แม็กซ์ แฟ็คเตอร์ ช่างเสริมสวยในราชสำนัก

www.siamrath.co.th

ในช่วงระยะที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯเยือนรัสเซียซึ่งเป็นมหามิตรของสยาม (กรกฎาคม พ.ศ.2440) ในฐานะพลเมืองของโปแลนด์ซึ่งเป็นประเทศราชของรัสเซีย แม็กซิมิเลี่ยน แฟ็คตอรอวิค์ซซึ่งอายุครบ 18 ปี ก็กำลังถูกกองทัพรัสเซียเรียกเกณฑ์ทหาร

ความตัวเล็กแกร็นนำโชคดีมาให้แม็กซ์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ช่วยให้นายจ้างและลูกค้ารักเอ็นดูเขาตลอดมาตั้งแต่เริ่มทำงานเมื่ออายุเพียงเจ็ดขวบ กองทัพรัสเซียซึ่งอุดมไปด้วยทหารรูปร่างใหญ่โต “ราวยักษ์ปักหลั่น” อย่างที่คนไทยในครั้งกระโน้นพูดกัน ไม่ต้องการใช้ไอ้เณรหนุ่มผอมผ่ายที่สูงเพียงห้าฟุตอย่างแม็กซ์ไปรบรากับข้าศึก แม็กซ์จึงถูกส่งไปทำหน้าที่บุรุษพยาบาล ได้เรียนรู้วิธีผสมยาและการใช้ยาเพิ่มเติมจากที่เคยเห็นมาแล้ว เมื่อครั้งทำงานรับใช้เภสัชกรในร้านฟาร์มาซี

เมื่อถูกปลดประจำการแล้ว เขารวบรวมเงินที่เก็บออมไว้ได้จากการทำงาน เปิดร้านเล็กๆ ที่ชานเมืองมอสโก

แม็กซ์กล้าพอที่จะนำความรู้จากร้านขายยา จากโรงละคร จากโรงผลิตวิกผมและเครื่องสำอางมารวมกันให้เป็นประโยชน์ เขาทำครีมบำรุงผิว แป้งทาหน้า รูจทาแก้ม น้ำปรุง/น้ำหอม รวมทั้งวิกผมออกขายเองในร้านนี้

Advertisement

ของทุกอย่างที่แม็กซ์ทำล้วน “แฮนด์เมด” จากบ้าน กวน-บี้-ขยี้-ขยำ อบ-รม-ต้ม-เผา ส่วนผสมต่างๆ ตามที่เห็นเหมาะสมอยู่ในครัวที่เรียกเองให้ฟังขลังว่าห้องแล็บ

ในครั้งกระโน้น ยังไม่มีกฎเกณฑ์ควบคุมผลิตภัณฑ์ ไม่มี อย. นายแม็กซิมิเลี่ยน แฟ็คตอรอวิค์ซ ผู้ไร้การศึกษา ไร้ปริญญา จึงสามารถผสมผสานความรู้ที่ได้จากประสบการณ์และไอเดียใหม่ๆ ของตนเอง ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายได้ตามสะดวก

พวกนักแสดงซึ่งรู้จักชื่อของแม็กซ์ตามเสียงปาก-ต่อ-ปากจากคณะโอเปร่า พากันมาอุดหนุน และพบว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของแม็กซ์ช่วยให้ดูดีกว่าที่เคยใช้ๆ กันมา ก็บอกต่อกันไปอีก

Advertisement

ไม่แต่เท่านั้น เมื่อพวกละครไปแสดงในรั้วในวัง บรรดาสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายพากันชอบใจวิธีการแต่งหน้าของละคร อยากจะสวยเหมือนพวกนักแสดงบ้าง แม็กซ์จึงถูกจองตัว กลายเป็น “ยิวเข้าวัง” ต้องไปแต่งหน้า แต่งผมให้เหล่าเจ้านายผู้หญิง

การปรุงโฉมแบบ “อวดส่วนดี แอบส่วนด้อย” ของแม็กซ์ทำให้ผู้หญิงทุกคนดูสวยกว่าที่เคยเป็นมาก่อน

ไม่ช้านายแม็กซิมิเลี่ยน แฟ็คตอรอวิค์ซ ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงามประจำราชสำนักอันฟู่ฟ่าแห่งรัสเซียและอิมพีเรียลแกรนด์โอเปร่าอย่างเป็นทางการ

ยิ่งทำถูกใจ-ถูกพระทัยมากขึ้นเท่าไหร่ แม็กซ์ก็ถูกล็อกตัวมากขึ้นเท่านั้น สตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายไม่อยากให้เขาไปบริการคนอื่นอีกแล้ว

อยากสวยเริ่ดอยู่พวกเดียว

เวลาที่แม็กซ์ออกจากวัง ก็จะมีทหารคุมไปเพื่อให้กลับตามกำหนด หรืออาจจะคุมเพื่อมิให้ไปแอบแต่งหน้าให้ลูกค้าคนอื่นๆ

แม็กซ์เริ่มรู้สึกเหมือนถูกจองจำ

ขนาดจะแต่งงาน เขาก็ยังต้องหลบซ่อนเป็นความลับไม่ให้ทางวังระแคะระคาย

ในที่สุดแม็กซิมิเลี่ยน แฟ็คตอรอวิค์ซ ก็สุดทนกับสภาพเมกอัพอาร์ติสต์กึ่งทาสที่ต้องเผชิญอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาตัดสินใจปลดแอกตัวเองจากราชสำนักรัสเซีย

สิ่งที่ช่วยให้แม็กซ์ตัดสินใจได้เด็ดขาด คือความทารุณโหดร้ายที่พระเจ้าซาร์และทหารของพระองค์ปฏิบัติต่อคนรัสเซียเชื้อสายยิวทุกหัวระแหง

ในช่วงระยะเวลานั้น เป็นรัชสมัยของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สอง ซึ่งเคยเสด็จฯเยือนสยามเมื่อครั้งยังทรงเป็น “ซาร์เรวิส” หรือมกุฎราชกุมารแห่งรัสเซีย ทรงเป็นเจ้าชายแสนอ่อนโยนอันเป็นที่รักของประชาชน แต่เมื่อขึ้นครองราชย์ ทรงกลับเป็นซาร์ (tsar = ผู้นำสูงสุด) ที่ปล่อยให้มีการฆ่าหมู่ ทำร้าย-ทำลายประชาชนยิ่งกว่าสมัยใดๆ ที่ผ่านมา

ราวกับจะเป็นลาง งานฉลองซาร์นิโคลัสที่สองขึ้นครองราชย์ซึ่งจัดอย่างยิ่งใหญ่ในเมืองมอสโก ทั้งเมืองตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามชนิดที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ในครั้งนั้นแม็กซ์มีอายุเพียง 15 ปี ได้เที่ยวชมเมืองอย่างไม่จุใจ เพราะต้องช่วยงานเสริมสวยและใส่วิกผมให้บรรดานักแสดงและเหล่าสตรีมีเงินทั้งหลาย

งานเริ่มขึ้นตอนเช้าที่ Jkodynka Field ซึ่งเปรียบเสมือนสนามหลวงแห่งมอสโก หลังพิธีสวมมงกุฎในขณะที่ชนชั้นสูงเฉลิมฉลองกันในอยู่ฝั่งหนึ่ง ซาร์ทรงเมตตาให้จัดอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้ประชาชนผู้ยากไร้อีกฝั่งหนึ่งของสนามซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปแทบลิบตา พสกนิกรแห่กันมามากมายจนดินของสนามถล่มเพราะทางกองทัพกลบหลุ่มบ่อไว้แค่หลวมๆ

ผู้คนเหยียบกันตายนับหมื่น ในขณะที่อีกฝั่งยังมีการฉลองต่อไป แม้แต่งานเต้นรำในช่วงค่ำก็ไม่ได้ถูกยกเลิกตามคำแนะนำของผู้ใกล้ชิดพระเจ้าซาร์

แม็กซ์จำได้ดีถึงความรู้สึกของเขาและของชาวบ้านทั่วไป ว่าชีวิตของคนธรรมดานั้นไร้ความหมายเพียงใดในสายตาผู้ปกครองประเทศ

ชนเชื้อสายยิวอย่างแม็กซ์ยิ่งไร้ความสำคัญ เพราะเป็นเป้าหมายแห่งการสังหารหมู่ (เรียกเป็นภาษารัสเซียว่า โพกรอม/pogrom) ยิ่งกว่าชนเผ่าพันธุ์อื่นใด ข่าวการตายหมู่ของชาวยิวตามหมู่บ้านโน้นหัวเมืองนั้นจะเข้าหูแม็กซ์เป็นประจำ แม็กซ์รู้อยู่เต็มอกว่าชีวิตของชาวยิวในรัสเซียนั้นเสมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายเปื่อยๆ รวมทั้งชีวิตตัวเขาครอบครัวด้วยอย่างแน่นอน

แม้บัดนี้แม็กซ์จะเป็นคนโปรดของสตรีในราชสำนัก และชีวิตดูเหมือนสุขสบาย ตามประสาผู้มีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดเจ้านาย แต่แม็กซ์ก็รู้ว่าความโชคดีนี้อาจกลายเป็นความโชคร้ายได้ในพริบตา ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เวลา และอารมณ์ของผู้เป็นนาย

แม็กซ์เป็นห่วงภรรยาและลูกน้อย ซึ่งเขาปกปิดไว้มิให้ในรั้วในวังได้ล่วงรู้ เขาอยากให้ครอบครัวได้ความมั่นคงในชีวิตที่แท้จริง ไม่ใช่ต้องมาทนอยู่ในดินแดนที่รุ่มร้อนด้วยความเกลียดชังเผ่าพันธุ์ของเขา

เขาฝันถึงอเมริกา

ระหว่างที่แม็กซ์ฝันถึงอเมริกา น่าจะเข้าไปฟังเพลงของ Chopin/โชแปง คีตกวีชาวโปแลนด์คนบ้านเดียวกับแม็กซ์ บรรเลงโดยฝีมือของ Vladimir Horowitz ยอดนักเปียโนเชื้อสายยิว-รัสเซียไปพลางๆ ก่อน

เข้า YouTube ไปฟัง Vladimir Horowitz บรรเลง

Polonaise in A flat major Op. 53 ของ Chopin ได้ที่ https://youtu.be/KZGi49Bnghs

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image