อาศรมมิวสิก : เด็กโรงเรียนฟ้าใสวิทยา ดอกไม้บานในดวงใจด้วยเสียงดนตรี : โดย สุกรี เจริญสุข

โครงการปลูกดอกไม้ในดวงใจ โดยมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข และผ่านการสนับสนุนของ สสส. โดยการส่งครูดนตรีเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อสอนเด็กให้เล่นดนตรี ทั้งการเรียนดนตรีและเล่นดนตรี ทั้งเรียนคนเดียวและการเล่นดนตรีเป็นวง มอบให้แก่นักเรียนที่โรงเรียนฟ้าใสวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียน (คุก) ของเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี

โครงการนี้ได้ดำเนินกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553

ร.ร.ฟ้าใสวิทยานั้น เป็น ร.ร.สำหรับเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดจากศาลเยาวชนและครอบครัวทั่วราชอาณาจักรตามคำสั่งศาลเยาวชนและครอบครัว เด็กที่ได้กระทำความผิดมีอายุไม่เกิน 18 ปี ถือว่ายังเป็นเยาวชนอยู่ จะนำไปขังคุกแบบผู้ใหญ่ไม่ได้ ต้องแยกออกมาเป็นคุกเด็ก ราชการจึงเปิดเป็น ร.ร.และเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนหนังสือ เรียนวิชาชีวิต เรียนวิชาชีพ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กออกไปมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม

ร.ร.ฟ้าใสวิทยา อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เลขที่ 109 หมู่ 2 ต.คลองโยง อ.พุทธมณฑล ออกไปทางถนนคลองโยง-บางเลน ห่างจากตลาดศาลายาไปทางทิศตะวันตก 13 กม.

Advertisement

การเล่นดนตรีและการเรียนดนตรีที่ ร.ร.ฟ้าใสวิทยานั้น ไม่ได้เป็นวิชาเรียนและไม่มีอยู่ในหลักสูตรของ ร.ร.ฟ้าใสวิทยาแต่อย่างใด ทางมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข โดยผ่านการสนับสนุนของ สสส.เข้าไปสอนดนตรีให้แก่เด็กใน ร.ร.ฟ้าใสวิทยา โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ 4 ประการด้วยกัน

ประการแรก เพื่อใช้ดนตรีเป็นเพื่อนในใจของเด็ก ให้ดนตรีเป็นหุ้นส่วนของชีวิต ประการที่สอง เพื่อใช้ดนตรีเป็นพื้นฐานและช่องทางให้เด็กได้เลือกประกอบอาชีพได้ ประการที่สาม เพื่อใช้ดนตรีจะเป็น “ยาบำบัดจิตใจ” ที่ดีให้แก่เด็ก ประการสุดท้าย เพื่อให้เด็กเรียนรู้ว่า ชีวิตนี้ยังมีความหวัง เสียงดนตรียังเป็นที่พึ่ง เสียงดนตรียังมีพลังกระตุ้นจิตใจเด็ก ดนตรีมีเสรีภาพ ดนตรีทำให้เด็กมีจินตนาการ ดนตรีทำให้เด็กมองโลกอย่างสร้างสรรค์ มองโลกในทางที่ดี เสียงดนตรีไร้ขอบเขต ไร้พรมแดน ไร้เงื่อนไข ไม่มีข้อจำกัด และที่สำคัญก็คือ ดนตรีไม่มีชนชั้น สามารถเข้าถึงทุกคนและทุกคนก็เข้าถึงดนตรีได้

คุกนั้นขังได้แต่เพียงกาย คุกไม่สามารถขังจิตใจของเด็กได้ หากเด็กใน ร.ร.ได้เรียนรู้สิ่งที่ดีขึ้น พัฒนาชีวิตได้ดีกว่า มีสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่ โรงเรียน (การศึกษา) สามารถพัฒนา สั่งสอน และกำกับกายของเด็กให้เจริญทางกายได้ ดนตรีก็จะเป็นหุ้นส่วนที่จะช่วยกำกับจิตใจเด็กในการดำเนินชีวิต ให้เกิดความรู้สึกที่ดี มีความหวังกับอนาคตที่ดีกว่าเดิม

Advertisement

ใช้ดนตรีนำทิศทางของชีวิตใหม่ให้เด็ก

การดำเนินงานฝึกอบรมดนตรีให้แก่เด็กที่ ร.ร.ฟ้าใสวิทยา (พ.ศ.2553 ถึงปัจจุบัน) เป็นโครงการพิเศษ เห็นได้ชัดว่า เมื่อเด็กได้พัฒนามากขึ้น เด็กมีโอกาสได้แสดงออก เด็กได้เล่นดนตรี ทั้งเล่นเดี่ยวและการเล่นกันเป็นวง การฝึกซ้อมโดยจัดวงดนตรีเล่นกันเอง เพื่อการประกวด (กันเอง) เด็กมีความสุขอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เด็กมีความเชื่อมั่นในตนเอง เด็กรู้ตัวว่าชีวิตยังมีความหวัง ชีวิตนี้ยังมีความหมาย แถมด้วยการประกวดดนตรีเพื่อให้ได้รางวัล ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรหากจะนับเป็นเงิน แต่รางวัลที่มีความหมายสำคัญต่อชีวิตเด็กก็คือ “การมีพื้นที่ให้ยืนในสังคม” การได้แสดงความมีตัวตน การได้รับความน่านับถือและความเชื่อมั่นในตนเอง ทำให้ชีวิตเด็กมีคุณค่า การเล่นดนตรีเป็นชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย

เด็กชายคนหนึ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรียนขับร้องประสานเสียง เล่าให้ฟังบนเวทีว่า การเรียนขับร้องทำให้เขาหายใจได้เต็มท้อง ทำให้รู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองมาก เชื่อมั่นในเสียงที่ได้ร้องออกมา ซึ่งไม่เคยเชื่อในตัวเองว่าจะทำได้ การร้องเพลงทำให้ลืมความทุกข์ที่มีอยู่ในจิตใจ มองเห็นโลกที่เบิกบานมากขึ้น “ผมมีความสุขมากที่ได้มีโอกาสร้องเพลง”

แดเนียลอายุ 19 ปี เป็นศิษย์เก่า ร.ร.ฟ้าใสวิทยา ซึ่งพ้นโทษเป็นอิสระแล้ว ได้เรียนดนตรีตั้งแต่ พ.ศ.2558 ตอนที่เริ่มเรียน แดเนียลเป็นคนที่เงียบเฉย ไม่พูด ชอบหลบมุม ไม่มองหน้าเวลาพูดกับคน พอได้เรียนดนตรี (เล่นกีตาร์) ไประยะหนึ่ง ครูสอนดนตรีสัมผัสได้เลยว่า แดเนียลนั้นมีความสามารถทางดนตรีซ่อนอยู่ในตัว ชอบร้องเพลงเพื่อชีวิตและร้องได้ไพเราะ แดเนียลเล่นกีตาร์เก่ง เวลา 1 ปีผ่านไป แดเนียลเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด กล้าพูด กล้าเปิดใจ สีหน้าและแววตาเปลี่ยนไป ดูแล้วชีวิตมีความหวัง

ดนตรีให้อะไรกับผม แดเนียลอธิบาย “สำหรับผมแล้ว ดนตรีช่วยให้เราใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำให้เราผ่อนคลายจากปัญหาต่างๆ ที่เราเจอในชีวิตประจำวัน เพราะดนตรีเป็นสื่อที่เราเข้าถึงได้ง่ายกว่า แถมช่วยเสริมสร้างสมาธิให้เราอีกด้วย เพราะในชีวิตต้องพึ่งสมาธิเพื่อคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจในการแก้ปัญหาต่างๆ หากเรามีสมาธิ สติปัญญาของเราก็จะเกิดขึ้นด้วย เมื่อสองสิ่งนี้รวมกัน (สมาธิและปัญญา) ความผิดพลาดในการตัดสินใจก็จะน้อยลง และดนตรีสามารถที่จะทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมได้ด้วย ซึ่งเล่นดนตรีหรือเรียนดนตรี มีแต่ได้”

แดเนียลอธิบายเรื่องการเรียนดนตรีเพิ่มเติมว่า “สำหรับผม ดนตรีคือโอกาสนะครับ เพราะเราได้ทำผิดพลาด ได้เข้ามาอยู่ในสถานที่จำกัดอิสระ การที่จะทำให้เราได้ออกจากที่จำกัดอิสระก็คือ การปล่อยตัวไปกับเสียงดนตรี ดนตรีนำผมออกจากที่จองจำ ซึ่งผมก็ยังโชคดีที่ได้เรียนดนตรีเพิ่มเติม เรียนดนตรีฟรี ได้เรียนจากครูที่ดี ครูตั้งใจมาสอนเต็มที่อยู่แล้ว ผมลงทุนเฉพาะการฝึกฝนตัวเองเท่านั้น ทำความเข้าใจกับดนตรี เข้าใจเทคนิคในการเล่นดนตรี ยิ่งได้มากขึ้น

อย่างที่บอกแล้วว่า เรามาจากการกระทำความผิด โอกาสที่ได้เรียนดนตรีเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่สุดยอดมาก เพราะดนตรีทำให้เรามีอิสระทางใจ ทำให้เราไม่คิดถึงสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคืออิสรภาพ ประการเดียวที่เราต้องทำคือ ตัวเราจะจดจำและนำไปใช้ หรือเราจะปล่อยให้โอกาสมันผ่านไปแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง”

สําหรับเด็กในคุกนั้น ดนตรีช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กในคุกอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะเด็กมีพื้นที่จำกัด มีชีวิตที่จำกัด หากมีสมาธิกับดนตรี ซึ่งดนตรีก็เป็นสิ่งเดียวที่เขามีในชีวิต ทำให้เด็กในคุก “เลียนแบบ ทำซ้ำ จำเร็ว”

ส่วนเด็กที่อยู่นอกคุกทั่วไป เป็นเด็กที่มีโอกาส เด็กก็ได้ทำให้โอกาสที่มีอยู่จำนวนมากตกหล่นหายไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง เพราะเด็กนอกคุกมีทางให้เลือก มีสิ่งเร้าอย่างอื่นที่ช่วยกระตุ้นชีวิตเด็กมากมาย เด็กมีโอกาสพัฒนาที่หลากหลาย ไม่จำเพาะเจาะจงที่ดนตรี เด็กนอกคุกจึงมีสมาธิสั้นและไม่ค่อยตั้งใจ ทั้งนี้ เพราะมีเรื่องที่น่าสนใจเยอะ ดนตรีกับเด็กนอกคุกทั่วไปจึงพัฒนาได้ช้ากว่า อานุภาพของพลังเสียงดนตรีจึงมีบทบาทไม่เด่นชัดนัก เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กในคุกหรือเด็กด้อยโอกาส (ในสลัม)

การที่เด็กอยู่ในคุกแล้วไม่มีอิสระมากนัก ไม่มีแรงจูงใจในสิ่งที่ดีมากมายนัก สิ่งแวดล้อมก็มีขีดจำกัด ดนตรีเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เด็กสัมผัส ความเสรีเกิดขึ้นในจิตใจ การมีพื้นที่ในใจที่ไม่มีขอบเขต สามารถที่จะสร้างจินตนาการ “โลกที่เด็กต้องการ” มีพื้นที่สำหรับการมีตัวตนอยู่ แล้วเด็กก็ย้ายความรู้สึกนึกคิด ย้ายจิตใจ ไปอยู่ในโลกจินตนาการโดยผ่านเสียงดนตรี เด็กจะพบกับความสุข พบกับความอบอุ่น ที่สำคัญก็คือ เด็กจะไม่รู้สึกว่าชีวิตนั้นอ้างว้าง ว้าเหว่ และสิ่งที่ดีได้ขาดหายไปจากชีวิต

การส่งครูไปสอนดนตรีที่ ร.ร.ฟ้าใสวิทยา เป็นโครงการเล็กๆ สำหรับคนที่ด้อยโอกาสของสังคม เด็กเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสารบบของสังคมด้วยซ้ำไป เมื่อถูกลงโทษก็เป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต แม้ว่าโทษเหล่านั้นถูกสิ่งแวดล้อมเป็นตัวกำหนด เด็กไม่มีทางเลือกและไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัว เด็กไม่มีพื้นที่ยืนในสังคม ที่น่าสนใจก็คือ เด็กไม่รู้ว่าชีวิตที่ดีเป็นอย่างไร เพราะชีวิตที่เขาเป็นอยู่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต

หากมีศิลปินวาดภาพ ศิลปินที่ทำงานศิลปะ นายช่างที่มีทักษะในการสร้างอาชีพ (ช่างไม้ ช่างปั้น ช่างวาด ช่างซ่อม) นายช่างเหล่านี้สามารถเป็นบุคคลต้นแบบให้แก่ชีวิตเด็กได้ เด็กจะโหยหาและต้องการสัมผัสของจริง ต้องการของดี ต้องการปลูกสร้างความศรัทธา สิ่งเหล่านี้เป็นที่พึ่งของเด็กได้อย่างดี ครูคนเก่งจะเป็นต้นแบบให้เด็ก ที่สำคัญก็คือ เด็กจะเข้าใจชีวิตใหม่ได้ว่า “ชีวิตฉันนั้น กำกับได้เอง”

อย่าลืมว่า ชีวิตเด็กของ ร.ร.ฟ้าใสวิทยา เป็นชีวิตที่แข็งแกร่ง ยากที่จะกะเทาะส่วนที่ฝังลึกของจิตใจภายในออกมาได้ ต้องอาศัยครูที่เก่งเท่านั้นจึงจะนำทางเด็กไปข้างหน้าได้ เด็กต้องการความเชื่อมั่นและศรัทธา เพราะการศึกษาสร้างชีวิตใหม่ ศรัทธาสร้างพรสวรรค์

ร.ร.ฟ้าใสวิทยา ดำเนินกิจการโดยความช่วยเหลือของมูลนิธิฟ้าใสให้ชีวิตใหม่ โดยมีนางดวงมาลย์ ศิลปอาชา เป็นประธาน หากมีมูลนิธิอื่น องค์กรอื่น ต้องการช่วยพัฒนาเด็ก ร.ร.ฟ้าใสวิทยาก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะส่งคนเก่งในด้านใดที่จะช่วยสร้างโอกาส “เพื่อให้เด็กได้เลียนแบบและทำซ้ำในสิ่งที่ดี”

เมื่อเด็กมีโอกาสออกไปแล้ว เด็กได้เปลี่ยนแปลงชีวิต กลายเป็นคนดีของสังคมได้ แค่นี้ก็วิเศษแล้ว

สุกรี เจริญสุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image