ลูกสาวนักปฏิวัติ ‘เช เกวารา’ เปิดบันทึกความรัก-ความทรงจำ จาก ‘แม่’ ถึง ‘พ่อ’

กว่า 5 ทศวรรษแล้วกับการจากไปของ แอร์เนสโต เชเกวาราŽ นักปฏิวัติคิวบา ผู้มีบทบาทสำคัญในการช่วย ฟิเดล คาสโตร ปฏิวัติคิวบาได้สำเร็จ

เช เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1928 ที่เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา จบการศึกษาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ขณะเป็นนักศึกษาได้ออกเดินทางไปทั่วอเมริกาใต้ นั่นเองที่เขาได้พบกับประชาชนที่ยากจนและโดนกดขี่

ทำให้เชตัดสินใจเข้าร่วมกับ ขบวนการ 26 กรกฎาคมŽ และมีบทบาทสำคัญในการทำสงครามกองโจรโค่นล้ม ประธานาธิบดี ฟูลเกนซิโอ บาติสตา ผู้นำเผด็จการคิวบาได้สำเร็จ

เชขึ้นเป็นประธานธนาคารแห่งชาติคิวบา และรัฐมนตรีอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา ก่อนจะละทิ้งตำแหน่งเข้าร่วมสงครามหลายครั้งในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะที่คองโก

Advertisement

หลังช่วยนำกองกำลังปฏิวัติต่อสู้กับรัฐบาลโบลิเวีย เชถูกจับกุมพร้อมกับสมาชิกกลุ่มกบฏ และถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1967 ที่หมู่บ้านลา อิเกรา ในโบลิเวีย ด้วยวัยเพียง 39 ปี ที่ฝังศพของเชถูกเก็บเป็นความลับก่อนถูกค้นพบหลังจากนั้น 30 ปี และเคลื่อนย้ายกลับไปฝังยังสุสานที่ประเทศคิวบา

การจากไปของนักปฏิวัติและวีรบุรุษแห่งละตินอเมริกา ไม่สามารถยุติการต่อสู้เพื่อเอกราช สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคได้ กลับกันยังเป็นแรงผลักดันให้แก่คนรุ่นต่อมาให้ต่อสู้กับความอยุติธรรมจนถึงทุกวันนี้

เรื่องราวของเชยังได้รับการกล่าวขานและเขียนถึงโดยผู้คนมากมายในหลากหลายมุมมอง

Advertisement

แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เรื่องราวของเช เกวาราŽ ถูกถ่ายทอดในมุมของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งผู้มีความรักให้กับภรรยาและลูก ผ่านหนังสือ ผู้หญิงของเช: เชเกวารา ในความทรงจำของภรรยาผู้เป็นที่รักŽ (Remembering Che: My Life with Che Guevara) ที่ถ่ายทอดโดย อาเลย์ดา มาร์ช ภรรยาของ เช เกวารา จัดพิมพ์โดยความร่วมมือของสำนักพิมพ์ Golden Leaves Press และ สำนักพิมพ์ยิปซี แปลโดย เบญจมาศ วงศ์สาม ที่เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 23 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

อาเลย์ดา มาร์ช ในวัย 82 ปี แม่ของลูก 4 คน อาเลย์ดา เกวารา ลูกสาวคนโต เป็นแพทย์เหมือนกับพ่อ กามิโอ เกวารา เป็นผู้ชายคนขี้อายคล้ายกับแม่ แต่เป็นคนฉลาด และเป็นนักปฏิวัติอีกคนหนึ่ง เซเลีย เกวารา ลูกสาวคนที่ 3เป็นสัตวแพทย์ ทำงานเกี่ยวกับสัตว์น้ำ เธอเป็นคนร่าเริงและชอบร้องเพลง และ เอร์เนสโต เกวารา น้องชายคนสุดท้อง เป็นทนายความ ชอบการท่องเที่ยวด้วยรถมอเตอร์ไซค์เหมือนพ่อ เป็นคนที่ร่าเริงสดใส อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ขณะเดียวกัน เป็นคนที่มีแนวคิดเป็นนักปฏิวัติ

ครั้งนี้ อาเลย์ดา มาร์ชŽ ส่งลูกสาวคนโตของเธอกับ เช เกวาราŽ เป็นตัวแทนสนทนาทุกเรื่องราว

อาเลย์ดา เกวารา บุตรสาวเริ่มต้นด้วยประโยคแทนความรู้สึกว่า

“ถึงแม้คนภายนอกจะมองว่า เช เกวารา เป็นแบบอย่างเป็นนักปฏิวัติ เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง แต่สำหรับฉัน เช คือ คุณพ่อ”Ž อาเลย์ดากล่าวด้วยรอยยิ้ม

พร้อมเล่าย้อนว่า ตอนคุณพ่อจากคิวบาไป ฉันยังเด็กอยู่มาก จึงมีความทรงจำเพียงเล็กน้อยถึงคุณพ่อที่ไม่ได้เป็นความทรงจำที่คนอื่นเล่าให้ฟัง และปกติคุณพ่อทำงานหนักมาก แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะขอไปนอนกับคุณแม่

“คืนหนึ่งฉันนอนกอดคุณแม่ตามปกติ แล้วก็รู้สึกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งอุ้มฉันขึ้นจากเตียงเพื่อพาไปนอนที่เตียงของฉันในอีกห้องหนึ่ง ฉันรู้ว่าเป็นคุณพ่อนะแต่มันงัวเงียมาก แต่ความรู้สึกที่คุณพ่อโอบกอดและอุ้มฉันจากที่นอนมันอ่อนนุ่ม และเป็นความรู้สึกที่ฉันยังจดจำได้จนถึงทุกวันนี้ (ยิ้ม)Ž”

อาเลย์ดายังพูดถึงหนังสือเล่มนี้ว่า เมื่อคุณพ่อจากไปคุณแม่ได้สร้างกำแพงขึ้นมา เพื่อปกป้องความทรงจำเหล่านั้น ดังนั้นการที่แม่ตัดสินใจเขียนหนังสือเล่มนี้ เปรียบได้กับการที่คุณแม่ทลายกำแพงที่ปิดกั้นความทรงจำเหล่านั้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

คุณแม่ใช้เวลานานแค่ไหนถึงตัดสินใจเขียนหนังสือเล่มนี้?

ใช้เวลานานมาก ก่อนหน้ามีคนติดต่อมาให้เขียนเป็นสคริปต์หนังด้วยซ้ำในตอนแรก แต่คุณแม่รู้สึกสะดวกใจมากกว่าที่จะเขียนออกมาเป็นรูปแบบหนังสือ

การถ่ายทอดของแม่ถึงพ่อเป็นอย่างไร?

ตอนที่ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จะนึกถึงเพลงหนึ่งเสมอ เพลงนั้นมีความหมายว่า เมื่อดวงตาของคนที่เรารักลืมขึ้นมาจะเหมือนกับแสงไฟหรือแสงดวงดาวที่ตื่นขึ้นมาด้วย แต่เมื่อดวงตาคนรักนั้นปิดลงก็เหมือนกับแสงพระอาทิตย์ที่ตกในตอนเย็น คุณแม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องราวความรักที่มีคุณค่ามาก

ทุกคนจะเห็นภาพคุณพ่อเป็นนักรบ เป็นนักปฏิวัติ แต่ความจริงแล้วคนที่จะมาทำงานนี้ได้ เป็นคนที่มีความโรแมนติกเเละมีความรักเพื่อผู้อื่น

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วรู้จักคุณพ่อเยอะขึ้นไหม?

แน่นอนค่ะ ฉันร้องไห้เยอะมาก ในเล่มนี้ทุกคนจะได้รู้จักเชที่มีความเป็นมนุษย์ มีความผิดพลาด มีข้อบกพร่องเหมือนกับมนุษย์ทุกคน

มีเรื่องไหนบ้างไหม ที่ไม่เคยรู้มาก่อนจนได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้?

มีหลายเรื่องราวที่ฉันได้รู้เป็นครั้งแรก เช่น ตอนที่คุณแม่สูญเสียลูกคนแรกไป รวมถึงความสัมพันธ์หรือโมเมนต์แรกที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับคุณพ่อ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย จนได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้

มีครั้งหนึ่ง เช เกวารา ปลอมตัวมาหาก่อนลาครอบครัวด้วย?

ตอนคุณพ่อเสร็จสิ้นภารกิจที่คองโกท่านพูดไว้ว่าจะไม่กลับมาที่คิวบา แต่ฟิเดลเป็นคนยืนยันให้กลับ คุณพ่อเลยตัดสินใจกลับมาในแบบที่ไม่มีใครรู้ แล้วตอนที่จะออกจากคิวบาก็อยากจะมาบอกลากับครอบครัว ตอนที่ฉันเจอกับคุณพ่อก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร นึกว่าเป็นเพื่อนของคุณพ่อ

แต่ด้วยการกระทำและสิ่งที่แสดงออกมา ทำให้รู้สึกถึงความรักที่ผู้ชายคนนี้มีให้ เขาสื่อสารออกมาผ่านการกระทำ มันเป็นความรักที่พิเศษ ฉันเลยบอกกับคุณแม่ว่า คุณแม่ ผู้ชายคนนั้นเขาตกหลุมรักหนูŽ เพราะรู้สึกได้ถึงความรักที่ผู้ชายคนนั้นมีให้จริงๆ

หลังจาก เช เกวารา เสียชีวิต ครอบครัวเป็นอย่างไร?

อย่างที่ทุกคนทราบกันคือคุณพ่อเป็นที่รักของคนคิวบามาก หลังเสียชีวิตก็มีกลุ่มคนที่มีแนวความคิดที่หลากหลาย มีทั้งคนที่ออกมาปกป้องแบบสุดชีวิต ไม่ให้มีอะไรมา

กระทบกับครอบครัวเราเลย และคนที่บอกว่าฉันเป็นลูกหลานชาวคิวบาคนหนึ่ง ไม่ได้มีความพิเศษอะไร แต่จะมีคนอยู่คนหนึ่งที่พยายามทำให้ฉันและน้องๆ ไม่รู้สึกหลงไปตามสิ่งเหล่านี้ก็คือ คุณแม่ ท่านจะพยายามดูแล ควบคุม จัดการชีวิตให้ดำเนินไปอย่างปกติ

แสดงว่ามีความพยายามให้อภิสิทธิ์บางอย่าง?

แน่นอนค่ะ ก็มีเพื่อนๆ ของคุณพ่อบางท่านที่รู้ว่าการสูญเสียคุณพ่อไปไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็คืออยากจะหาสิ่งที่เป็นเหมือนวัตถุมาช่วยให้ชีวิตครอบครัวสบายขึ้น แต่ก็มีคุณแม่คอยปรามเรื่องนี้ตลอด

การเป็นลูกของ เช เกวารา ทำให้แตกต่างจากเด็กคิวบาคนอื่นหรือไม่ ทั้งการใช้ชีวิตและมุมมองทางการเมือง?

ไม่เลย ชีวิตเหมือนกันกับเด็กคิวบาทั่วไป ที่เติบโตมาแล้วก็เห็นถึงสภาพความเป็นจริงของสังคมที่เป็นอยู่แล้วก็ดำเนินตามแบบที่มันเป็นมา ไม่ได้รู้สึกว่ามันพิเศษอะไร

อาเลย์ดา มาร์ช พูดถึง เช เกวารา ให้ฟังบ่อยไหม?

คุณแม่เล่าเรื่องของคุณพ่อให้ฟังเสมอ พูดถึงคุณพ่อในแง่ที่เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง เป็นนักปฏิวัติ เป็นผู้ชายที่มีเกียรติ แต่คุณแม่จะไม่พูดถึงคุณพ่อในแง่ที่เข้าถึงยากหรือเป็นคนเข้าใจยากเลย คุณแม่พูดให้พวกเรารู้สึกว่าคุณพ่อเป็นคนที่น่าเป็นแบบอย่าง

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง มองผู้หญิงของ เช เกวารา ยังไง?

ผู้หญิงของเช คือเเม่ของฉัน แม่เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญและเเข็งแกร่งมาก แล้วเชหลงรักคุณแม่ไม่ใช่ที่ความสวยงาม หรือรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นความกล้าหาญที่อยู่ข้างใน ที่คิวบามีประโยคที่พูดว่าเบื้องหลังของชายที่ยิ่งใหญ่ มักจะมีผู้หญิงเคียงข้างอยู่เสมอ และฉันก็เชื่อว่าจะต้องเป็นผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่และผู้หญิงที่อยู่ข้างเช คือคุณแม่ของฉัน

ส่วนตัวมอง เช เกวารา อย่างไร?

มี 3 เรื่องที่เห็นชัดเจน คือ 1.เป็นคนที่คิดถึงคนอื่นเสมอ 2.เป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องวัตถุ 3.พยายามทำตัวเองให้เกิดประโยชน์ต่อคนอื่นเสมอ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฉันมองเห็นได้ชัดเจน

ในฐานะหัวหน้าทหาร ถ้าเห็นลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชารองเท้าขาด คุณพ่อจะเป็นคนประเภทที่สามารถถอดรองเท้าของตัวเองให้ลูกน้องได้โดยที่ไม่คิดอะไรเลย ซึ่งตอนที่พบศพตรงกระดูกส่วนเท้าถูกพันด้วยพืช ไม่มีรองเท้าใส่ สื่อให้เห็นว่าแม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิตก็ยังนึกถึงคนอื่น

เขายังเป็นหัวหน้าที่จะไม่สั่งให้ลูกน้องทำในสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ เขาจะทำเช่นเดียวกับที่ลูกน้องทำ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี แต่ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของเชก็ยังระลึกถึงอยู่เสมอมา

เรียนรู้สิ่งใดจาก เช เกวารา?

เป็นเรื่องความผูกพันบางอย่างกับประเทศคิวบา ฉันได้รับความรักยิ่งใหญ่จากคนคิวบา คุณพ่อ คุณแม่สอนเสมอให้ทำสิ่งที่สามารถตอบแทนสังคมได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฉันทำได้คือได้การตอบแทนประเทศของฉัน เป็นสิ่งที่ตอบได้ว่าฉันเรียนรู้อะไรจากสิ่งที่คุณพ่อทำไว้

ปัจจุบัน เช เกวารา ยังมีอิทธิพลกับคนคิวบามากน้อยแค่ไหน?

แน่นอนค่ะ เชยังมีอิทธิพลกับคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ คนคิวบามีความรักอย่างมากมายให้กับเช วัยรุ่นส่วนมากในคิวบาจะมองเชเป็นตัวอย่าง และได้รับอิทธิพลมาจากเชเยอะมาก ซึ่งฟิเดลเคยพูดไว้ว่า การจะสอนคนให้ดูตัวอย่างจากเช เลยเหมือนเชเป็นแบบอย่างให้กับคนคิวบา

ถ้า เช เกวารา ยังอยู่จะเป็นอย่างไร?

อย่างแรกคือ เชจะอยู่กับผู้คนของเขาเสมอ และจะหาทางแก้ปัญหาให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เชเป็นผู้ที่ชอบวิพากษ์ แต่จะไม่วิจารณ์สิ่งที่รู้ว่าตัวเองจะไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้นถ้าตอนนี้คุณพ่อมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าจะหาวิธีการจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศละตินอเมริกาอย่างแน่นอน

ปัญหาสำคัญของคิวบาในตอนนี้คือ?

การแซงก์ชั่นของสหรัฐอเมริกา เป็นปัญหาที่หนักที่สุดและรุนแรงที่สุดในคิวบา ถ้าวันนี้ยุติการแซงก์ชั่นคิวบา แน่นอนว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาปัญหาต่างๆ จะหายไปอย่างมากมาย

หลายคนคงทราบนโยบายทางเศรษฐกิจที่สหรัฐมีต่อคิวบามาตลอด แต่ถ้าไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นจะไม่เห็นเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างจากนโยบายนี้ เช่นถ้าดูภาพแผนที่โลกคิวบากับนิวซีแลนด์อยู่ห่างคนละทวีป แต่พวกเราต้องไปหานมผงสำหรับเด็กทารกที่นิวซีแลนด์ เพราะไม่มีใครขายนมผงให้กับเราเลย ขณะที่อเมริกาเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกนมผง

ถ้าสหรัฐไม่อยากทำการค้ากับเรา เราก็เข้าใจ ที่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องกีดกันประเทศอื่นไม่ให้ค้าขายและไม่ให้ช่วยเหลือคิวบาด้วย พวกเราต้องเดินทางไปถึงนิวซีแลนด์เพื่อจะหานมผงซึ่งราคาในการเดินทางสูง เพราะตามกฎหมายของการแซงก์ชั่น คือถ้ามีเรือขนส่งไปรับของมาส่งที่คิวบา จะไม่สามารถเข้าไปที่ท่าเรือในสหรัฐได้ 6 เดือน ทำให้เราต้องจ่ายเงินให้กับเรือมากกว่าราคาเดิม 3-4 เท่า เพื่อที่เจ้าของเรือนำมาส่งให้คิวบาได้

ทุกท่านลองนึกตามว่า ถ้านโยบายแซงก์ชั่นหายไป เราจะเก็บเงินเพิ่มได้มากอีกเท่าไหร่กัน แล้วพวกเราสามารถนำเงินตรงนี้ไปพัฒนาประเทศได้อีกมากแค่ไหน

คิดว่า เช เกวารา แก้ปัญหานี้ได้ไหม?

เชไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ คนที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือรัฐบาลสหรัฐ เพราะเป็นคนเริ่มแซงก์ชั่นคิวบา จึงเป็นคนที่จะยกเลิกได้ สิ่งที่เราต้องการคือแรงกดจากทุกประเทศทั่วโลก ส่งแรงให้สหรัฐ รู้สักทีว่าเขาควรยกเลิกนโยบายนี้

ฉันคงบอกไม่ได้ว่าอีกนานเท่าไหร่จะแก้ปัญหาได้ ที่แล้วมาผู้นำสหรัฐมักจะให้ข่าวในลักษณะที่ประเทศต่างๆ ในกลุ่มละตินอเมริกามีปัญหา ซึ่งเหมือนการทำลายความเชื่อมั่น แล้วไม่ใช่แค่กลุ่มนี้เท่านั้น ยังรวมถึงกลุ่มตะวันออกกลาง เกาหลีเหนือ และซีเรีย ทุกประเทศเหล่านี้ล้วนได้รับผลกระทบจากสหรัฐซึ่งถือเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของมนุษยชาติ

มองอย่างไรที่รูปถ่ายของ เช เกวารา ถูกนำไปใช้ในรูปแบบต่างๆ เช่นบนเสื้อ?

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่รูปภาพของเช จะถูกนำไปใช้ในรูปแบบต่างๆ เเต่ถ้าเปรียบเทียบได้เหมือนกับการยิงหนังสติ๊ก เวลาที่ยิงออกไปมันจะมีแรงเหวี่ยงที่ทำให้เกิดคลื่นอย่างอื่นขึ้น เช่นเดียวกันการใช้รูปภาพของเช มันทำให้เด็กรุ่นใหม่อยากรู้จักเชและอยากที่จะศึกษา ฉันจึงมองว่าไม่ใช่สิ่งที่เสียหายอะไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image