เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ทำการสมาคมสื่อมวลชน ชั้นล่าง ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ชุมชนบ้านโมคลา ม.12 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 19 ราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน ให้เป็นตัวแทนประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือ เนื่องจากกลุ่มออมทรัพย์ชุมชนบ้านโมคลาน หมู่ 12 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา ไม่มีเงินจ่ายให้กับสมาชิก อ้างหนี้เสียมาก ส่งทนายความกลุ่มมาข่มขู่ ยึดสมุดออมทรัพย์ อ้างนำไปตรวจความถูกต้อง
นางจิตรา รอดขวัญ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/4 หมู่ 6 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ได้รับความเดือดร้อนว่า เมื่อ พ.ย.60 ตนได้ยื่นเรื่องขอกู้เงินพิเศษจากกองทุนฯ จำนวน 20,000 บาท เพื่อนำไปจ่ายค่าเทอมให้กับลูก แต่ทางกลุ่มอ้างว่าไม่มีเงิน เนื่องจากมีหนี้เสียมากจึงไม่สามารถจ่ายเงินจำนวน 20,000 บาทได้ แต่จะขอจ่ายเดือนละ 5,000 บาท ได้มาเพียง 3 เดือน เงินก็หมด หลังจากนั้นตนทราบว่ามีสมาชิกหลายคนทยอยลาออกจากการเป็นสมาชิกกองทุน และทุกคนก็ไปขอเงินคืน ได้รับคำตอบเหมือนเดิม
นางจิตรากล่าวว่า ตนจึงไปร้องขอความช่วยเหลือยังศูนย์ดำรงธรรม อ.ท่าศาลา แต่ได้รับการปฎิเสธ ให้ไปติดต่อทางพัฒนาชุมชน อ.ท่าศาลา แต่พัฒนาชุมชนให้ไปแจ้งความ เนื่องจากไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงของกลุ่มออมทรัพย์ฯ สมาชิกที่ลาออกจึงเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ที่ สภ.ท่าศาลา, มณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ เวลาผ่านไป 2 เดือน ทาง พงส.สภ.ท่าศาลา ก็เรียกคณะกรรมการกองทุนฯมาไกล่เกลี่ย นางพรปวีณ์ ทรัพย์แก้ว ประธานกองทุนฯแจ้งว่า จะมีการประชุมใหญ่ทุกวันที่ 7 ตุลาคม ของปี โดยปี 2561 เลื่อนเป็นวันที่ 20 ตุลาคม ซึ่งในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องการคืนเงินให้กับสมาชิกที่ลาออกแต่อย่างใด บอกแต่เพียงว่าหนี้เสียมาก ขณะที่ทนายความซึ่งเป็นที่ปรึกษากลุ่ม เข้ามาคุยใช้วาจาข่มขู่ บอกแต่เพียงว่าทางกลุ่มกำลังจะเคลียร์เงินให้กับสมาชิกทุกคน แต่สำหรับตนเอง ค่อยคืนหลังสุด พร้อมใช้ปากกาดำกากบาทรายชื่อของตน เหมือนว่าตนเป็นตัวปัญหา
นางจิตรากล่าว่า ตนจึงเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เฉพาะกลุ่มของตน 19 คน เงินออมกว่า 4 แสนบาท ยังไม่ได้กู้เงินแต่อย่างใด ขณะที่ทางกลุ่มมีสมาชิกกว่า 300 คน ไม่ร่วมเดินทางมากับตน เนื่องจากทนายความขู่หากมาร้องเรียนกับตนจะไม่คืนเงินให้ สิ่งที่สำคัญในเวลานี้ทางกลุ่มยึดสมุดออมทรัพย์ของพวกเราไป อ้างว่าจะนำไปตรวจสอบกับหลักฐานของกลุ่มที่มีอยู่ว่าตรงกันหรือไม่ จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาจะครบปีในเดือนพฤศจิกายนนี้เงินยังไม่ได้คืนสักบาท
นางมวล เพิ่มพูน อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11หมู่ 6 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง กล่าวว่า ยายฝากเงินทุกเดือน เงินในบัญชีของยาย 4 หมื่นกว่า ปีก่อนยายไปขอเบิกมา 1 หมื่นบาท นำมารักษาคุณตา ปีที่แล้วยายไม่สบายขอเบิก 1 หมื่นบาท เหลือ 2 หมื่นกว่าบาท ยังมีของหลานอีกหลายบัญชี อยากบอกให้ช่วยคืนเงินยายด้วย ยายตาบอดทำอะไรไม่ได้ มองไม่เห็น อย่าโกงเงินยายเลย ช่วยยายด้วย คนแก่อย่างยายเหลือเวลาไม่นาน เราอย่ามีหนี้ค้างกันเลย สองหมื่นกว่าบาทสำหรับยายมีค่ามาก อยากได้เงินคืนมากที่สุด เผื่อว่ายายไม่สบายจะได้นำเงินส่วนนี้มาใช้
