การทำ Digital Marketing หรือการตลาดออนไลน์นั้น เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหลายๆ เจ้า กำลังให้ความสนใจ และใช้งบประมาณไปกับการทำ Digital Marketing ไปในจำนวนไม่น้อย เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจได้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมทั้งการสร้าง Brand Awareness ให้กับคนอื่นๆ เพื่อสร้างลูกค้าเพิ่ม สามารถเพิ่มผลกำไรและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวธุรกิจได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างย่อมมีสองด้าน ดังเช่นวลีที่ว่า “เหรียญยังมีสองด้าน” เมื่อมีด้านด้านดี ก็ต้องมีอีกด้านที่อาจเป็นโทษได้ เพราะทุกอย่างควรดำเนินอยู่บนความพอดี การทำ Digital Marketing ก็เช่นกัน วันนี้ SEO Company Thailand จึงขอแบ่งปันแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังทำ Digital Marketing โดยจะกล่าวถึงเรื่องที่ควรระวัง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำการตลาดออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น กลบจุดบอดให้ลดน้อยลง
SEO Company Thailand ขอแนะ คิดจะทำ Digital Marketing ต้องระวังอะไรบ้าง?
1.ไม่มีเอกลักษณ์ของแบรนด์
จุดที่ไม่ควรมองข้ามที่สุดคือ “เอกลักษณ์ของแบรนด์” หรือจุดที่ทำให้ลูกค้า, กลุ่มเป้าหมายจดจำได้ หากไม่มีการสร้างจุดที่น่าสนใจหรือตัวตนที่สามารถสื่อสารถึงแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ก็จะทำให้ตัวสินค้าหรือแบรนด์ไม่ได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะลดน้อยลง โดยสิ่งที่ควรกำหนดให้ชัดเจนก่อนเริ่มทำ Digital Marketing ในขั้นต่อๆ ไปก็คือ
- กำหนดกลุ่มเป้าหมาย – เมื่อต้องการจะนำเสนอสินค้าใดๆ ต้องคิดมาก่อนว่า ต้องการจำหน่ายให้ใคร หรือต้องการให้ใครเข้าถึงสินค้าชิ้นนี้บ้าง เพศใด ช่วงอายุเท่าใด อยู่ที่ใด มีความสนใจด้านใด เมื่อตัวสินค้าเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าน่าจะสนใจสินค้า ก็จะเกิดประสิทธิภาพในการสื่อสารที่ตรงจุด เกิดผลดีมากกว่า
- ความแตกต่าง – จุดที่แตกต่างจากสินค้าอื่นๆ เป็นการสื่อสารไปยังผู้บริโภคว่า “ทำไมจึงควรจ่ายเงินให้กับสินค้านี้” ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทำ Marketing ต้องทำความเข้าใจในตัวสินค้าและตัวแบรนด์มาอย่างดี ก่อนที่จะสื่อสารออกไป
- สัญลักษณ์ของแบรนด์ – สัญลักษณ์ หรือ Logo เป็นเครื่องหมายที่จะช่วยให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้ จึงควรเป็นสิ่งที่แสดงตัวตนของแบรนด์ออกมาได้ชัดเจน และมีจุดที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้ที่เห็นแบรนด์นี้ได้
2.สร้างเนื้อหาคุณภาพต่ำ
การสร้างเนื้อหา (Content) บนเว็บไซต์ของแบรนด์ บนโซเชียลมีเดีย หรือบนช่องทางอื่นๆ ในโลกออนไลน์ มีส่วนช่วยให้คนได้รู้จักแบรนด์ได้มากขึ้น และการสร้างเนื้อหา ยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของการทำ SEO อีกด้วย ซึ่งการสร้างเนื้อหาให้มีความสอดคล้องกับ Keyword หลักๆ ของตัวแบรนด์หรือตัวสินค้าที่ต้องการขาย ก็จะเป็นผลดีกับการทำ Digital Marketing
แต่การสร้างเนื้อหาคุณภาพต่ำ ไม่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ โดยคาดหวังเพียงแค่ Keyword เท่านั้น เป็นสิ่งที่ควรระวัง และไม่แนะนำให้ทำ เพราะมันอาจไม่ส่งผลดีในระยะยาว ทั้งเรื่องของความเป็นมิตรต่อผู้บริโภค ไม่สร้างความรู้สึกดีๆ ของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ ไปจนถึงเรื่องของ SEO ที่ไม่พบเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ไม่สัมพันธ์กับเนื้อหาอื่นๆ ของแบรนด์
3.เลือกใช้ Platform ผิด
Platform การสื่อสารบนโลกออนไลน์นั้นมีให้เลือกใช้มากมายหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละช่องทางก็จะมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน และพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละช่องทางก็จะไม่เหมือนกันด้วย จึงควรเลือกช่องทางที่จะใช้ให้เหมาะสม เช่น Instagram เน้นลงภาพถ่าย เหมาะกับการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ ลงภาพถ่ายสินค้าและบรรยากาศ, Twitter เน้นเนื้อหาที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย และมีความรวดเร็ว, Facebook เนื้อหาละเอียด มีคุณภาพ กับรูปภาพประกอบหรือคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่สื่อสารตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย, Youtube เน้นลงคลิปวิดีโอ ความยาวหลายนาที เล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ละเอียด ภาพสวยงาม ดึงดูดผู้ชม
4.การใช้ Influencers
Influencers หรือเรียกอีกอย่างคือ ผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดของผู้บริโภค อาจไม่ใช่ดารานักแสดงก็ได้ แต่เป็นบุคคลทั่วไปที่เป็นที่รู้จักจากการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่ง และมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก เมื่อ Influencer ท่านนั้นๆ ได้นำเสนอหรือพูดถึงแบรนด์ใดๆ ก็จะส่งผลให้ผู้ติดตามได้รู้จักกับแบรนด์ หรือไปซื้อสินค้า-บริการนั้นๆ ตามจึงเป็นอีกช่องทางของการทำ Digital Marketing ที่กำลังนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่การใช้ Influencer ในปัจจุบันนั้น เริ่มมาถึงจุดที่ผู้บริโภคเริ่มเบื่อและจับได้ หากมีการนำเสนอที่ไม่จริงใจ ก็จะทำให้แบรนด์เสียชื่อเสียง รวมทั้งการเลือกใช้ Influencer ที่มีภาพลักษณ์ไม่ดี ไม่เหมาะสมกับแบรนด์ ก็จะส่งผลเสียกับสินค้าและแบรนด์ แบบที่ต้องเหนื่อยกับการแก้ปัญหาอีกแน่ๆ เพราะฉะนั้นจึงควรระวังวิธีการในการสื่อสารของ Influencer ให้ดี
การทำ Digital Marketing เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด เพราะทุกอย่างบนโลกออนไลน์นั้นเคลื่อนไหวเร็ว หากพลาดไปครั้งหนึ่งก็มีโอกาสแพร่กระจายไปไกลได้ในเวลาไม่นาน คงไม่มีใครอยากแก้ปัญหากันบ่อยๆ ดังนั้น การระมัดระวังเอาไว้ก่อนเป็นเรื่องที่ดี เพราะการสื่อสารที่ดีและเป็นมิตรกับผู้บริโภค จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับธุรกิจของคุณในระยะยาว
