ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | พรรณราย เรือนอินทร์ |
เผยแพร่ |
นับเป็นทริปสุดพิเศษอย่างแท้จริง สำหรับรายการ ขรรค์ชัย บุนปาน-สุจิตต์ วงษ์เทศ ทอดน่องท่องเที่ยว “ตอน สมุทรสงคราม น้ำแม่กลอง เส้นทางเชื่อมสองมหาสมุทร สุดยอด Siamese Twins อิน-จัน” ในช่วงบ่ายของวันอังคารที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องด้วยได้รับเกียรติจากวิทยากรอาสุโส อย่าง ประกิต หลิมสกุล หรือ “กิเลน ประลองเชิง” คอลัมนิสต์ในตำนาน จากคอลัมน์ ชักธงรบ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งเป็นชาวแม่กลองตัวจริงเสียงจริง โดยนัดหมายกันที่วัดใหญ่ แม่กลอง อำเภอเมือง สมุทรสงคราม จุดบรรจบระหว่างแม่น้ำแม่กลอง และคลองแม่กลอง
กิเลน ประลองเชิงย้อนเล่าเรื่องราวอย่างมีสีสันโดยให้ภาพกว้างและความสำคัญของพื้นที่บริเวณดังกล่าวว่า ในอดีตจุดนี้เสมือนเป็นแลนด์มาร์ก สุนทรภู่ยังบรรยายไว้เมื่อครั้งเดินทางมาถึงคลองแม่กลองว่าสองฟากฝั่งช่างแน่นขนัด
“วันนี้เรามาด้วยถนนพระราม 2 สมัยโบราณถ้าเริ่มจากคลองด่านฝั่งธน ผ่านบ้านคุณขรรค์ชัย เชื่อมคลองมหาชัย ข้ามมาคลองสุนัขหอน มาถึงคลองแม่กลอง สุนทรภู่ยังเขียนกลอนไว้มีเนื้อหาว่า สองฝั่งคลองแน่นขนัด นี่เรายืนอยู่ในตำแหน่งที่รุ่งเรือง เฟื่องฟู เหมือนเป็นมาร์ก ฝั่งนี้คือมหาอำนาจ เสียดายที่วันนี้ร่วงโรยลงไป”
คอลัมนิสต์ดังยังเปิดลิ้นชักความทรงจำในวัยเยาว์เมื่อครั้งยังเป็นสามเณรว่า วัดใหญ่แห่งนี้ เคยมีหอไตรปลูกในสระน้ำ มีลักษณะเหมือนกุฏิยาว วันหนึ่งได้เจอหนังสือที่ตื่นเต้นมาก คือจารึกวัดโพธิ์ จึงขอยืมทางวัด แต่พระไม่ให้ยืม เพราะเกรงว่าจะหาย แต่อนุญาตให้คัดลอกได้ ตนจึงข้ามฟากมาคัดทุกวัน ตอนนั้นขรรค์ชัย และสุจิตต์ รุ่งเรือง มีชื่อเสียงแล้ว
“ต้องนั่งเรือจากวัดบ้านแหลม ข้ามฟากมานั่งคัดทุกวัน เอาสมุดมานั่งคัด กลอน กลอักษร กลบทวัดโพธิ์ ตอนนั้นคุณขรรค์ชัย คุณสุจิตต์ รุ่งเรืองเฟื่องฟูแล้ว แต่ผมยังเป็นเด็กวัดอยู่ มีคนบอกโบสถ์วัดใหญ่สวยที่สุด โตมาถึงรู้ว่าเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ ต้นตระกูลรัตนกุล เป็นผู้สร้าง ถึงหอไตรหายไปแล้วแต่ยังเหลือศาลาริมน้ำและโบสถ์ที่สวยงาม”
ด้วยความเป็นถิ่นฐานบ้านเกิด กิเลน ประลองเชิงจึงรู้เรื่องราวลึกซึ้งนอกเหนือจากตำรับตำรา โดยเฉพาะประวัติศาสตร์บอกเล่า รวมถึง “เรื่องเมาธ์” ในชุมชน
“ในโบสถ์เคยมีหลวงพ่อแก่นจันทร์ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง มีจารึกที่ฐาน ถ้าจำไม่ผิดคือมีอายุอยู่ในสมัยพระเจ้าบรมโกศ แต่หายไปสมัยหลวงพ่อสนิทเป็นเจ้าอาวาส ชาวบ้านเดินขบวนมาร้องที่กุฏิว่าไม่รักษาพระไว้ทั้งที่เป็นพระคู่เมืองสมุทรสงคราม คู่ตำบลบ้านปรก คู่วัดใหญ่ เล่นเอาพระท่านปวดร้าวไม่น้อย วันนี้ไปอยู่ไหนไม่ทราบ มีของจำลองไว้ก็ไม่เหมือน ผมทันเห็นสมัยเป็นเณร จริงๆ แล้วถ้าวัดนี้ถ้าพระไม่เข้มแข็ง น้ำมากินโบสถ์หายไปแล้ว หลวงพี่สนิทเองท่านเคยบ่นว่าเณรเอ๋ย เป็นสมภารมันลำบาก หาเงินสร้างเขื่อนเพื่อรักษาวัด นี่เป็นประเด็นที่คุณขรรค์ชัยฝากว่า หลวงต้องเข้ามาดูแล ย้อนให้เห็นความยิ่งใหญ่ของอดีต ไม่ใช่เอาไปเป็นเงินทอน”
พูดจบหันไปถาม พระชาญชัย วิชชโย เจ้าอาวาสวัดใหญ่ แม่กลอง ซึ่งได้รับอาราธนามาร่วมพูดคุยว่า “วัดนี้ไม่มีคนเอาเงินทอนมาให้ใช่ไหม?” หลวงพ่อรีบตอบ “ไม่มี” ทำเอาวงสนทนาอาวุโสครื้นเครงขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะ
หลวงพ่อยังเล่าว่า วัดใหญ่แห่งนี้เคยรุ่งโรจน์ แต่ปัจจุบันร่วงโรยลงไป หากญาติโยมอยากมาร่วมกันทำบุญ บูรณปฏิสังขรณ์ศิลปกรรมภายในวัดก็เป็นเรื่องที่ดี
จากนั้นมาถึงประเด็นแฝดสยามอิน-จัน ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ทายาทอิน-จัน ตระกูลบังเกอร์ เดินทางจากสหรัฐอเมริกามายังแม่กลอง บ้านเกิดบรรพบุรุษ คุณประกิต “สะกิด” ประเด็นที่ว่า อนุสรณ์สถานแฝดสยามอิน-จัน ที่ตำบลลาดใหญ่ ไม่ใช่จุดที่เป็นบ้านเกิดจริงๆ ของทั้งคู่
“อ่าวแม่กลองมี 2 แหลม ด้านตะวันตก เรียกแหลมใหญ่ เป็นแหลมที่มีหอยแครง อีกแหลมหนึ่งคือแหลมด้านดอนหอยหลอด บ้านเกิดของอิน-จันอยู่ด้านแหลมใหญ่ บริเวณปากคลองเรือหัก เป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงไปยี่สาร และเพชรบุรี แต่อนุสรณ์สถานกลับไปอยู่ตำบลลาดใหญ่ หรือตำบลสุนัขหอนเดิม ไกลจากบ้านเกิดอิน-จันจนจับต้นชนปลายไม่ถูก คือราวๆ 10 กม. การเอาอนุสรณ์สถานไปไว้บ้านลาดใหญ่ไกลเกินจริง ผิดฝา ผิดฝั่งมากเกินไป”
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวบอกว่าเข้าใจถึงเจตนาดี เพราะทำให้ระลึกถึง จึงขอขอบคุณที่สร้างไว้ แต่จะขอบคุณมากกว่าถ้าอย่างน้อยสร้างไว้ในฝั่งแหลมใหญ่ ถ้าขยับขยายได้ก็จะดี
มาถึงตรงนี้ สุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์เครือมติชน เสริมว่า ประวัติศาสตร์แฝดอิน-จัน ไม่ใช่เพียงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย หากแต่เป็นประวัติศาสตร์โลก เพราะแฝดสยามเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา และเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หลายแห่งทั่วโลก มีทายาทอยู่ที่สหรัฐมากมาย นี่คือเรื่องสำคัญ ทางจังหวัดควรทำมิวเซียมหรือพิพิธภัณฑ์ให้ดี ไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แต่ขอให้มีข้อมูลที่จำเป็น
ส่วนประเด็นชื่อ “แม่กลอง” นั้นมาจากภาษามอญ โดยคำว่า แม่ มาจาก เม แปลว่า ใหญ่ ส่วน โคลง หมายถึง หนทาง แม่น้ำกลองคุมการค้าข้ามสมุทรในอดีต โดยมีเขายี่สารเป็นแลนด์มาร์กก่อนเข้าแม่กลอง คำว่ายี่สาร มาจากภาษาจีนว่า อี้ซาน แปลว่า ภูเขาลูกโดด ตรงตามภูมิประเทศที่มียอดเขาโดดอยู่ปากน้ำแม่กลองใกล้ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย
สุจิตต์ยังย้ำว่า ขออย่าปล่อยให้แม่น้ำลำคลองสกปรก “เราทิ้งเส้นทางคลอง ลืมคลองไปหมด ปล่อยเน่า ทั้งคลองแม่กลอง คลองสุนัขหอน ควรแบ่งงบประมาณมาทำคลองให้สะอาด เส้นทางคมนาคมเหล่านี้มีมาแต่ยุคอยุธยา ชุมชนเก่าแก่ที่สุดของลุ่มน้ำแม่กลองอยู่ตรงตำบลโพหัก บ้านโคกพลับ เป็นทะเลโคลนตม มีคนอยู่อาศัยราว 2,500 ปีมาแล้ว โดยพื้นที่ซึ่งเป็นถนนพระราม 2 คือแนวทะเลดั้งเดิม”
ขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการ บ.มติชน จำกัด (มหาชน) ผู้ให้ความสำคัญกับแม่น้ำลำคลองอย่างจริงจังมานาน ช่วยย้ำอีกแรงว่า อยากให้หน่วยงานต่างๆ ดูแลแหล่งน้ำและภูมิทัศน์โดยรวม
“ต้องเอาใจใส่แม่น้ำลำคลอง คลองซอยย่านนี้มีเยอะ ควรดูแล ทำให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่มีถนนแล้วไม่เห็นลำคลอง ถ้าไม่เห็นแม่น้ำลำคลองเท่ากับไม่เห็นชีวิตตัวเอง ควรดูภูมิทัศน์โดยรวม แหล่งน้ำสะอาด ชีวิตก็สะอาด งอกงาม ในขณะที่ ฝรั่งพัฒนาแหล่งน้ำ เราบ้าคอนกรีต ประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เนรมิต ฟื้นฟูแหล่งน้ำทั้งนั้น” กล่าวจบยังปิดท้ายว่า สมุทรสงครามเป็นจังหวัดเล็กๆ น่ารัก คนขยันทำมาหากิน มั่นคงในพระพุทธศาสนา มีวัดเยอะ และอยู่อย่างสมบูรณ์ มีพระที่มีชื่อเสียง เป็นที่สักการะมาก เช่น หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม และหลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ เป็นต้น โดยวันนี้ตนเดินทางมาทอดน่องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จึงใส่สร้อยแขวนหลวงพ่อใจ วัดเสด็จ สมุทรสงคราม มาเพื่อความเป็นสิริมงคล
จากนั้นทั้งหมดได้พากันเดินชมสายน้ำแม่กลองอย่างสบายอารมณ์ด้วยเป็นเวลาแดดร่ม ลมพัดโชยเบาๆ เคล้าเสียงเรือหางยาวเป็นบางช่วงบางตอน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสาระและความสนุกสนานในรายการ ขรรค์ชัย บุนปาน-สุจิตต์ วงษ์เทศ ทอดน่องท่องเที่ยว ซึ่งมีเป็นประจำทุกเดือน ทริปหน้าไปไหน ต้องติดตาม!
คลิกอ่าน อิน-จัน แฝดสยาม เมืองแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ