คอลัมน์ เดือนหงายที่ชายโขง : สี จิ้นผิง-ทรัมป์ เยือนอาเซียน เวทีประลองอำนาจ

การประชุมสุดยอดระดับผู้นำ กลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (APEC) ครั้งที่ 25 ที่เมืองดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2017 เป็นการประชุมเอเปคครั้งที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากผู้นำสูงสุดของประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่สองประเทศ คือ สี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ หัวหน้าคณะกรมการเมือง และประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา จะได้พบกันในการประชุมระดับนานาชาติครั้งแรก

สี จิ้นผิง ได้รับตำแหน่งต่ออีกสมัยหนึ่งภายหลังการประชุมใหญ่สมัชชาประชาชนพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 พร้อมทั้งยกระดับแนวคิดสี จิ้นผิงเข้าเทียบเท่า เหมาเจ๋อตุง และ เติ้งเสี่ยวผิง ด้วยการบรรจุแนวคิดหลัก 14 ข้อ เข้าสู่ธรรมนูญพรรคที่ใช้ชี้แนะแนวทางประเทศชาติ อำนาจของสี จิ้นผิงถือว่าเด็ดขาดมากกว่าที่เริ่มเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทั้งในทางอำนาจการปกครองรัฐและอำนาจทางการทหาร เมื่อผนวกกับอำนาจทางเศรษฐกิจตามแผนการ One Belt-One Road ที่สี จิ้นผิงริเริ่มขึ้น ทำให้ประธานสีมีความสำคัญทะยานขึ้นในประชาคมโลกอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ แม้จะมีปัญหากับการเมืองภายในประเทศเกี่ยวกับกรณีการสมคบกับรัสเซีย แต่ความสำคัญบนเวทีโลกยังเข้มข้น โดยเฉพาะการเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งจำเป็นต้องแก้ปัญหาร่วมกับประเทศจีนโดยตรง

ท่าทีของผู้นำสูงสุดทั้งสองประเทศ ส่งผลต่อสภาพทางการเมืองเหนือภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างมาก และการร่วมประชุมเอเปคครั้งนี้ ผู้นำทั้งสองยังมีกำหนดการเดินทางเยี่ยมเยือนประเทศต่างๆ อย่างเป็นทางการ เพื่อเจรจากับผู้นำประเทศในประเด็นสำคัญระดับทวิภาคี ได้แก่ ประธานสี จิ้นผิง จะเข้าพบ เยี่ยมชม และประชุมกับเวียดนามนอกรอบการประชุมสุดยอดเอเปค จากนั้นจะเดินทางเยี่ยมเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 12-14 พฤศจิกายน ตามคำเชิญของ ฯพณฯ บุนยัง วอละจิด ประธานประเทศลาว โดยคาดว่าจะเป็นการเจรจาเกี่ยวกับความคืบหน้าของรถไฟลาว-จีน ที่กำลังสำเร็จในความเป็นจริงเข้าไปทุกขณะ

ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ เริ่มต้นการเดินทางด้วยการพบปะกับ นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น เพื่อเจรจาเกี่ยวกับปัญหาคาบสมุทรเกาหลี โดยจะพบกับครอบครัวผู้ที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปด้วย จากนั้นจึงเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ ก่อนจะเข้าพบกับประธานสี จิ้นผิงที่กรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับแต่รับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์จะเข้าร่วมประชุมเอเปคที่เวียดนามแล้ว ปิดท้ายการเดินทางด้วยการร่วมประชุมความมั่นคงแปซิฟิกริมที่ฟิลิปปินส์เป็นจุดหมายสุดท้าย

Advertisement

เป้าหมายในการเจรจาของสี จิ้นผิงและโดนัลด์ ทรัมป์ มีความแตกต่างกันอย่างมาก ฝ่ายจีนกำลังมุ่งเน้นการแผ่ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจและการเชื่อมต่อกันผ่านการขนส่ง โดยเป้าหมายสำคัญที่เดินทางมาเยือนอย่างลาวนั้นเป็นเส้นทางในการเชื่อมโยงทางบกผ่านรถไฟเข้าสู่ประชาคมอาเซียนทางตอนใต้ของจีน ขณะที่การเยือนเอเชียของทรัมป์มุ่งหมายไปในทางความมั่นคงและปัญหาเกาหลีเหนือ โดยข้อเจรจาทางเศรษฐกิจและปัญหาการค้าเป็นเรื่องรอง

อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเดินทางของทั้งสองผู้นำไม่มีประเทศไทยในแผน ทำให้เป็นที่น่ากังขาในการวางระดับความสำคัญของทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาต่อประเทศไทยว่า ได้ลดความสำคัญและความจำเป็นลงแค่ไหน เมื่อเวียดนามและลาวที่เคยเป็นประเทศปิดและมีความสำคัญโดยตรงต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจในทะเลจีนใต้ที่เชื่อมออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ได้ยินดีเปิดรับศัตรูเก่าทั้งจีนและอเมริกาให้เข้าไปลงทุนและฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบทั้งการทหารและการเมืองแล้ว

การประลองอำนาจเหนือตะวันออกไกลของพญาอินทรีและพญามังกรผ่านการเดินทางเยือนของสองผู้นำ จึงเป็นที่น่าจับตามองและศึกษาวิเคราะห์เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของทั้งสองมหาอำนาจ ที่จะมีต่อภูมิภาคนี้ตลอดวาระการดำรงตำแหน่งซึ่งยังเหลืออีกหลายปี

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image