71 วัน จบภารกิจ ‘ยืนหยุดขัง’ ท่ามกลางคำถาม แต่ก็มี ‘คำตอบ’

71 วัน จบภารกิจ ‘ยืนหยุดขัง’ ท่ามกลางคำถาม แต่ก็มี ‘คำตอบ’
ยืนถือป้าย ‘ปล่อยเพื่อนเรา’ หน้าศาลฎีกา ภาพชินตาใน 71 วันของการเรียกร้อง

ปิดจบภารกิจลงแล้วด้วยตัวเลข 71 วัน สำหรับกิจกรรม ‘ยืนหยุดขัง’ ของกลุ่ม ‘พลเมืองโต้กลับ’ เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้ผู้ต้องหาจากการทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย นำโดย พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ สมาพันธ์ ศรีเทพ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตระหว่างการสลายการชุมนุมเสื้อแดง เมื่อปี 2553

22 มีนาคม คือวันปฐมฤกษ์ซึ่งมีผู้เริ่มต้นยืนเพียง 8 คน (และบวก 1 คนที่เข้าสมทบภายหลังเป็น 9) จนกลายเป็นหลักร้อย ผ่านพัฒนาการของรูปแบบและยุทธศาสตร์

จาก 112 นาที สู่ 1 ชั่วโมง 12 นาที จากจุดนัดหมายหน้าศาลฎีกา สู่ปฏิบัติการ ‘ดาวกระจาย’ แถมบางโอกาสมี ‘ยืนหยุดขังสัญจร’ ไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบ้าง หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกบ้าง

ศาล เรือนจำ แยกไฟแดง ดาดฟ้า ประตูหน้าบ้าน ไปจนถึงชายหาด คือสถานที่ยืนหยุดขังซึ่งไม่ว่าจะมีความแตกต่างหลากหลายอย่างไรในด้านรูปแบบ ล้วนมี 1 เป้าหมายหลักนั่นคือ ‘ปล่อยเพื่อนเรา’

Advertisement

(ย้อนอ่าน ปรากฏการณ์‘ยืนหยุดขัง’ หลากยุทธศาสตร์ 1 เป้าหมาย ‘ปล่อยเพื่อนเรา’)

อานนท์ นำภา และไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก ถูกปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน

2 มิถุนายน หลัง ชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน ได้รับการปล่อยตัวเป็นคนสุดท้าย ‘กลุ่มพลเมืองโต้กลับ’ ประกาศยุติกิจกรรม อย่างไรก็ตาม ในวันนั้นยังร่วมกัน ‘ยืนเฉยๆ’ ไม่มีการถือป้ายภาพและข้อความเรียกร้องใดๆ ดังเช่นที่เป็นมา เนื่องจากบรรลุแล้วซึ่งเป้าหมาย

อานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หนึ่งในผู้ได้รับการปล่อยตัวเป็นคนท้ายๆ มั่นใจว่าเสียงเรียกร้องจาก ‘ข้างนอก’ ส่งผลให้เขาได้คืนสู่อิสรภาพอีกครั้ง

Advertisement

ไม่ว่าการปล่อยตัวชั่วคราวจนครบทุกคนตามที่หวัง จะมาจากกระแสเรียกร้องหรือเหตุผลอื่นใด

ทว่า ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือกิจกรรมที่สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมไทย กระจายสู่กลุ่มต่างๆ ก่อเกิดกิจกรรมคล้ายคลึงกัน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด บ้างก็มาเป็นกลุ่ม บ้างก็ยืนคนเดียว บ้างก็ยืนที่บ้าน

ยืนหยุดขังสัญจร ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

วันที่มีจำนวนผู้ยืนทุบสถิติ รวมกว่า 500 ราย ตรงกับ ‘มหาสงกรานต์’ 14 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มคน ‘เดือนตุลา’ ในนาม OctDem (Octoberists for Democracy) ชักชวนกันออกมายืน

อย่างไรก็ตาม หลังภารกิจสิ้นสุด ดูเหมือนเกิด ‘คำถาม’ หลายข้อตามมา โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า เหตุใดไม่เรียกร้องปล่อยตัว ป้าอัญชัญ, แซม สาแมท และ ศุภากร (สงวนนามสกุล) ไหนจะคำถามที่ว่า พลเมืองโต้กลับ เรียกร้องให้เฉพาะ ‘เซเลบ’ หรือไม่? และทำไมไม่ยืนไล่ประยุทธ์ต่อไปเลย

นาที รุ้ง ปนัสยา เดินออกจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม

แม้แต่ พรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า จาก ‘ราษฎรมูเตลู’ หนึ่งในผู้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ยังโพสต์เฟซบุ๊กว่า มีคนมาฟ้องว่าทอดทิ้ง แซม สาแมท ซึ่งเป็นบุคคลไร้สัญชาติ โดยเจ้าตัวยืนยันว่า ไม่เคยทิ้ง แต่อยู่ระหว่างการตามหาญาติ ความตอนหนึ่งว่า

“มีคนมาฟ้องว่าพวกเราทิ้ง ‘แซม สาแมท’ คำตอบคือไม่จริง!!! ไม่มีใครทิ้งน้องแซมเลยซักคนเดียว หลังบ้านทำงานช่วยเหลือกันหนักมาก ทั้งตามหาญาติ ตามหาพ่อที่เป็นชาวไทย ซึ่งกำลังทำกันสุดความสามารถ ป.ล.อย่ามั่วเนอะ ไม่น่ารักเลย”

พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และสมยศ พฤกษาเกษมสุข ร่วมกิจกรรมยืนหยุดขัง เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม หลังได้รับการประกันตัว

ด้าน บารมี ชัยรัตน์ แห่งสมัชชาคนจน หนึ่งในคนสำคัญของกิจกรรมนี้ ก็ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กเช่นกันถึงคำถามต่างๆ นานาที่ได้รับ โดยมีคำตอบในตอนหนึ่งว่า

“ทำท่าจะไม่จบเอาง่ายๆ เพราะมีคนมาถามต่ออีกว่า ทำไมไม่ยืนยกเลิก ม.112 ต่อไปเลย ทำไมไม่ยืนไล่รัฐบาลต่อไปเลย

“หรือว่า แล้วจะทำอะไรต่อ จะมีการเคลื่อนไหวอีกไหม ขอตอบง่ายๆ นะครับ

“เป้าหมายของการยืนหยุดขังคือ ต้องการให้ปล่อยเพื่อนเรา เมื่อบรรลุจุดหมายแล้วก็จบสิ้นภารกิจครับ …ส่วนเรื่องการยกเลิก ม.112 เรื่องการขับไล่รัฐบาลก็มีคนทำเป็นหลักอยู่แล้ว …ถึงเวลาเราก็ไปร่วมกิจกรรมของเพื่อนบ้าง ไม่เห็นจะต้องเป็นผู้จัดงานทุกครั้งไปเลย ความชอบความถนัดของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน สรุปว่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้วเนาะ ถึงได้หยุดยืน ส่วนใครจะทำอะไรต่อเชิญตามสะดวกครับ”

อย่างไรก็ตาม คำถามเหล่านี้ ‘พลเมืองโต้กลับ’ เคยทำ Q&A ไว้ก่อนแล้วตั้งแต่จบกิจกรรมใหม่ๆ โดยมีคำอธิบายว่า กิจกรรมยืนหยุดขัง เรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางการเมืองที่ถูกศาลสั่งไม่ให้ประกันตัวและคุมขังไว้ในเรือนจำโดยที่ยังไม่มีการพิจารณาคดี ซึ่งขัดกับหลัก สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำตัดสิน การเรียกร้องของเราจึงไม่รวมถึงนักโทษการเมืองที่ถูกศาลตัดสินแล้ว ซึ่งจะต้องใช้กระบวนการแบบอื่นในการเรียกร้องสิทธิให้พวกเขา นอกจากนี้ ยืนยันว่าไม่ได้เรียกร้องให้เฉพาะพวกคนดัง เซเลบ แกนนำ ไม่สนใจคนตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีชื่อเสียง แต่เรียกร้องให้พรพิมลและพรชัยที่เชียงใหม่ อีกทั้งคดีล้อมรถ 5 คนด้วย

มาลัย นำภา มารดาอานนท์ นำภา และยุพิน มะณีวงศ์ มารดาไมค์ ภาณุพงศ์ ร่วมยืนเรียกร้องให้ปล่อยลูกชาย

ส่วนที่ว่า แล้วคนตัวเล็กตัวน้อย คนโนเนม ที่โดน ม.112 และติดคุกทั่วประเทศนั้น ‘พลเมืองโต้กลับ’ เปิดเผยว่า นี่คือสิ่งที่ถูกถาม และตำหนิบ่อยที่สุด แต่เมื่อย้อนถามกลับว่า คนโนเนมที่ว่านั้นคือใคร กลับไม่เคยได้รับคำตอบ สำหรับคดี ม.112 ของป้าอัญชัญมีการขึ้นศาลตัดสินไปแล้ว ถ้าจะมีการต่อสู้เพื่อให้ได้รับการปล่อยตัว นั่นหมายถึงการต่อสู้เพื่อยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งจะต้องใช้การต่อสู้ยาวนานในอีกหลายรูปแบบ คดีของ ศุภากร ก็เช่นกัน โดยในส่วนผู้ถูกฟ้องร้องคดี ม.112 ที่ยังไม่มีการตัดสินคดี เท่าที่มีอยู่ในบันทึกของศูนย์ทนายฯ ตอนนี้ ได้รับการประกันตัวแล้วทุกคน

สำหรับกรณี แซม สาแมท ยืนยันว่าไม่ได้ลืม แต่ปัญหาคือแซมเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ข้อหาหนึ่งที่แซมถูกกล่าวโทษคือเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บางคนบอกว่าสามารถทำให้แซมออกจากเรือนจำได้โดยทำให้แซมถูกเนรเทศ แต่ก่อนที่จะใช้วิธีนั้น ทางกลุ่มพลเมืองโต้กลับแสดงความคิดเห็นว่า

1.ถ้าจะให้แซมถูกเนรเทศ ถามแซมหรือยัง

2.จะให้เนรเทศไปไหน ในเมื่อแซมไม่มีสัญชาติ ถ้าเนรเทศแซมไปกัมพูชา แซมก็จะถูกจับติดคุกข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเช่นกัน ในกรณีแบบนั้นจะยิ่งเลวร้าย ทั้งยังไม่ทราบว่าแซมมีญาติมิตรอยู่ที่กัมพูชาหรือไม่ กระทั่งแซมพูดภาษาเขมรได้หรือไม่ หากเนรเทศแซมออกไป อาจกลายเป็นการฆ่าทั้งเป็น เพราะเขาจะตกไปอยู่ในบ้านเมืองที่เขาไม่รู้จักใคร พูดภาษาไม่ได้ กลายเป็นมนุษย์ไม่มีตัวตน ไม่มีสิทธิ

แต่ถ้ายังอยู่ในประเทศไทย เขายังมีเพื่อนที่รู้จักเขา มีศูนย์ทนายที่พยายามช่วยเหลือด้วยการประกาศหาพ่อแม่ของเขา มีกลุ่มต่างๆ ที่ทำงานกับนักโทษการเมืองคอยให้ความช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายในเรือนจำ การจะช่วยแซม ไม่สามารถใช้วิธีแบบยืนหยุดขัง แต่ต้องหาวิธีอื่น รวมทั้งอาจต้องหาทางประสานองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับคนไร้สัญชาติเข้ามาช่วยเหลือด้วย

ยืนหยุดขังวันที่ 71 วันสุดท้ายของกิจกรรมหน้าศาลฎีกา ไม่มีการถือรูปและป้ายเรียกร้อง เพราะบรรลุเป้าหมายแล้ว

เหล่านี้คือคำตอบ ที่ถือว่าฟังขึ้น

สำหรับกิจกรรมยืนหยุดขังในส่วนภูมิภาค ผศ.นาตยา อยู่คง อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่กล่าวได้ว่าเป็น ‘แกนนำ’ ยืนหยุดขังนครปฐม ทุกวันพุธ ระบุว่า แม้ว่ากิจกรรมยืนหยุดขัง 112 นาที จะหยุด แต่การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพ เปลี่ยนแปลงสังคมให้คนเท่ากัน สวัสดิการถ้วนหน้า คุณภาพชีวิตที่ดียังไม่ได้หยุด

และพลังของการเปลี่ยนแปลงเรียกร้องต่อสู้ทางการเมืองสังคมความเป็นธรรมมาจากราษฎร ประชาชน นักศึกษา เยาวชน วัยรุ่น คนแก่ และ LGBTQ (ผู้มีความหลากหลายทางเพศ) เพศหญิงชายรวมทั้งทุกสัญชาติเชื้อชาติ

ชมคลิปวิดีโอ
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image