แคนดิเดตส.ว. ‘กลุ่มสตรี’ ไม่ทนเหลื่อมล้ำทางเพศ อดีตเสื้อแดงขอสู้ในระบบ ‘เปลี่ยนรธน.’

แคนดิเดตส.ว. ‘กลุ่มสตรี’ ไม่ทนกดทับ-เหลื่อมล้ำทางเพศ พร้อมติดกระดุมเม็ดแรกเปลี่ยน รธน. ทวงสิทธิ ผญ.-เด็ก

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ (The Emerald Hotel) ห้องพาโนรามา ชั้น 14 เขตดินแดง กรุงเทพฯ โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน จัดงาน “แคนดิเดต ส.ว.ขอพูด” โดยได้เชิญผู้ที่ประสงค์จะสมัคร ส.ว. ชุดใหม่มาร่วมงาน เพื่อสร้างพื้นที่แนะนำตัวต่อสาธารณะ และนำเสนอความฝันที่อยากจะเห็นในฐานะผู้สมัคร ส.ว. กลุ่มละ 7 นาที เนื่องจากใกล้จะถึงวันครบวาระสมาชิกวุฒิสภาชุดพิเศษ และจะเริ่มคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชุดใหม่ 200 คน

บรรยากาศเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่หลั่งไหลเดินทางมาลงทะเบียนร่วมงานกันอย่างคึกคัก อาทิ ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ อดีตคณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นางนภัสสร บุญรีย์ หรือ ป้านก นักกิจกรรมการเมือง, นายวิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ประธานกรรมการ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน)

รวมถึง นายพิเชษฐ กลั่นชื่น ศิลปินรางวัลศิลปาธร, นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ดวงประทีป และนางศรีไพร นนทรีย์ กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิต, น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน พยาบาลอาสา, น.ส.ธนพร วิจันทร์ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บก.ประชาไท เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรชื่อดัง มาร่วมงานด้วย

Advertisement

ต่อมาเวลา 14.20 น. ได้มีการจำลองสถานการณ์การลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ว. ชุดใหม่ แบบเลือกกันเองในกลุ่ม โดยทางไอลอว์ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลกิจกรรมในครั้งนี้ได้เข้าร่วมการนับคะแนนและเพื่อเลือกตัวแทน ส.ว.ในแต่ละกลุ่มที่มีคะแนนมากที่สุดขึ้นมาแนะนำตัวบนเวทีต่อสาธารณชนเป็นเวลา 7 นาที

ในตอนหนึ่งของช่วงกิจกรรมแนะนำตัวของว่าที่ผู้สมัคร ส.ว.กลุ่มสตรี น.ส.ทิพย์อัปสร ศิวาธร กล่าวว่า ตนคือผู้หญิงคนหนึ่งที่มีบทบาทในการทำงานด้านภาคประชาสังคมมานานหลายปี ค่อนข้างจะเห็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นของผู้หญิงด้วยกัน

Advertisement

“ผู้หญิงไม่ได้มีบทบาทแค่การเป็นผู้หญิงเท่านั้น และเราไม่ได้ถูกตัดสินเพียงเพราะเพศกำเนิด เราคือผู้หญิง แต่การเป็นผู้หญิง มันคือ จิตวิญญาณ เราอยู่ในทุกๆ บทบาท อย่างเช่นใน 20 กลุ่มอาชีพที่อยู่ตรงนี้ เรามีผู้หญิงมาร่วมผลักดัน เพราะฉะนั้นการขับเคลื่อนประเทศไทยจะขาดกลุ่มพวกเราเป็นไปไม่ได้เลย เพราะพวกเราคือกำลังสำคัญ ไม่ยอมเป็นช้างเท้าหลัง แต่เราจะเดินไปด้วยกันกับทุกคน” น.ส.ทิพย์อัปสรกล่าว

น.ส.ทิพย์อัปสรกล่าวต่อไปว่า ผู้หญิงอยู่ในทุกกลุ่ม ซึ่งสังคมก็จะเกิดความเข้าใจว่าเกิดความเท่าเทียม มีการจัดสรรให้ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้วผู้หญิงไม่ได้มีบทบาทสำคัญมากขนาดนั้น

“ยกตัวอย่างเช่น สัดส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ว.) มีผู้หญิงกี่ท่าน แต่คนที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายมีผู้หญิงอยู่ในนั้นเพียงพอหรือยัง ผู้หญิงของเราถูกลิดรอนไปเยอะมาก ดังนั้นผู้หญิงและเด็กควรมีสิทธิขั้นพื้นฐานเหมือนกับคนอื่นๆ อีกทั้งกลุ่มสตรี เช่น กลุ่มพิการ ผู้หญิงสูงวัย ผู้หญิงวัยแรงงาน กลุ่มเหล่านี้ก็ยังคงเกิดความเหลื่อมล้ำอยู่” น.ส.ทิพย์อัปสรชี้

น.ส.ทิพย์อัปสรกล่าวอีกว่า เราทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตรอดอย่างปลอดภัย โดยปราศจากความหวาดกลัวว่าจะโดนความรุนแรงหรือไม่ ทำไมเราต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว เพราะฉะนั้นเมื่อเราเห็นว่าความเหลื่อมล้ำทางเพศมันเป็นรากฐานของปัญหาในประเทศเราอยู่ จึงคิดว่าทำไมผู้หญิงที่ป้องกันตนเองจากความรุนแรงถึงถูกจับ ซึ่งมีผู้หญิงหลายคนถูกจับ เพราะโดนตั้งข้อหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา ทั้งๆ ที่ เขาคือคนที่มาทำร้ายเรา รวมไปถึงทัศนคติที่สังคมมีต่อผู้หญิงที่โสด หรือผู้หญิงที่ไม่ได้มีเพศกำเนิดเป็นผู้หญิง แต่มีอัตลักษณ์ที่หลากหลาย อีกทั้งการกดทับทางสังคมที่มีต่อผู้หญิงอื่นๆ เช่น ผู้หญิงพิการ ผู้หญิงชาติพันธุ์ ผู้หญิงสูงอายุ

“ด้วยเหตุนี้ ดิฉันทำงานด้านสตรีมา 10 กว่าปี และมีน้องสาวที่พิการ และมีแม่ที่เป็นผู้หญิงเลี้ยงเดี่ยวและกำลังแก่ชราในขณะนี้ ทำให้เข้าใจสิ่งเหล่านี้มากขึ้น ดิฉันจึงมั่นใจว่าการที่ดิฉันได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ ไม่ว่าจะอยู่บนเวที หรืออยู่ตรงนี้ เรายินดีจะเป็นตัวแทนของกลุ่มสตรี ให้ได้เข้ามาเป็น ส.ว. เพื่อให้กฎหมายที่จะผ่านมือเรา ผ่านสายตาเรา มีมุมมองของสตรีในทุกๆ กลุ่ม และเราพร้อมจะทำงานกับกลุ่มอีก 19 กลุ่ม เพราะเรารู้ว่าผู้หญิง แค่มองตากันก็รู้ใจ” น.ส.ทิพย์อัปสรกล่าว

ด้าน นางอรอุมา หาญพงษ์ธรรม อดีตอินฟลูเอนเซอร์ และเคยร่วมต่อสู้ทางการเมืองกับกลุ่มคนเสื้อแดง ลงถนนในช่วงปี 2552-2553 กล่าวว่า ทำไมเราต้องนำตัวเองเข้ามาในกลุ่มสมัคร ส.ว. เพราะว่าโอกาสที่นักสู้ทางประชาธิปไตยได้มีโอกาสในการทำงานในสภานั้นเป็นเรื่องยาก ในเมื่อเขาได้เปิดโอกาสให้เราได้มีโอกาสในการทำหน้าที่เช่นนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะปล่อยผ่านไป เพราะการลงถนนต่อสู้ที่ผ่านมา ไม่ตอบโจทย์ และเราก็จะเป็นเหยื่อทางการเมือง

“ต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศนี้ปกครองโดยคน 1 เปอร์เซ็นต์ ที่ประกอบไปด้วย ขุนศึก ศักดินา นายทุน กระบวนการยุติธรรม และพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นประชาชนควรจะติดกระดุมเม็ดแรกด้วยการเข้าไปเป็น ส.ว.เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้มาจากประชาชนอย่างแท้จริง” นางอรอุมากล่าวทิ้งท้าย

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image