผมก็เสียใจ จึงอยากได้กลับคืน แต่บทเรียนในวันนั้นที่ผู้หลักผู้ใหญ่ผ่านประสบการณ์มา จึงจำได้ดีว่ามันเป็นอย่างไร
ชทพ.วันนี้จึงไม่ได้เชื่อในปริมาณอีกแล้ว แต่เชื่อมั่นในคุณภาพ เอาให้มันอบอุ่นอยู่แค่นี้ มากกว่านี้อาจจะไม่สนุก ผมชอบอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ คนนั้นก็ลุง คนนี้ก็อา ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ชทพ.อาจจะมีผู้สมัครที่มากด้วยวัยวุฒิ แต่ขอว่าอย่าตัดสินคนรุ่นใหม่กันด้วยอายุ ให้ตัดสินใจกันด้วยความคิดและการกระทำ เพราะคนอายุน้อยด้วยวัยวุฒิ อาจจะมีความคิดที่เป็นไดโนเสาร์ก็ได้ สำหรับคนที่ออกไปก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นศัตรูกัน การทำงานของ ชทพ.ไม่ต้องการเป็นพรรคใหญ่ เพราะผมเองไม่ได้มีศักยภาพขนาดนั้น จะขอสู้ตามที่เราตั้งเป้าเอาไว้คือ 30 ที่นั่ง เกินกว่านี้ไม่มีความจำเป็น แต่ถ้าจะให้เล็กกว่านี้ก็ขอสู้กันสักตั้ง
00 เคยเป็นอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี วันนี้กำลังจะเป็นหัวหน้า ชทพ. ไม่คาดหวังกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบ้างหรือ ?
ไม่เคยคิด เพราะตำแหน่งใหญ่ที่สุดและภูมิใจที่สุดในชีวิต คือ ได้เป็นลูกชายนายบรรหาร ถือเป็นตำแหน่งเดียวที่กล้าทะเลาะกับนายกฯได้ (หัวเราะ) เอาจริงๆ คือ ผมเฉยๆ นะ ไม่ได้อู้ฮูกับตำแหน่ง เพราะความใหญ่หรือความสามารถของคนไม่ได้มาพร้อมกับตำแหน่ง อยู่ตรงไหน สถานะอะไร ผมก็ทำงานได้ ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ก็มาประชุม ดูแลความเดือดร้อน ทำงานด้านนิติบัญญัติให้เต็มที่ การจะทำงานให้ประเทศชาติ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ ลูกสาวคนโตของผมเป็นนักกีฬาสเก๊ตน้ำแข็งทีมชาติไทย ถือว่าทำงานให้กับประเทศชาติได้แล้ว
00 อย่างจัสติน ทรูโด นายกฯแคนาดาก็เป็นคนหนุ่มที่มีพ่อเป็นอดีตนายกฯ ไม่วางตัวเองไว้แบบนั้นบ้างหรือ ?
ถามว่าเป็นแล้วได้อะไร ขนาดต้องมาเป็นหัวหน้า ชทพ. ผมยังตกใจเลย เอาจริงๆ ก็ไม่ได้อยาก แต่ผมรู้ดีตั้งแต่เด็กจนโต คนชอบคิดว่าการเป็นลูกนายบรรหารแล้วสบาย แต่เอาเข้าจริงมันไม่สบายหรอก มันทรหดใช้ได้เลย ผมถูกเลี้ยงมาเพื่อเป็นวันนี้เพื่อให้ผมมาเป็นนักการเมืองโดยเฉพาะ เมื่อวันนี้มันถึงเวลาผมก็ไม่หนี ถึงเวลาชนก็คือชน ในสนามเลือกตั้งเราไม่เคยกลัวใคร อย่างมากก็แพ้ ชนะก็ทำงาน แต่ชนิดที่ว่าจะยอมตั้งแต่นกหวีดยังไม่ดัง ไม่ใช้ศิลปอาชาแน่นอน ที่ผ่านมาอาจจะมีสมาชิกพรรคบางคนหวั่นไหว เมื่อนายบรรหารไม่อยู่ เพราะผมอายุเพียง 45 ปีมานำพรรค อาจจะไม่มีความมั่นใจในตัวผมก็เป็นสิทธิ เราไม่ว่ากัน แต่ยืนยันได้ว่ามีออกก็ต้องมีเข้าแน่นอน
00 เพราะ ชทพ.วางตัวเองไว้แบบนี้หรือเปล่า คนทั่วไปจึงมองว่าเป็นพรรครอร่วมรัฐบาลตลอด ?
ผมว่าเราต้องดูกำลัง ศักยภาพของเรามีเท่าไหร่เรารู้ตัวเองดี คนที่เชียร์ให้กำลังใจอยากให้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเราต้องขอบคุณ แต่เราต้องเป็นในสิ่งที่เราเป็น ไม่ใช่เป็นในสิ่งที่คนอื่นอยากให้เราเป็น คนคนหนึ่งจะต้องรู้ศักยภาพของตนเอง การถ่อมตัวเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าเบ่ง มีดีอย่าไปอวด เพราะนั่นจะเรียกว่า อวดดี แปลว่า ไม่ดี ชทพ.ทำงานของเราเท่านี้ ถ้าเมื่อเลือกตั้ง มีพรรคได้จัดตั้งรัฐบาล เห็นว่าเราเหมาะสมส่งสารเทียบเชิญให้เกียรตินำนโยบายของเราเข้าไปผนวกเป็นนโยบายรัฐบาลได้ เราก็ยินดี ถ้าเข้าไปแล้วทำอะไรไม่ได้ก็พร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล ในอดีตจะเห็นได้ว่าพรรคชาติไทยคือพรรคเดียวที่เคยเป็นทั้งแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคร่วมก็หลายหน เป็นแกนนำฝ่านค้านก็เคย เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เคย โดนยุบพรรคก็เคย เจอมาหมด ดังนั้น เราไม่ได้จ้องจะเป็นรัฐบาลเพียงอย่างเดียวแน่นอน
00 มองอย่างไรกับคำว่าการเมือง 3 ก๊ก ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ให้คำจำกัดความไว้ว่า เป็นยุคของการแข่งขันระหว่าง เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และ คสช. ?
ก็เห็นด้วยครึ่งหนึ่ง สมัยหนึ่งก็เป็นการเลือกระหว่างปีกซ้ายกับปีกขวา ยุคหนึ่งก็ต้องเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ วันนี้ผมเห็นด้วยที่มี 3 ขั้วจริง แต่ถ้าจะให้ประชาชนไปเลือกให้ขาดว่าจะเอาใคร ผมต้องถามต่อไปว่า ศัตรูของศัตรูคือมิตรใช่หรือไม่ เพราะทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ประกาศไม่เอาทหารทั้งคู่ หมายความว่า ทั้ง 2 ขั้วจะจับมือกันสู้กับทหารใช่หรือเปล่า คำตอบก็คงต้องรอให้หิมะตกที่ทุ่งกุลาร้องไห้ก่อนหรือเปล่า ถึงจะมีวันนั้นได้ หรือประชาธิปัตย์กับทหารจะจับมือกันแล้วโค่นเพื่อไทยลง ก็หัวหน้าอภิสิทธิ์ก็พูดชัดแล้วว่าไม่
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า สมการทางการเมืองมีแค่ 2 ข้างเท่านั้น นั่นคือ รัฐบาลกับฝ่ายค้าน จะกี่ก๊กมันก็ต้องร่วมกันให้ได้แค่ 2 ก๊ก นอกเหนือรัฐบาลกับฝ่ายค้าน มันไม่มีฝ่ายอื่นอีก ไม่เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ก็เพื่อไทยกับทหาร หรือไม่ก็ประชาธิปัตย์ก็ต้องร่วมกับทหาร อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางอื่น นี่จึงเป็นหน้าที่ของพรรคใหญ่ที่จะต้องคิดกันให้ตกผลึก ชทพ.เป็นพรรคขนาดกลางตั้งเป้าไว้ที่ 30 ที่นั่ง พอถึงเวลาก็จะเป็น “เดอะนัมเบอร์เกม” หรือเกมตัวเลขว่า ใครจะได้เท่าไหร่บวกกันให้เกิน 300 เสียงเพื่อให้มีเสถียรภาพ มีอายุยืด ไม่อยากเลือกมาแล้ว 3-6 เดือนต้องยุบสภาแล้วตั้งใหม่กันอีก เพราะมันไม่ได้สร้างความอุ่นใจให้กับนานาอารยประเทศที่มองเข้ามาภายในประเทศเราเลย
00 มีนักวิชาการวิเคราะห์ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะเด็ดขาดออกมาโหวตเพื่อแสดงออกว่าเอาหรือไม่เอา คสช.?
ก็เป็นกระแสหนึ่งของสังคม 4 ปีมานี้ ห้วงหนึ่งทหารก็เป็นฮีโร่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีเสียงชื่นชมยินดี เพราะนักการเมืองมันเลว ถ้าในปี 2558 มีเลือกตั้งทหารอยู่พรรคไหน พรรคนั้นได้เสียงถล่มทลายแน่นอน วันนี้เวลาผ่านไปทหารบางส่วนกลายเป็นผู้ร้าย นักการเมืองถูกมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จะเลวอย่างไรก็ยังเลือกเองได้ มีวาระชัดเจน บางทีอยู่ไม่ทันครบวาระก็ต้องไปแล้ว ดังนั้น ผมคิดว่ากว่าจะมีการเลือกตั้งจริง กระแสอาจจะเปลี่ยนไปอีก วันนี้ไม่เอา คสช.ถึงเวลาเลือกตั้งอาจไม่ใช่ คสช.แล้วก็ได้ ดังนั้น การด่วนตัดสินใจนาทีนี้ว่าจะเอาหรือไม่เอาอะไรสำหรับการเมืองไทยเป็นสิ่งที่เร็วไป ช่วงหนึ่งถกเถียงกันว่าเอาไม่เอานายกฯคนนอก พอมีพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นจึงกลายมาเป็นว่า เอาไม่เอาทหาร
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเงื่อนไขที่กระแสสังคมสร้างขึ้นมันเปลี่ยนไปเรื่อย สำหรับผมวันนี้จึงยังเร็วไปที่จะพูด ถึงเวลาผมเชื่อว่าเงื่อนไขต้องเปลี่ยนไปอีกแน่นอน
อ่านต่อ : บิ๊กบอส ‘สุพรรณบุรี เอฟซี’ วราวุธ ศิลปอาชา กับความฝันใช้ ‘กีฬา’ พัฒนาคน
