ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ธันยกานต์ เรืองวุฒิ, นริศรา ตุลยะนันทน์ |
เผยแพร่ |
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฟนและโลกของอินเตอร์เน็ต กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ไปแล้ว ไม่ว่าจะยืน นอน นั่ง เดิน หรือกินข้าว ใครๆ ก็ต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์อยู่ตลอดเวลา
เมื่อโลกก้าวสู่สังคมแห่งการสื่อสาร ใครๆ ก็คงไม่สามารถออกห่างจากโลนออนไลน์ได้อย่างสิ้นเชิง
จึงไม่ใช่เรื่องเเปลกที่จะเกิดการเสพติดการใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ อย่าง เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ฯลฯ และจำเป็นที่จะต้องมีการบันทึกเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่เป็นรูปภาพหรือภาพเคลื่อนไหว โดยอาจจะลืมนึกไปว่าการกระทำนั้นๆ จะส่งผลกระทบต่อตนเองหรือคนรอบข้างอย่างไร
กระทั่งบางครั้งอาจจะมีอันตรายตามมาจากการโพสต์เรื่องราวและเช็คอินในสถานที่ต่างๆ ระบุว่าตัวเองกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน โดยที่ไม่มีการคำนึงถึงความปลอดภัยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันยังมีสิ่งเร้าหรือความบันเทิงอีกจำนวนมากที่เปลี่ยนเเปลงพฤติกรรมของคนในสังคม เช่น เกิดการเสพติด ซึ่งเป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในปัจจุบันให้ติดอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์จนให้ความสำคัญกับสิ่งรอบข้างน้อยลง
เรื่องราวเหล่านี้กำลังถูกตีเเผ่ผ่านงานนิทรรศการ ชอบก็ไลค์ ใช่ก็แชร์ สะท้อนมุมมองของ ลำพู กันเสนาะ ศิลปินผู้วาดงานศิลปะที่มีต่อสังคมในยุคปัจจุบัน ซึ่งในช่วงย่ำค่ำของเมื่อวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ได้มีการจัดงานเปิดตัวนิทรรศการอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยเเล้ว ที่หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล (ถนนบรมราชชนนี) มีแฟนคลับเเละบุคคลสำคัญในเเวดวงศิลปะเข้าร่วมจำนวนมาก
ศาสตราจารย์ถาวร โกอุดมวิทย์ ประธานเปิดงานนิทรรศการ บอกว่า ลำพูเป็นศิลปินหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดตอนนี้ มีหลายคนที่พูดถึงเธอในมิติเชิงบวกว่าเป็นคนที่หาตัวจับยากมากในแง่ของฝีไม้ลายมือ แต่ส่วนตัวคิดว่าฝีไม้ลายมือไม่สำคัญเท่ากับแนวคิดและวิธีคิด ซึ่งเธอเป็นคนที่สามารถจับความรู้สึก สถานการณ์แล้วก็อารมณ์การแสดงออกได้ดีเยี่ยม
ขณะที่ พงษ์ชัย จินดาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายขายการตลาดกลุ่มบริษัท จินดาสุข คอมเมอร์เชียล และผู้อำนวยการเขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียม ผู้ร่วมเปิดงานครั้งนี้ บอกว่า รู้จักกับลำพูมาได้ 10 ปีแล้ว เเละตามสะสมงานมาตลอด เหตุผลหลักก็เพราะว่างานของลำพูเป็นงานที่ได้ดูเมื่อไหร่ก็รู้สึกสบายใจ มีความสุข
“ลำพูมีความสามารถมีฝีไม้ลายมือหรือวิธีการที่ใช้สะท้อนสังคมในแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นก็ให้ทั้งประโยชน์และความรู้ในการเก็บสะสม” พงษ์ชัยกล่าว
สำหรับ ชอบก็ไลค์ ใช่ก็แชร์ เป็นนิทรรศการบอกเล่าเรื่องของสังคมในปัจจุบัน ทั้งยังสื่อความหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนเป็นปัจจัยที่ 5 และการสื่อสารในโลกออนไลน์ของคนในสังคม สะท้อนให้เห็นว่าทุกวันนี้ผู้คนติดโลกโซเชียลมากขนาดไหน
ลำพูเล่าว่า ปีนี้เป็นปีที่ 10 ที่ได้ร่วมงานกับอาร์เดล ปีแรกก็คือปี 2009 ซึ่งมีคุณพงษ์ชัยเป็นประธานเปิดในครั้งแรกเหมือนกัน ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามและก็ชอบผลงานมาโดยตลอด
เมื่อถามถึงความเป็นมาของงาน “ชอบก็ไลค์ ใช่ก็แชร์” ว่ามีที่มาจากอะไร ลำพูบอกว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากปัจจุบัน เราอยู่ในยุคนี้ที่ทุกคนเล่นโทรศัพท์แล้วก็ติดโลกออนไลน์มากๆ รวมทั้งตัวเราเองด้วยตั้งแต่มีโทรศัพท์มีเฟซบุ๊กก็เหมือนเราให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นๆ น้อยลงไป เวลาที่เล่นก็จะเล่นนานมากๆ บางวันตั้งใจจะดูแค่แป๊บเดียวแต่กลับกลายเป็น 3 ชั่วโมง
“ข้อมูลเหล่านี้อยู่รอบตัวเราหมดเลย ซึ่งภาพทั้งหมดที่เรานำมาจัดแสดงใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เริ่มทำตั้งแต่เดือนกันยายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งแต่ละรูปก็ได้แนวคิดมากจากเพื่อนบ้าง จากในเฟซ บุ๊กหรือเด็กๆ ที่เราเคยเจอในสังคมปัจจุบันของเรา”
ศิลปินสาวบอกอีกว่า รูปแต่ละรูปจริงๆ แล้วเราอยากจะพูดถึงเรื่องการไม่ถูกกาลเทศะ แต่เราก็ไม่ได้อยากว่าตรงๆ ปล่อยให้คนคิดเอง เช่น รูปบ้านไฟไหม้ถ้าเป็นพวกเราก็จะถ่ายรูปเอาไว้หรือบางคนก็อาจจะเซลฟี่ไว้เหมือนกัน เราก็จะให้คนคิดเองว่ามันเหมาะสมกับสถานการณ์ที่บ้านไฟไหม้ไหม เขาทุกข์ร้อนอยู่แต่เรายังจะถ่ายรูปเล่น ชูมินิฮาร์ทยิ้มแย้ม ทั้งๆ ที่เขาเดือดร้อนอยู่ได้ไหม
จุดนี้เอง ลำพูจึงสะท้อนความคิดผ่านภาพวาด โดยสื่อถึงแง่มุมของความเหมาะสมเเละเรื่องของกาลเทศะในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างน่าชวนคิด
ทั้งการเซลฟี่ผิดที่ การใช้สมาร์ทโฟนในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการไม่ระมัดระวังในการใช้โซเชียลมีเดียต่างๆ ในทางที่ผิด รวมไปถึงการเลี้ยงดูเด็กในสมัยนี้ที่มีการปล่อยให้เด็กใช้สมาร์ทโฟนโดยที่ไม่มีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำ
ภายในงานประกอบไปด้วยผลงานภาพจิตรกรรมที่สร้างสรรค์โดยสีน้ำมันบนผ้าลินิน ทั้งหมด 26 รูปภาพ ภาพแกะสลักไม้ 3 ภาพ รวมไปถึงรูปปั้นหล่อสำริดอีก 1 ชิ้น ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นก็มีการสื่อความหมายที่ชัดเจน
บางสถานการณ์ก็คล้ายจะเป็นเรื่องตลกร้าย เช่น ในภาพที่ชื่อว่า ก็คอมันแห้ง เด็กชายที่เอาแต่ก้มมองหน้าจอจนไม่ได้สังเกตว่าตัวเองหยิบแก้วอะไรมาดื่ม หรือภาพที่ชื่อว่า ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น เป็นภาพที่เณรรูปหนึ่งกำลังเซลฟี่รูปตัวเองที่แสดงอากัปกิริยาต่างๆ
ขณะที่บางสถานการณ์ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายเนื่องจากความประมาทอย่างในภาพ ไลค์ทัก ที่มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังขับขี่มอเตอร์ไซค์ และยกส้นเท้าขึ้นมาที่พวงมาลัย พร้อมเล่นโทรศัพท์ไปด้วย หรือภาพ เมล์นรก ที่ปรากฏความวุ่นวายของผู้คนบนรถโดยสารสาธารณะที่คนขับกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ผู้โดยสารอยู่ในสภาพตื่นตกใจ เเต่ก็ยังไม่ลืมโพสต์เฟซบุ๊ก เเละไลฟ์สดเหตุการณ์ไปด้วย
ในมุมของศิลปินเมื่อให้เลือกรูปที่ชอบมากที่สุด ลำพูได้เลือกภาพ เสียใจด้วยนะคะ – I am so Sorry about Your Son และรูป ถ่ายกับเจ้าภาพ – Can I Take a Photo with You?
พร้อมให้เหตุผลว่า เนื่องจาก 2 รูปนี้เป็นรูปชุดงานศพ ดูเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแต่พอมีคนมาเซลฟี่ถ่ายรูปมันเลยกลายเป็นเรื่องสนุกสนานไปเลย แต่ถ้าเป็นในโลกจริงๆ ถ้าเราทำแบบนี้มันก็ดูไม่เหมาะสมอยู่แล้วไม่ถูกกาลเทศะ
ลำพูทิ้งท้ายด้วยว่า ส่วนตัวแล้วไม่เคยมั่นใจ แต่พองานได้เผยแพร่ออกไปตามสื่อต่างๆ ถึงได้รู้ว่ามีคนให้ความสนใจผลงานนี้เยอะมากๆ เลยรู้สึกว่ามันไปถึงทุกคนจริงๆ บางเรื่องที่เราวาดทุกคนอาจจะเคยเห็นเคยเจอ บางคนอาจจะเคยทำก็ได้ จึงอยากเชิญชวนให้เข้าชมนิทรรศการนี้กัน
ทั้งนี้ นิทรรศการ ชอบก็ไลค์ ใช่ก็แชร์ ประกอบด้วยห้องที่จัดแสดงผลงานภาพวาด 2 โซนด้วยกัน ยังมีภาพแกะสลักไม้ทั้ง 3 รูปก็เป็นผลงานที่มาจากภาพจิตรกรรมและถูกพัฒนามาให้เป็นภาพแกะสลักไม้จากภาพที่ชื่อว่า อนุโมทนา, เมล์นรก, อย่าเข้ามานะ ส่วนรูปปั้นหล่อสำริดก็เป็นรูปปั้นที่ถูกพัฒนามาทั้งจากภาพจิตรกรรมและภาพแกะสลักไม้จากภาพ อนุโมทนา ที่เป็นชายคนหนึ่งใช้ปลายเท้าคีบไม้เซลฟี่ไว้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและสนใจผลงานศิลปะสะท้อนสังคม สามารถเดินทางเข้ารับชมได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 17 มีนาคม ที่หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล (ถนนบรมราชชนนี) วันอังคารถึงเสาร์ ตั้งเเต่เวลา 10.30-19.00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 10.30-17.30 น. งานนี้เข้าชมฟรีตลอดการจัดงาน