สุจิตต์ วงษ์เทศ : ‘ห้องเรียน’ แค่นั้นไม่พอ ต้องใช้ทั้งอุษาคเนย์ และทั้งโลก

นักศึกษาชั้นปีที่ 1 โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ พร้อมคณาจารย์ และวิทยากร ในการเดินทางภาคสนามในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ณ พระราชวังเมืองเว้ (ภาพและบรรยายภาพจาก มติชน ฉบับวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2562 หน้า 13)

“ห้องเรียนที่ท่าพระจันทร์ไม่พอ” ชาญวิทย์ เกษตรศิริ บอกนักศึกษาปีที่ 1 โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา [ซีส์] คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่ออยู่ที่เวียดนามขณะลงพื้นที่ภาคสนาม เป็นส่วนหนึ่งของวิชาสุวรรณภูมิและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สมัยโบราณ

เรื่องนี้ผมรู้เมื่ออ่านรายงาน “จากกรุงเทพฯ ถึงดานัง บันทึกเดินทาง “โครงการซีส์” เมื่อห้องเรียนที่ท่าพระจันทร์ไม่พอ” [โดย พันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร ใน มติชน ฉบับวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2562 หน้า 13]

“รู้เขา รู้เรา รู้โลก” เป็นเรื่องสำคัญมาก ช่วยลดอัตตาได้วิเศษนัก แต่การศึกษาของมหาวิทยาลัยส่วนมากเหมือนกบในกะลา (ไม่ใช่กบบนหน้ากลองทองมโหระทึก) ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ปิดตูด นักศึกษาเพื่อเพิ่มอัตตา

ห้องเรียนของทุกมหาวิทยาลัยในเมืองไทย ไม่พอต่อการเรียนประวัติศาสตร์ไทย เพราะต้องใช้ทั้งภูมิภาคอุษาคเนย์หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงจะรู้จักและเข้าใจแท้จริงต่อประวัติศาสตร์ไทย

Advertisement

จากนั้นต้องใช้ทั้งโลกเป็นห้องเรียน เพราะอุษาคเนย์เริ่มเกี่ยวข้องคนนอกอุษาคเนย์ราว 2,000 ปีมาแล้ว หรือราว พ.ศ.500 ต่อมาราว 1,500 ปีมาแล้ว หรือราว พ.ศ.1000 เกี่ยวข้องการค้าโลก เริ่มรับศาสนาสากลจากอินเดีย

อาจารย์มหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่มีการเรียนการสอนประวัติศาสตร์อุษาคเนย์โบราณ หรือโบราณคดีไทยและอุษาคเนย์ ไม่จำเป็นต้องพานักศึกษาลงพื้นที่ภาคสนามแบบ อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ที่ทำมาต่อเนื่องนับสิบๆ ปี เอาแค่ในทางวิชาการไม่ปิดกั้นความคิดนักศึกษา ไม่กีดกันความคิดต่าง และไม่มองผู้คิดต่างเป็นศัตรูก็วิเศษแล้ว

Advertisement

ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์หรือความเป็นมา ทั้งในแง่พื้นที่และในแง่ผู้คน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ได้จากอุษาคเนย์ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์หลายพันปีมาแล้ว [ยังไม่มีเส้นกั้นอาณาเขต] สืบเนื่องต่อมาไม่ขาดสายจนสมัยปัจจุบัน

แต่ประวัติศาสตร์ไทยวิปริตผิดพลาดคลาดเคลื่อน โดยกีดกันคนไม่ไทยหลายชาติพันธุ์ออกไปพ้นๆ จากความเป็นไทย เพราะหลงเชื่อว่ามีจริงเรื่อง เชื้อชาติไทย, ชนชาติไทย ตามที่เจ้าอาณานิคมครอบงำไว้นานมากกว่า 100 ปีมาแล้ว และคิดว่าตนเป็นไทยแท้ [คล้ายๆ “ไทยทั้งดุ้น”]

ทุกวันนี้หนักข้อมากขึ้นเมื่อทางการยึดถือยุคสมัยประวัติศาสตร์ไทยแบบขนมชั้น ได้แก่ สมัยทวารวดี, สมัยศรีวิชัย, สมัยลพบุรี, สมัยเชียงแสน, สมัยสุโขทัย, สมัยอยุธยา ฯลฯ

ทั้งหมดนั้นเป็นยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ศิลปะ-โบราณคดี ซึ่งเป็นมรดกจากเจ้าอาณานิคมและสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่ในความจริงทางประวัติศาสตร์สังคม, เศรษฐกิจ, การเมือง ไม่เป็นอย่างนั้น และไม่เคยมียุคสมัยแบบขนมชั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image